ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ เมื่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ขุนพลฝ่ายเศรษฐกิจของรัฐบาล คสช. ประกาศว่ารัฐบาลจะใช้โอกาสที่มีอยู่ ทำให้คนยากจนทุกคนหมดไปจากประเทศไทย ในปี 2561 ทั้งๆที่ไม่เคยประกาศนโยบาย อันเป็นคำสัญญาที่ใหญ่โตแบบนี้มาก่อน แม้จะเป็นผู้รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจของประเทศ มาตั้งแต่ปี 2558

รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจประกาศว่า จะใช้มาตรการพิเศษ กระจายเงินทุนลงไปยังชุมชน โดยใช้เงินสะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กว่า 2 แสนล้านบาท เพื่อจ้างงานในพื้นที่ พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ใช้บัตรสวัสดิการคนจนควบคู่กับการยกระดับเกษตรกรจ้างเกษตรกรให้ปลูกพืชที่มีราคาสูง ส่งขายร้านธงฟ้าประชารัฐ และขายทางออนไลน์

แต่มีเสียงขัดคอจากนายเดชรัตน์ สุขกำเนิด อาจารย์เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ระบุว่า ค่าใช้จ่ายของคนจนส่วนใหญ่ เป็นค่าอาหารซึ่งแพงขึ้นเรื่อยๆ แต่เกษตรกรไม่ได้มีรายได้ดีขึ้น เพราะเงินไปตกอยู่ที่คนกลาง ผู้ดำเนินการโครงการประชารัฐและมีข้อมูลทางการ ชี้ว่าคนจนยิ่งจนลง ส่วนคนรวยร่ำรวยยิ่งขึ้น สวนทางคำประกาศของนายสมคิด

เช่นเดียวกับเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ ที่วิจารณ์ว่าบัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย ไม่ได้ช่วยลดจำนวนคนจน เพียงแต่ทำให้มีเงินคนละ 200–300 บาท ไปซื้อของที่ร้านธงฟ้า ซึ่งแพงกว่าร้านปกติ เป็นการเอื้อประโยชน์นายทุน ตรงกับนักวิชาการอีกท่านหนึ่งที่เห็นว่าบัตรสวัสดิการคนจน เอื้อประโยชน์นายทุนใหญ่ เช่นเดียวกับโครงการเกษตรแปลงใหญ่

ความยากจนเป็นปัญหาเรื้อรังของประเทศไทย เป็นปัญหาต่อเนื่องมาทุกยุคทุกสมัย คนจนไม่ได้มีแค่ 11 ล้านเศษ ที่ลงทะเบียนขอความช่วยเหลือจากรัฐ อาจารย์เดชรัตน์อ้างตัวเลขของสำนักสถิติแห่งชาติล่าสุด พบว่ากลุ่มคนจน 20% ของประเทศ มีรายได้ลดลงจากเดือนละ 2,574 บาท ในปี 2558 มาเป็น 2,495 บาท ในปี 2559 ในช่วงรัฐบาล คสช.

...

เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้า ต่อตาของรัฐบาล คสช.ที่บริหารประเทศอยู่ย้อนหลังกลับไปในปี 2557 ปีที่เกิดรัฐประหาร ตัวเลขของสภาพัฒน์ระบุว่า มีกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำกว่าเส้นแบ่งความจน เป็นคนจนตัวจริง 8.4 ล้านคน และยังมีกลุ่มผู้มีรายได้สูงกว่าเส้นแบ่งเล็กน้อยอีก 7.2 ล้านคน รวมเป็น 15.6 ล้านคน หรือ 23.5% ของคนไทยทั้งประเทศ

คำประกาศหรือสัญญาจะขจัดความยากจน ให้สิ้นซากจากประเทศไทย ไม่ใช่เรื่องใหม่ รัฐบาลเลือกตั้งบางชุดเคยทำมาแล้ว แต่กลายเป็นเพียงการโฆษณา ชวนเชื่อ เพื่อสร้างความฝันให้ประชาชน และหาเสียงเลือกตั้ง น่าแปลกใจรัฐบาล คสช.ปกครองประเทศมาเกือบสี่ปีแล้ว ไม่เคยสัญญาลักษณะนี้ แต่มาให้สัญญาในปีสุดท้าย และเป็นปีที่อาจมีการเลือกตั้ง.