ในฐานะแฟนทีวีขนานแท้ ที่ชอบดูทีวีและเขียนถึงรายการทีวีที่ประสบความสำเร็จผ่านคอลัมน์นี้อยู่บ่อยๆ...อย่างล่าสุดก็เขียนถึงละครเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” ของช่อง 3 เสียหลายวัน
วันนี้คงต้องขออนุญาตเขียนถึงช่องที่อยู่ในเครือเดียวกันคือ “ไทยรัฐทีวี” ช่อง 32 บ้างล่ะครับ เพราะเพิ่งจะมีข่าวว่าประสบความสำเร็จในประเด็นที่น่าจะนำมาบอกเล่าเก้าสิบได้เช่นกัน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง มีการเผยแพร่ผลการสำรวจของบริษัท AGB Nielsen เจ้าตำรับสำรวจเรตติ้งทางทีวี อันเป็นที่ยอมรับ ทั้งในระดับโลกและในประเทศไทยออกมาว่า
ในช่วงระหว่าง 16-30 พฤษภาคมที่ผ่านมานี้ รายการข่าวภาคค่ำของ ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 “ไทยรัฐนิวส์โชว์” มีเรตติ้งสูงถึง 1.953 และมีผู้ชมสูงสุดกว่า 1.88 ล้านคนต่อนาที เป็นอันดับ 1 ของรายการข่าวภาคค่ำ ทางดิจิตอลทีวีทั้งหมด
รายการนี้ดำเนินรายการในลักษณะเล่าข่าว โดย 2 นักเล่าข่าวคู่ขวัญคนใหม่ ภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ และ เขมสรณ์ หนูขาว เริ่มเล่าตั้งแต่เวลา 20.00 น.เศษๆ เป็นต้นไป ยกเว้นวันศุกร์ ที่จะมาเวลา 19.30 น.
ลีลาการเล่าและจังหวะการส่งลูก ตลอดจนความเห็นเสริมเล็กๆน้อยๆ ไม่มากไปไม่น้อยไป ถือเป็นความสามารถเฉพาะตัวของทั้งคู่
ประกอบกับการเกาะติด และการรายงานอย่างมีชีวิตชีวาจากสถานที่เกิดเหตุของบรรดานักข่าวสนาม พร้อมด้วยการเสริมให้เข้าใจเรื่องราวง่ายขึ้น โดยเทคโนโลยีอิมเมอร์ซีฟกราฟิก ล้วนมีส่วนทำให้ “ไทยรัฐนิวส์โชว์” มีเสน่ห์และลงตัวดูได้อย่างเพลิดเพลินตั้งแต่ต้นจนจบ
...
ส่วนความแรงของข่าวแต่ละวันก็ขึ้นอยู่กับประเด็นข่าวว่าน่าสนใจ หรือโดนใจผู้ชมแค่ไหน
ดังเช่น ในช่วงที่รายการนี้ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 แบบพุ่งกระฉูดข่าวใหญ่ก็คือการติดตามจับพระผู้ใหญ่ในคดีเงินทอน และการบุกเข้าจับอดีตพระพุทธะอิสระนั่นเอง
หรือเมื่อเดือนก่อนๆโน้นก็ข่าวเรื่อง “หวย 30 ล้านบาท” ที่พลิกกันไปพลิกกันมา มาจนถึงพีกสุดวัน ผบ.ตร.ตั้งโต๊ะแถลง ทำให้ “ไทยรัฐนิวส์โชว์” มีผู้ชมสูงสุดเช่นกัน โดยเฉพาะในต่างจังหวัด
สำหรับผมเองโดยส่วนตัวที่จะต้องติดตามข่าวสารประจำวัน เพื่อหยิบประเด็นของบางข่าวมาเขียนในคอลัมน์ เพื่อไม่ให้ตกกระแสสังคมนั้น ผมชอบดูข่าวของไทยรัฐทีวีมาตั้งแต่ “ข่าวเย็น” แล้วละครับ
ตั้งแต่ 4 โมงครึ่งถึง 5 โมงครึ่งของวันจันทร์ถึงศุกร์ ถ้าผมไม่มีธุระปะปังที่ไหนอื่น ก็จะนั่งดูข่าวเย็นของไทยรัฐไปเรื่อยๆจนจบ ทิ้งท้ายด้วย “ชูวิทย์ ตีแสกหน้า” ตามระเบียบ
ท่านผู้อ่านคงทราบแล้วว่า ด้วยเทคนิคและวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน ทำให้ฝ่ายข่าวของไทยรัฐทีวีกับหนังสือพิมพ์ไทยรัฐนั้นจะเป็นคนละชุด
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เรามีเหมือนกันเพราะได้รับการฝึกอบรมบ่มเพาะจนกลายเป็นวัฒนธรรมขององค์กรเราไปแล้วก็คือ “ข่าว” จะต้องมาก่อนเสมอ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐไต่เต้าจากหนังสือพิมพ์เล็กๆ จนมาเป็นหนังสือพิมพ์ ที่มียอดจำหน่ายมากที่สุดของประเทศ ก็ด้วยการเน้นไปที่ “ข่าว” ก่อนอะไรทั้งหมด เราจะถ่ายทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นตลอดเวลากว่า 60 ปีแล้วว่า “ข่าว” คือหัวใจของเรา คอลัมน์หรือปกิณกะอื่นๆแม้จะมีความสำคัญ แต่ก็ยังรองลงมาจากข่าว
ในการประชุมสัมมนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างพวกเราทั้งหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์หลายครั้งหลายหน เราก็จะพูดและย้ำไปที่วัฒนธรรมของไทยรัฐข้อนี้
รายการอื่นจะแพ้เขาก็แล้วไปเถอะ แต่ข่าวอย่าให้แพ้ใคร เพราะจะเสียมาถึงไทยรัฐ
ผมดีใจมากและภูมิใจมากที่น้องๆฝ่ายทีวีได้ทำหน้าที่ได้อย่างที่องค์กรคาดหวังไว้
อย่างอื่นๆยังแพ้เขาอยู่อีกเยอะ หาทางปรับปรุงต่อสู้และพัฒนาตัวเองต่อไปเถอะ แต่อย่างน้อยเรื่องข่าวไม่แพ้ใครเขาแล้วละ...
เสียนิดเดียวว่า “เรายังมิได้ชัยชนะที่ถาวรและยั่งยืน รายการ “ไทยรัฐนิวส์โชว์” ยังเป็นอันดับ 1 แค่บางช่วงบางเวลาที่มีข่าวสำคัญๆ เกิดขึ้นเท่านั้นเอง...ทำอย่างไรจะเป็นที่ 1 ในทุกวันและทุกๆข่าวได้ ขอฝากน้องชายที่ชื่อ “ประณต วิเลปสุวรรณ” บรรณาธิการข่าวใหญ่คนใหม่ล่าสุดของไทยรัฐทีวี ไปคิดเป็นการบ้านก็ละกัน.
“ซูม”