นักการเมืองกับสื่อมวลชนกลายเป็นประเด็นสำคัญและร้อนแรงทางการเมือง หลังจากที่มีการร้องเรียนกล่าวหาหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โดยมุ่งหมายจะให้ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ตามด้วยการกล่าวหาผู้สมัคร หรือว่าที่ ส.ส.อีกมาก บางคนคาดว่าอาจจะโดนนับร้อยคน หากโดนสอยทั้งหมด อาจจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ล่าสุดคือการร้องเรียนกล่าวหาว่าที่ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ 11 คน

การห้ามนักการเมืองเป็นเจ้าของ หรือเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชน มีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 2550 เป็นครั้งแรก เขียนไว้ชัดเจน ห้ามนักการเมืองเป็นเจ้าของสื่อหรือผู้ถือหุ้น ไม่ว่าในนามของตนเองหรือให้ผู้อื่นถือหุ้นแทน และห้ามนักการเมืองดำเนินการทั้งโดยทางตรงและโดยทางอ้อม เพื่อให้ตนสามารถบริหารกิจการสื่อได้ ในทำนองเดียวกับการเป็นเจ้าของ

รัฐธรรมนูญ 2550 กับ 2560 ต่างกันตรงที่ว่า ฉบับ 2550 ไม่มีบทบัญญัติห้ามเจ้าของสื่อสมัคร ส.ส.คล้ายกับว่าสมัคร ส.ส.ได้ แต่จะต้องพ้นจากตำแหน่ง ถ้าเป็นเจ้าของสื่อ ส่วนฉบับ 2560 ห้ามเจ้าของสื่อสมัคร ส.ส. และเป็นเหตุให้พ้นจากตำแหน่ง วัตถุประสงค์สำคัญเพื่อให้นักการเมืองและสื่อมวลชนทำหน้าที่ตามหลักจริยธรรมของแต่ละฝ่าย

มีเสียงวิจารณ์ว่า ว่าที่ ส.ส.ส่วนใหญ่ที่ถูกร้องเรียนกล่าวหาเป็นเจ้าของสื่อ หรือเป็นผู้ถือหุ้น ไม่ได้ประกอบกิจการสื่ออย่างจริงจัง บางคนอาจเพียงแต่ระบุวัตถุประสงค์ไว้ในการจดทะเบียนบริษัทว่าจะทำธุรกิจสื่อด้วย แต่ไม่ได้ทำจริง แต่บางคนเป็นเจ้าของสื่อตัวจริงในนามของคนอื่น แต่แอบบริหารจัดการ ใช้สื่อเป็นกระบอกเสียงทางการเมือง

ผู้ที่มีชื่อเป็นเจ้าของหุ้นกิจการสื่อ แต่ไม่ได้ประกอบกิจการสื่อจริง อาจกลายเป็นผู้ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. และอาจถูกดำเนินคดีอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ขณะที่เจ้าของสื่อตัวจริงที่แอบจัดการบริหารสื่ออยู่หลังฉาก สั่งการให้ใช้สื่อเป็นกระบอกเสียงโฆษณา ชวนเชื่อฝ่ายตน และบดขยี้คู่แข่งอาจลอยนวล กฎหมายเอื้อมมือไม่ถึง ในสังคมที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยแท้

...

ดังได้กล่าวแล้วว่าเหตุผลสำคัญ ที่กฎหมายสูงสุดของประเทศห้ามนักการเมืองไม่ให้เป็นเจ้าของสื่อ เพื่อให้นักการเมืองปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ ไม่เอาเปรียบคู่แข่งที่ไม่มีสื่อเป็นกระบอกเสียง และป้องกันไม่ให้สื่อถูกบีบบังคับให้ละเมิดจริยธรรมของวิชาชีพ และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ รับผิดชอบต่อสังคม เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่ไม่บิดเบือน

ยกตัวอย่างจริยธรรมของหนังสือพิมพ์ที่ประกาศใช้โดยสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อ เช่น ต้องพยายามให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ต้องละเว้นการเสนอข่าวด้วยความลำเอียงหรืออคติ ในกรณีที่เสนอข่าวผิดพลาด ต้องแก้ไขข้อผิดพลาดโดยไม่ชักช้า และต้องไม่สอดแทรกความคิดเห็นลงในข่าว ต้องแยกข่าวกับความคิดเห็น.