เรื่องแพผักบุ้ง สุจิตต์ วงษ์เทศ เขียนไว้ในนิยายแปลงพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฯ “กรุงแตก ยศล่มแล้ว (สำนักพิมพ์นาตาแฮก พิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ศ.2561) ได้ทั้งอ่านเพลินๆ ได้ทั้งความรู้ตื่นเช้า ระหว่างนางสีกับลูกสาวช่วยกันทำแพผักบุ้ง“ผักบุ้งมันเป็นพืดเป็นแพมากับน้ำ ข้าก็เอาลำไม้ไผ่ไล่ต้อนมารวมไว้กับตลิ่งนี้ แล้วเอาลำไม้ไผ่ขนาบไว้เป็นคอกน้ำ ผักบุ้งมันก็อยู่ในคอกไม่ไหลหนีไปกับน้ำ”ปากนางสีบอกลูกสาวไป มือก็เอาลำไม้ไผ่อีกลำหนึ่งขนาบเข้าคู่เรียงเสริมความแข็งแรง แล้วเอาอีกท่อนหนึ่งปักเป็นเสาเข้ากับตลิ่งสูง ใช้เชือกผูกเข้ากับเสาแล้วยึดโยงไม้ขนาบผักบุ้งลงในแม่น้ำนางสีบรรพชนข้างพ่อเป็นเขมร แต่ข้างแม่เป็นมอญ ได้ชื่อสีจากคำเขมรว่า “สรี” อ่านว่า สะ–เรย หมายถึงสตรีหรือผู้หญิงนางสีขยับโคนไว้แล้ว ให้ปลายไม้ไผ่ลำนั้นต้อนผักบุ้งเข้ารวมกลุ่มหลวมๆ เอื้อมไปเด็ดผักบุ้งยอดงามๆไปกำมือหนึ่ง แล้วเอามือล้วงลงไปใต้แพผักบุ้ง ควานหาอะไรอยู่สองสามรอบก็ได้ปลาช่อนมาตัวหนึ่ง ตั้งใจเอาไปทำแกงส้มต้มปลาช่อนมื้อเย็น แต่ปลาช่อนตัวเดียวจะไม่พอแบ่งกิน เลยควานหาปลาอย่างอื่นที่จะจับได้ไปด้วย“มีปลาด้วยหรือ” อีนังโสมลูกสาวถาม “มันกินรากผักบุ้งอยู่ใต้แพ ใครอยากกินปลาก็มาจับเอาไป” คนบ้านอื่นมาจับไปกินได้ไหม “ได้ซี่” นางสีบอกอีนังลูกสาวมองหน้าแม่อย่างงงๆ นางสีจึงบอกว่า “ปลาในน้ำไม่ใช่ของเรา เป็นของพระเจ้าแผ่นดิน ใครอยากกินก็มาจับไปกินได้ แล้วพิษฐานบอกพระเจ้าแผ่นดินด้วย”ตรงแพผักบุ้งของนางสี เป็นตลิ่งโค้งน้ำสามแพร่ง ที่เกิดจากแม่น้ำลพบุรี รวมชนกับแม่น้ำป่าสัก โรงกระท่อมนางสีกับลูกๆหลานๆ ปลูกชิดติดกันเป็นพืด อยู่ชานพระนครใกล้ป้อมมหาไชยทุกคนทำงานตามที่นางสีชี้นำ ทำร่วมกัน กินร่วมกัน ถ้าอดก็ต้องอดพร้อมกัน แต่ไม่เคยอด เพราะมีข้าวสารเหลือก้นครก มีผักบุ้งกับปลาทั้งแม่น้ำอยู่หน้าบ้าน จะเอามาทำกินกับข้าวเมื่อไหร่ก็ได้ผมอ่านถึงตรงนี้ แล้วจินตนาการ “ใต้น้ำมีปลา เหนือน้ำมีผักบุ้ง” คนสมัยกรุงศรีอยุธยา ไม่เคยร่ำรวย แต่ไม่เคยขัดสนอับจน ทุกเมื่อมีของให้หากินอยู่ใกล้มือคำบอกเล่าแม่สี “ปลาเป็นของพระเจ้าแผ่นดิน ใครจะกินก็ได้” ฟังแล้วจับใจมากปลาที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำ หากินของมันไป แต่ปะเหมาะเคราะห์งาม เจอทำเลดีใต้แพผักบุ้ง ทั้งร่มเย็น ทั้งมีรากผักบุ้งไว้กิน ก็แวะเข้าอาศัยแล้วทำไมโบราณท่านจึงทัก “น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย” เล่าครูภาษาไทยท่านหนึ่ง เคยเขียนจดหมายมาบอก คำพังเพยชุดนั้น สอนเรื่องการทำขนมปลากริมไข่เต่าตอนปั้นแป้งทำขนมต้องใช้น้ำร้อน จึงได้ปลาหรือไข่เต่าเป็นตัว ปล่อยให้เย็น ก็ปั้นไม่เป็นตัวแต่คำอธิบายอีกชุดความหมายตรงกันข้าม ปลาว่ายในแม่น้ำ เหมือนอยู่ในน้ำร้อน ปลอดภัยมากกว่า ปลาที่อยู่ในน้ำร่มเย็น ใต้แพผักบุ้ง ใกล้มือคนแค่คนเอื้อมลงไป ก็จับปลามาต้มยำทำแกงได้เลยคำอธิบายความหมาย น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย ทำให้ผมนึกได้ ปลาก็เหมือนนักการเมือง ที่ตอนนี้กำลังถูกแรงดูดย้ายแพ ...เอ๊ย ย้ายพรรค กันเป็นว่าเล่นในแรงดูดแพใหม่ จะแน่ใจได้แค่ไหน ว่าน้ำจะเย็นเรื่อยไป หากถึงตอนเลือกตั้ง ชาวบ้านเขาเบื่อขี้หน้า เกิดปิ๋วขึ้นมา น้ำเย็นที่ว่าก็จะกลายเป็นน้ำร้อนพรรคการเมืองเหมือนแพผักบุ้งตั้งไม่ยาก เจอน้ำแรงก็พัง พรรคที่ว่าใหญ่ๆนั้นกระทั่งชื่อ ยังไม่กล้าตั้งเลย.กิเลน ประลองเชิง