ผลงานของหลี่ซือ นายกผู้อยู่เบื้องหลัง ความยิ่งใหญ่ของ จิ๋นซีฮ่องเต้ กว่าสองพันสองร้อยปีที่แล้ว ที่ประวัติศาสตร์จีน จารึกไว้ด้วยคารวะ ก็คือ การปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน

หลังยึดหกรัฐรวมรัฐฉิน เป็นหนึ่งเดียวได้ สามผู้ยิ่งใหญ่ หวางกวน นายกรัฐมนตรี หลี่ซือผู้บัญชาการทหารสูงสุด และฝงเจี้ย ราชเลขาธิการ ก็เห็นพ้องต้องกัน ควรถวายพระนาม “อ๋วงตี้” (ฮ่องเต้) แก่ฉินอ๋องเจิ้ง

(10 ยอดผู้นำแผ่นดินจีน สุขสันต์ วิเวกเมธากร สำนักพิมพ์ ก.ไก่)

พระองค์ต้องการพระนาม ฉินสื่ออ๋วงตี้ ที่หมายถึงปฐมจักรพรรดิฉิน หรือฉินรัชกาลที่ 1 ซึ่งไม่มีเหมือนใคร ข้าราชการน้อยใหญ่ ต่างก็เปล่งเสียง “วั่นซุ่ย” หมื่นๆปี

การประชุมหัวข้อต่อมา ก็คือระบบการบริหารราชการแผ่นดิน

หวางกวน นายกเสนอใช้วิธีราชวงศ์โจว แต่งตั้งโอรสและพระญาติ ออกไปเป็นเจ้ากินเมือง เพื่อจะได้แผ่ขยายราชวงศ์ฉิน ให้ยิ่งใหญ่ต่อไปทั่วประเทศ

ข้อเสนอนี้ พระญาติวงศ์ และข้าราชการผู้ใหญ่ต่างก็เห็นด้วย

คัดค้านเสียงแข็งอยู่คนเดียว คือ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หลี่ซือ

“เมื่อโจวหวู่อ๋องตั้งญาติไปกินเมือง พระญาติก็กลายเป็นพยาธิกัดกินราชวงศ์โจวจนล่มลง

บัดนี้พระองค์เถลิงอำนาจเด็ดขาด บรรดากษัตริย์เจ้านครทั้งปวง ก็ล้มหายตายจากไปแล้ว ที่มีชีวิตก็เป็นสามัญชน หรือทาสเชลย โอกาสนี้จึงไม่ควรรื้อฟื้นระบบเจ้านายมาใช้อีก”

หลี่ซือยกเหตุผลค้าน แล้วก็เสนอให้ปกครองประเทศแบบใหม่

แบ่งการปกครองออกเป็นจังหวัด อำเภอ ตั้งข้าราชการสามัญชนไปปกครอง ขึ้นต่อรัฐบาลกลาง มีกำหนดสับเปลี่ยนโยกย้าย ไม่ให้ใครสร้างอิทธิพลแบบกินเมือง ระบบนี้หลี่ซือย้ำว่าจะสร้างความมั่นคงให้รัฐฉินไปนิรันดร์กาล

ฉินสื่ออ๋วงตี้ เห็นด้วย นับแต่นั้นก็มีการแบ่งการปกครองเป็น 36 จังหวัด ต่อมาแถมแถวภาคใต้ ถิ่นฐานเดิมของเผ่าไท อีก 5 จังหวัด

...

จัดตั้งสำนักงานสื่อสาร จัดม้าฝีเท้าดีรับช่วงส่งข่าวสารจากรัฐบาลกลางไปสู่ภูมิภาค และจากท้องถิ่นสู่นครหลวง ตลอด 24 ชั่วโมง

ผลงานนี้ มีผลให้ หวางกวน นายกรัฐมนตรี ถูกเปลี่ยนเป็นหลี่ซือ

ตัวหวางกวนก็หายหน้าไปมีข่าวว่า เป็นโรคแพ้ยาพิษ

อีกผลงาน... หลี่ซือสั่งยึดเครื่องมือโลหะทุกชนิดในแผ่นดิน เอามาหลอมเป็นมนุษย์โลหะ (ยักษ์) 12 ตัว

ที่น่าเสียดายถึงวันนี้ ไม่มีหลักฐานเหลือให้ดู ถ้าเหลืออยู่ 12 มนุษย์โลหะ ก็จะเป็นประติมากรรมยิ่งใหญ่ ผู้คนแห่ไปดู ไม่น้อยกว่ากำแพงเมืองจีน

พูดได้เต็มปาก ผลงานการปฏิรูปการปกครองของหลี่ซือ วางรากฐานการปกครองแบบใหม่ให้กับจีน มีผู้สืบทอดใช้ยืนยงมั่นคงมาถึงทุกวันนี้

แต่ก็นั่นแหละ ดาบคมมีสองด้าน ด้านหนึ่งช่วยให้การปกครองสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ราบรื่นตลอดรัชกาล

แต่คมอีกด้าน เกิดจากความไม่พอใจ ฝ่ายสูญเสีย...ทั้งขุนนางและพระญาติราชวงศ์ ที่ต่างเก็บอั้นเอาไว้

ชื่อฉินสื่ออ๋วงตี้ ที่เคยถูกเรียกขาน มหาราช ถูกเปลี่ยนเป็น ทรราช อันเนื่องมาจากสั่งเผาตำรามีค่า พร้อมๆกับการสั่งขุดหลุมฝังบัณฑิตกว่า 460 คน...

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเหตุร้ายๆ ที่ไม่คาดว่ามนุษย์ด้วยกัน จะทำกันได้ สืบเนื่องมาจากการปฏิรูปการปกครอง...ที่หลี่ซือริเริ่ม

นายกคนดี กลายเป็นนายกเลว และโหดไปได้อย่างไร คุณสุขสันต์ วิเวกเมธากร เล่าไว้เร้าใจ พรุ่งนี้ ผมขอเวลาเอามาขยายต่ออีกสักวัน.

กิเลน ประลองเชิง