ความรู้เรื่องตำรวจยุคแรกของไทย แต่งเครื่องแบบ “หัวแดงแข้งดำ” (ดูตัวเป็นๆได้ ในงานอุ่นไอรักคลายความหนาว) ไม่ได้จบลง ตรงหมวกแดงนั้น ได้แบบมาจากหมวกแขกตุรกี หรือ หมวกเติร์ก
และตุรกีก็ไม่ได้คิดขึ้นเอง เอาตัวอย่างมาจาก “ตูนิเซีย” อีกทีเมื่อราวๆ 500 ปีที่แล้ว
แวดวงคนรักเทวรูปเขมร เอ่ยคำว่า “หมวกแขก” ออกมาเป็นตาลุกวาว เพราะคำหมวกแขกนั้น บ่งถึงเทวรูปยุคแรกของเขมร จำนวนน้อย หาได้ยาก ราคาแพงมาก
คำ “พรีแองกอร์” ที่แปลว่า ก่อนเมืองพระนคร (วัด) หมายถึงเทวรูปยุคแรกหลายสมัย นับแต่ พนมดา (พ.ศ.1050-1250) สมโบร์ไพรกุก ไพรกเมงและกำพงพระ กุเลน ไปจบที่สมัยพระโค (พ.ศ.1420-1440)
เทวรูปยุคสวมหมวกแขก (บางองค์มีลวดลายเรียกหัวสับปะรด) คนไทยคุ้นๆที่กำลังเป็นข่าว จะตามเอาคืนจากฝรั่ง คือเทวรูปที่พบจากเขาปลายบัด อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์
ในหนังสือศิลปะขอม (โรงพิมพ์คุรุสภา พ.ศ.2539) ศาสตราจารย์หม่อมเจ้า สุภัทรดิศ ดิศกุล อธิบายไว้ในหัวข้อ ประติมากรรมรูปมนุษย์ที่ทำขึ้นจากการสลัก (หิน) ดูได้รอบด้าน ว่า
ปลายอาณาจักรฟูนัน สมัยพระเจ้ารุทรวรมัน พบประติมากรรมลอยตัวฝีมือการสลักดียิ่ง เรียกศิลปะพนมดา ได้รับอิทธิพลจากอินเดีย แสดงวิวัฒนาการจากภาพสลักนูนสูง หรือภาพที่ยืนอิงอยู่เหนือแผ่นหลัง ไปยังภาพลอยตัว
วิธีที่ว่านี้ คือการเลิกใช้แผ่นหลัง โดยหันมาใช้วงโค้งสำหรับยึด (แขนสี่แขน และของในมือ) แทน
เมื่อช่างพัฒนาฝีมือ สลัก ตะบอง ขวาน หรือคันไถ ฯลฯ ก็ใช้เป็นที่ยึดได้ วงโค้งก็ค่อยๆหายไป
ศิลปะสมโบร์ไพรกุก วงโค้งเกือกม้ายังมีแต่การยืนเอียงตะโพกแบบอินเดียน้อยลง เทวรูปหลายองค์ยืนท่าตรง
ถึงศิลปะแบบไพรกเมงและกำพงพระ (ราว พ.ศ.1180-1350) สมัยนี้ศิลปะฝีมือแตกต่างกันมาก มีตั้งแต่สวยงามที่สุดอย่างประโคนชัย ไปถึงเลวมาก เหตุเพราะบ้านเมืองจลาจล
...
ศิลปะนี้ นอกจากมีอิทธิพลของอินเดีย ยังได้จากศิลปะอินเดียชวา ซึ่งมาเร็วและไปเร็ว
พระพุทธรูปรุ่นแรกของขอม ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 11 ถึง 13 มีลักษณะเหมือนเทวรูปแบบคุปตะ ครองจีวรเรียบไม่มีริ้ว จีวรที่ห่ม มีทั้งห่มเฉียงและห่มคลุม
พระพุทธรูปยุคนี้ เปลี่ยนท่ายืนเอียงตะโพกมาเป็นยืนตรง ส่วนล่างของจีวรสลักอย่างคร่าวๆ จนดูแข็งกระด้าง ตั้งแต่กลางพุทธศตวรรษที่ 14 (ศิลปะกุเลน) พระพุทธรูปก็หายไป กลับมาเริ่มใหม่ อีกราว 200 ปีต่อมา
ในศิลปะกุเลน (พ.ศ.1370-1420) ช่างยังลังเลวงโค้งเกือกม้ายังมีและเมื่อช่างแน่ใจ วงโค้งก็หายไป หมวกแขกที่สืบทอดมาแต่สมัยพนมดา ถึงปลายศิลปะกุเลน
ก็เริ่มมีกระบังหน้าเป็นครั้งแรก รูปร่างง่ายๆ พร้อมมงกุฎทรงเตี้ย
มงกุฎนี้เป็นต้นกำเนิดมงกุฎพระนารายณ์ ตั้งแต่ พ.ศ.1420 (ศิลปะแบบพระโค) เป็นต้นมา ช่างเริ่มมั่นใจ กล้าแสดงความเคลื่อนไหวของประติมากรรมลอยตัว
วงโค้งเกือกม้า และหมวกแขก ก็หายไปในยุคพระโคนี่เองผมเอาความรู้ของท่านอาจารย์ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ มาขยาย ตั้งใจบอกว่า “หมวกแขก” ที่เข้าใจว่าแขกตุรกีเอามาจากแขกตูนิเซียนั้น
ความจริง แขกอินเดียเป็นต้นแบบหมวกแขกให้ขอมอีกที ตั้งแต่เมื่อกว่าพันปีที่แล้ว
แถมความรู้ต่อให้อีกนิด...“ตำรวจ” ก็เหมือนกัน มีคำนี้จารึกไว้ที่ปราสาทนครธม เมื่อขุนหลวงพะงั่วไปรบชนะเขมร ก็เอาระบบ “เทวราช” ของเขมรมาใช้ในอยุธยา “ระบบตำรวจ” ก็ติดมาด้วย
ทั้งโลกเราเป็นเช่นนี้ ลอกกันไปๆมาๆอย่างนี้ ต้นฉบับที่คิดเองใช้เอง ไม่ค่อยมีนักหรอกจะบอกให้.
กิเลน ประลองเชิง