หนึ่งในบรรยากาศไทยๆ ในงานอุ่นไอรักคลายความหนาว ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า คือ ตำรวจยุคแรก สวมหมวกแขกแล้วใส่รองเท้าพันแข้งด้วยผ้าสีดำ เรียกกันว่า พวกหัวแดงแข้งดำ

ผมเคยเห็นภาพขาวดำในหนังสือประวัติตำรวจ พอได้เห็นตัวเป็นๆก็พลอยคิดไปไกล

ชาวบ้านเรียกหมวกแขก...แต่ผู้ใหญ่ที่มีความรู้ ท่านบอกลูกหลานว่า ที่จริงเรียกหมวกเติร์ก ชื่อเรียกนี้ทำให้นึกถึงต้นแบบทหารหนุ่มนักปฏิวัติยังเติร์ก

ส.พลายน้อย เล่าเรื่อง “หมวกแขก” ไว้ในหนังสือ รู้ร้อยแปดเล่ม 2 (สำนักพิมพ์สารคดี พ.ศ.2544) หมวกเติร์กนี้นิยมใช้ในประเทศตุรกีนานหลายร้อยปีแล้ว

ไล่เรียงที่มาย้อนไป ตุรกีเอาแบบมาจาก “ตูนิเซีย” อีกที

เมื่อ 500 ปีที่แล้ว ฮุสเรพปาชา ผู้นำตุรกี ได้หมวกแบบนี้มาจากเมืองเออร์เซรุม (ตูนิเซีย) เอามาให้ทหารเรือสวม ตั้งแต่นั้นมา ก็เรียกกันว่า หมวกเติร์ก

สมัยสุลต่านมะหะหมุดที่ 1 โปรดหมวกสีแดงมาก สั่งให้ทหารบก ข้าราชการ และพลเรือนใช้ ตุรกีสมัยนั้นจึงหัวแดงกันทั้งเมือง แต่เกิดมีปัญหา พระในศาสนาอิสลามคัดค้าน ว่าขัดหลักศาสนา ไม่ยอมให้อิสลามิกชนใช้

พระเอะอะได้พักใหญ่ ท่านสุลต่านพิโรธ สั่งให้กำราบ

เจอไม้แข็งเข้า พวกพระก็จำยอม

รูปแบบหมวกแขกสีแดงยุคแรกๆมีพู่ห้อยระย้า ว่ากันว่าเพื่อความสวยงาม แต่ความจริงดั้งเดิม เขามีพู่ห้อยไว้ไล่แมลงวัน ในสมัยที่มีแมลงวันชุม

พอแมลงวันตอม ก็ไม่ต้องทำอะไรมาก ถ้าเป็นชาวบ้านก็แค่ส่ายหน้า ถ้าเป็นทหารกำลังยืนยาม แค่เอียงคอ พู่ก็ปัดแมลงวันได้

สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเล่าไว้ในเรื่อง “ไปเมืองตุรกี” ว่าหมวกแขกสีแดงนั้น หาซื้อได้ทั่วไปในตลาด แต่งกายแบบไหนก็ได้ พอเอาหมวกสวมหัวเข้าไปถ่ายรูปก็ได้ภาพหมู่ “หัวแดง” ไว้เป็นที่ระลึก

...

สุลต่านนิยมหมวกแดงจนมาถึงสมัยมุสตาฟา เคมาล ท่านเคมาลไม่ชอบเอามาก เห็นว่าหมวกแดงเป็นเครื่องหมายของจักรวรรดิออตโตมาน และศาสนาอิสลาม

สั่งเป็นนโยบายให้เปลี่ยนมาใช้หมวกปีกแบบฝรั่ง เริ่มที่ทหารองครักษ์ใกล้ๆตัว

ทหารนั้นสั่งอะไรก็ซ้ายหันขวาหันอยู่แล้ว แต่ชาวบ้านใส่หมวกแขกกันมานาน พวกพระที่เคยไม่ยอมตอนแรกๆ ถึงตอนนั้นก็ร่วมคัดค้าน

เคมาล ปาชา ผู้ได้ชื่อว่าบิดาแห่งเติร์ก สั่งเด็ดขาด ตำรวจตระเวนไปเจอใครที่ยังสวมหมวกแขก ขั้นแรกก็ยึดหมวก ขัดขวางก็จำคุก

ทหารระดับนำ อย่างนายพลนูเรดดิน ปาชา ตั้งใจลองของ สวมหมวกแขกเข้าประชุมสภา บิดาเติร์กก็สั่งให้เชิญออก แล้วออกกฎหมายเพิ่มโทษหนัก เริ่มตั้งแต่โบย จำคุก ยิงเป้า แขวนคอ

ชาวตุรกีก็ต้องดิ้นรนไปหาหมวกปีก แต่มีปัญหาเพราะหมวกปีกนั้นพวกคริสเตียนใช้ และเมื่อบิดาแห่งเติร์กไล่คริสเตียนออกไปหมดแล้ว หมวกปีกก็หายาก

สถานการณ์ในตุรกีตอนนั้นชาวบ้านก็วุ่นวาย เจอหมวกผู้หญิงมีปีกก็เอามาใส่หัวเพื่อให้รอดตัวไปก่อน

เจออิทธิฤทธิ์บิดาแห่งเติร์ก หมวกแขกสีแดงที่รุ่งเรืองเฟื่องฟูมาหลายร้อยปีก็ให้มีปาฏิหาริย์หายไป

บ้านเมืองของเรา เคยมีรัฐนิยม มาลานำไทย ออกจากบ้านต้องสวมหมวก สมัยจอมพล ป. อยู่พักหนึ่ง

เคราะห์ดีสมัยนี้ ยังไม่มีวี่แววทหารนึกสนุก อยากดูคนไทยสวมหมวกอีกสักครั้ง แต่หากทหารนึกสนุกเมื่อไหร่ หมวกสมัยนี้หาง่าย...นอกจากใส่กันแดดบ่มผิว ยังช่วยให้เมืองไทยดูดีศิวิไลซ์อีกด้วย.

กิเลน ประลองเชิง