ขณะนี้คนทั่วไปตกอยู่ในภาวะงุนงงสงสัย จะมีการเลือกตั้งเมื่อใดกันแน่ แม้รัฐบาลจะปลอบใจว่าเป็นไปตามโรดแม็ป แต่ดูเหมือนจะเป็นโรดแม็ปที่ยืดได้หดไม่ได้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ บอกนักข่าวว่าไม่เชื่อว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เพราะแม้แต่นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีก็ไม่อาจตอบได้ ไม่เป็นผลดีในสายตาสังคมโลก เป็นการเลื่อนเลือกตั้ง โดยไม่มีเหตุผลอันควร

เหตุที่ต้องเลื่อนการเลือกตั้ง จากเดือนพฤศจิกายน 2561 มาเป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เนื่องจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แก้ไขกฎหมายการเลือกตั้ง ส.ส. เลื่อนการบังคับใช้ออกไป 90 วัน และขณะนี้มีสาเหตุใหม่ คือ ความขัดแย้งเกี่ยวกับร่างกฎหมาย 2 ฉบับ

เป็นความเห็นต่างระหว่าง สนช.กับคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กับ สนช. เนื่องจาก สนช.แก้ไขร่างกฎหมายการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. เป็นเหตุให้ต้องตั้งคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย เพื่อพิจารณาร่วมกัน โดยให้เวลา 15 วัน และส่งกลับให้ สนช. หาก สนช.ไม่เห็นชอบด้วยเสียง 2 ใน 3 ร่างกฎหมายจะตกไป

หากร่างกฎหมายทั้งสองฉบับ หรือฉบับใดฉบับหนึ่งตกไป จะต้องกลับไปร่างใหม่ ทำให้การเลือกตั้งล่าช้าออกไปอีก แต่รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายเชื่อว่า จะสามารถกำหนดวันเลือกตั้งได้ในเดือนมิถุนายนนี้ เพราะเป็นเดือนที่กฎหมายเลือกตั้งมีผลใช้บังคับ จากนั้นจะเริ่มนับเวลาตามรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่าต้องเลือกตั้ง ส.ส.ให้เสร็จภายใน 150 วัน

หลังจากที่มีกลุ่มคนอยากเลือกตั้งออกมาชุมนุม เรียกร้องให้เลือกตั้งภายในปี 2561 ตามที่นายกรัฐมนตรีเคยสัญญา ทั้งต่อคนไทยทั้งประเทศและประชาคมโลก นายกรัฐมนตรีชี้แจงผ่านโฆษกรัฐบาลว่า รัฐบาลไม่ได้เป็นคนเลื่อนเลือกตั้ง แต่ สนช.แก้ไขกฎหมายเลื่อนวันบังคับใช้กฎหมายออกไป 90 วัน ไม่ใช่เพราะรัฐบาลหรือ คสช.อยากอยู่ต่อ แต่จะมีคนเชื่อมากน้อยแค่ไหน

...

หลายคนสงสัยว่า 3 องค์กรคือ สนช., กรธ. และ กกต. ขัดแย้งกันจริงหรือไม่ โดยเฉพาะ สนช. กับ กรธ. ซึ่งต่างก็อยู่ในแม่น้ำทั้ง 5 สาย ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. สงสัยว่าจะเป็นการเล่นเกมการเมือง เพื่อเลื่อนการเลือกตั้งไปเรื่อยๆ ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนาเตือนว่า ถ้าเลื่อนการเลือกตั้งโดยไม่มีกำหนด จะนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงกว่า

หวังว่ารัฐบาล คสช.รวมทั้งแม่น้ำทุกสายของ คสช.จะดำเนินการเกี่ยวกับการเลือกตั้ง โดยยึดถือรัฐธรรมนูญเป็นหลัก เห็นได้ชัดว่าเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ผ่านความเห็นชอบของเสียงข้างมากของคนทั้งประเทศ ต้องการให้จัดการเลือกตั้ง ส.ส. ให้เสร็จสิ้นภายใน 150 วัน หลังจากที่กฎหมายลูกมีผลบังคับใช้ ไม่ควรกระทำการใดๆที่จะทำให้ยื้อเลือกตั้งโดยไม่มีกำหนด.