สมัยราชวงศ์หยวน (พ.ศ.1814-1911) นักศึกษาลัทธิขงจื๊อ ถามท่านสังฆราชจงฟ่งว่า พุทธศาสนาสอนว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่เหตุไฉน จึงมีคนทำดีไม่ได้ดี คนทำชั่วกลับได้ดี...มากนัก
(โอวาทสี่ของท่านเหลี่ยวฝาน เจือจันทน์ อัชพรรณ (มิสโจ) แปล พิมพ์แจกเป็นธรรมทาน)
สังฆราชจงฟ่ง อธิบายว่า ความดีมีลักษณะแตกต่าง เช่น การทำความดีด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ผลที่ออกมาอาจพลิกผันเป็นตรงกันข้าม
ท่านสังฆราชเล่าถึงขุนนางผู้ใหญ่ในสมัยพระเจ้าอิงจงฮ่องเต้ รับราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เมื่อเกษียณราชการ ไปอยู่ในชนบท ชาวบ้านเปรียบท่านดุจเขาท่ายซาน ขุนเขาสูงสุดในแผ่นดิน
วันหนึ่งมีชายขี้เมา ปราดเข้ามาชี้หน้าด่าท่าน ขณะบริวารจะฮือเข้าไปเล่นงาน ท่านก็ออกปากห้าม ปล่อยให้เขากลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
ต่อมาไม่นาน ชายขี้เมาคนนั้นก็ก่อเรื่องเกะกะระราน จนถึงขั้นรับโทษประหาร ท่านขุนนางรู้ข่าวก็เสียใจ
“ตอนที่เขาด่าเรา ถ้าเราทำโทษให้เขาหลาบจำ เขาก็คงไม่หลงตัวเหิมเกริมไปก่อเรื่องใหญ่”
นี่คือบทเรียนของความดีแบบหนึ่ง ซึ่งกลายเป็นผลร้ายแรง
เรื่องของความดี...ยังไม่ใช่เรื่องของจำนวนมากน้อย ขุนนางอีกคน รับราชการในกรมประวัติศาสตร์ อายุได้สี่สิบปี เขาก็ตาย และถูกจับไปตัดสินในยมโลก
พญายมสั่งเปิดบัญชีดีชั่ว ผลปรากฏว่าบัญชีชั่วนั้นมากมาย ก่ายกองเต็มห้อง ส่วนบัญชีความดีนั้น เล็กนิดเดียวขนาดเท่าตะเกียบข้างหนึ่ง
แต่เมื่อพญายมเอาบัญชีความดีกับบัญชีความชั่วไปขึ้นตาชั่ง ผลปรากฏตรงกันข้าม บัญชีชั่วที่มีมากมาย น้ำหนักเบานิดเดียว
ขณะที่บัญชีความดีเท่าตะเกียบข้างเดียวนั้น กลับน้ำหนักมากกว่าหลายเท่า
ท่านขุนนางสงสัย ถามพญายม “ก่อนตายข้าพเจ้าอายุไม่มาก แต่ไฉนความชั่วจึงมากมายนัก” “เพียงคิดมิชอบ เช่น เห็นผู้หญิงสาวแล้วมีจิตรักใคร่ก็เป็นบาป ถูกบันทึกไว้แล้ว”
...
พญายมตอบ
ขุนนางถามต่อ “แล้วเรื่องความดี ที่มีในบัญชีเล่มนิดนั้น เป็นอย่างไร”
พญายมบอกว่า ครั้งหนึ่งฮ่องเต้ ดำริจะซ่อมสะพานหิน ในเมืองฝูเจี้ยน ท่านเป็นห่วงชาวบ้านจะเดือดร้อนเพราะถูกเกณฑ์แรงงาน จึงมีหนังสือถวายความเห็นคัดค้าน”
ขุนนางบอกพญายมว่า คำคัดค้านนั้นไม่สำเร็จผล เพราะฮ่องเต้สั่งเริ่มงานไปแล้ว พญายมอธิบายว่า การที่ท่านมีเมตตาจิตต่อราษฎร เป็นกุศลจิตใหญ่หลวง
หนังสือคัดค้านแม้เป็นเรื่องเล็ก แต่เมื่อเป็นการกระทำเพื่อชนหมู่ใหญ่ ความดีนั้นก็ใหญ่หลวงยิ่งขึ้น
กติกาความดีนั้น ให้ความสำคัญกับเจตนา และผลที่เกิดตามมา
บ้านเมืองเราตอนนี้ เริ่มมีเสียงปี่กลองให้สัญญาณเลือกตั้ง คนในกว่าห้าสิบพรรคการเมืองที่เสนอตัวเข้ามา ล้วนแต่เชื่อมั่นว่าเป็นคนดีๆ
กว่าจะถึงวันเลือกตั้ง ชาวบ้านอย่างเราๆคงเวียนหัวตาลายกับความดีที่ประเดประดังออกมา
อย่าลืม ความดีมีทั้งปริมาตร ขนาด น้ำหนัก จำนวน และความตั้งใจ ไม่ใช่เอะอะเขาว่าเป็นคนดี ก็ดีไปกับเขาด้วยทุกคน.
กิเลน ประลองเชิง