มาตามนัด กกต.ประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.เขต 349 คน ออกมาเรียบร้อยแล้ว เมื่อบ่ายสามวันที่ 7 พฤษภาคม ยกเว้นเขต 8 เชียงใหม่ ที่ต้องเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 26 พฤษภาคม (คาดว่าพรรคเพื่อไทย น่าจะคว้าเก้าอี้ไปครองเหมือนเดิม) เมื่อวานนี้ กกต.คงประกาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คนตามมาอีกระลอกครบ 100 เปอร์เซ็นต์ วันนี้ก็ได้รู้กันแล้ว กกต.ใช้สูตรไหนคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แม้จะตะแคงสูตรคำนวณเพื่อแยก ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ออกมาให้อีก 11 พรรคเล็ก ผมก็คิดว่าคงไม่ช่วยสร้างความมั่นคงให้รัฐบาลปริ่มน้ำในอนาคตได้สักเท่าไหร่
วันพรุ่งนี้ คสช. จะนำรายชื่อ 250 ส.ว. ขึ้นทูลเกล้าฯถวายต่อไป
เมื่อองค์ประกอบการเมืองครบ การตั้งรัฐบาลก็ต้องเดินหน้าต่อไป เพื่อให้กลไกประเทศเดินหน้าต่อไปได้ บรรเทาความบอบช้ำของบ้านเมืองและเศรษฐกิจ หลังจากวันนี้ไป การเมืองไทยจะสนุกไปอีกแบบ นั่นคือ “เกมล่า ส.ส.พรรคเล็กและงูเห่า” เพื่อให้ได้เสียงข้างมากเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลระหว่าง 2 ขั้วใหญ่คือ พรรคพลังประชารัฐ มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น นายกรัฐมนตรี กับ พรรคเพื่อไทย มี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็น นายกรัฐมนตรี (ไม่แน่ใจว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่)
ผมเขียนวิเคราะห์มาตลอด พรรครัฐบาล หรือ พรรคพลังประชารัฐ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี และเป็น นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน หัวหน้า คสช.ผู้กำหนดกติกาการเมืองใหม่ จะได้เป็น แกนนำจัดตั้งรัฐบาล แม้ว่าจะมีเสียง ส.ส.ในสภาน้อยกว่าพรรคเพื่อไทยก็ตาม
วันนี้ผมก็ยังเชื่อว่า พรรคพลังประชารัฐ จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะได้เป็น นายกรัฐมนตรี โดยมี พรรค ส.ว. 250 เสียง ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนแต่งตั้งมากับมือ จะยกมือให้เสียงสนับสนุนเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะแถลงล่วงหน้าวันก่อนว่า จะได้รัฐบาลใหม่ในเดือนมิถุนายน ทุกอย่างอยู่ในกำหนดการล่วงหน้าหมดแล้ว
...
เรื่อง เสียงปริ่มนํ้า ผมไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาอะไร เพราะ ส.ส.ไทยมีนิสัยพิเศษอย่างหนึ่งที่ ส.ส.ในประเทศประชาธิปไตยไม่มี นั่นคือ นิสัยชอบเป็นฝ่ายรัฐบาล ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เพื่อผลประโยชน์ในอนาคต โดยไม่จำเป็นต้องมีอุดมการณ์เดียวกัน ยิ่งเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มนํ้าก็ยิ่งชอบ ผลประโยชน์จะยิ่งมากขึ้นเป็นเงาตามตัว บางคนถึงกับยอมเป็น “งูเห่า” หักหลังพรรคก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต และอาจจะเกิดขึ้นอีกในวันนี้
ผลพวงจาก รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานร่างฯ ส่งผลให้การเมืองไทยถอยหลังไปหลายสิบปี ไม่ใช่การปฏิรูปให้ดีขึ้น ในอนาคตประเทศไทยจะมีปัญหามากมายจาก รัฐบาลผสมที่อ่อนแอ เหมือน รัฐบาลผสมในยุโรป ที่เราได้เห็นในข่าวแทบทุกวัน ถือเป็น “บาปกรรม” ที่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ สร้างไว้ให้บ้านเมือง
เมื่อวานนี้ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลสำรวจ “ดัชนีชี้วัดความสุขโดยรวมของคนไทยในประเทศ” (Gross Domestic Happiness : GDH) เดือนเมษายน พบว่า ความสุขของคนไทยลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 อันเป็นผลมาจาก ค่าครองชีพสูง ปัญหายาเสพติดที่ไม่ลดลง และ สถานการณ์ทางการเมืองที่ยํ่าแย่
ดัชนีความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองของคนไทย ในเดือนเมษายน ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 75.6 เป็นระดับตํ่าสุดในรอบ 58 เดือน หรือ ในรอบ 5 ปี โดยเห็นว่า อยู่ในระดับดี 11.4% ปานกลาง 52.8% แย่ 35.8% ส่งผลให้ “ดัชนีความสุขในการดำรงชีวิต” ของคนไทย ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 78.7 จากระดับ 81.6 ในเดือนมีนาคม
5 ปีของ รัฐบาล คสช. ไม่ได้ ทำให้คนไทยมีความสุขเพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญเลย.
“ลม เปลี่ยนทิศ”