ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล

กลายเป็นข่าวอื้อฉาวสั่นสะเทือนวงการตำรวจทั่วประเทศ เมื่อมีการร้องเรียนและเปิดโปงผ่านทางเฟซบุ๊ก กล่าวหาตำรวจหลายฝ่ายที่ภูเก็ต จับกุมคนต่างชาติที่ผิดกฎหมาย แต่ไม่ส่งให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ผลักดันให้ออกนอกประเทศ และกล่าวหามีการเรียกรับส่วยสินบนจากผู้ประกอบการและคนต่างชาติกันอย่างมโหฬารเดือนละนับร้อยล้าน

พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าได้สั่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนายตำรวจ 15 นาย ประกอบด้วยสารวัตรสอบสวน 4 นาย และรองสารวัตรสอบสวน 11 นาย ที่ประจำอยู่ที่สถานีตำรวจต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และมีการกวาดล้างจับกุมต่างชาติครั้งใหญ่ 95 คน

ผู้ร้องเรียนกล่าวหาว่า มีการจับกุมคนต่างชาติ แต่ปล่อยตัวไป มีถึง 142 คดี แม้แต่ รอง ผบ.ตร.ก็งงๆว่าปล่อยตัวไปทำไม และสืบเนื่องจากข่าวอื้อฉาวนี้ มีคำสั่งให้ตำรวจระดับรองผู้บังคับการ กับรองผู้กำกับการ 2 นาย ไปช่วยราชการที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อแสดงความจริงใจในการตรวจสอบ และยังมีจเรตำรวจแห่งชาติเข้าไปร่วมตรวจสอบด้วย

แต่การมอบกองบัญชาการตำรวจ ภูธรภาค 8 ให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบจะมีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน เป็นเรื่องที่น่าสงสัย เพราะว่าตำรวจที่ถูกร้องเรียนกล่าวหามีหลายฝ่าย ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ภาค 8 อาจถูกมองว่าเป็นเรื่องตำรวจสอบสวนตำรวจกันเองและสรุปผลเอง จะมีปัญหาเรื่องการตรวจสอบแบบลูบหน้าปะจมูก ตามระบบอุปถัมภ์หรือไม่?

น่าสังเกตว่าตำรวจที่ถูกสอบสวน 15 นาย เป็นพนักงานสอบสวนทั้งหมด สะท้อนถึงอำนาจและบทบาทของพนักงานสอบสวน ในขณะที่คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจได้รับใบสั่งจากนายกรัฐมนตรี ให้ทบทวนแนวทางการแยกภาระกิจงานสอบสวน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะให้อัยการร่วมถ่วงดุลหรือไม่ อาจให้แยกงานสอบสวนออกไป แต่ก็ยังขึ้นอยู่กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

...

ข่าวอื้อฉาวที่ภูเก็ตขณะนี้ ตอกย้ำ ถึงความจำเป็นที่จะต้องปฏิรูประบบงาน สอบสวน มิฉะนั้นก็จะเป็นอย่างที่พนักงานสอบสวนคนหนึ่งเขียนบรรยายไว้ว่า ผู้กำกับสถานีสามารถสั่งการให้สอบสวนแบบเอาผิดหรือไม่เอาผิดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งอบายมุข หวย บ่อน หรือสถานบริการผิดกฎหมาย หัวหน้า สถานีสามารถเข้าควบคุมการเก็บส่วยได้หมด จึงหวงแหนงานสอบสวนไม่ให้ใครยุ่งเกี่ยว

จดหมายระบายความในใจของพนักงานสอบสวน บรรยายต่อไปว่าพนักงานสอบสวนอาจถูกบีบบังคับให้ก่อกรรมทำเข็ญประชาชน และใช้เป็นเครื่องมือรีดส่วยสินบน จากกลุ่มอิทธิพลนอกกฎหมาย จึงเรียกร้องให้แยกงานสอบสวนออกจากตำรวจแห่งชาติ เพราะเห็นว่าภายใต้ระบบที่เป็นอยู่ การสอบสวนจะเป็นไปโดยสุจริตยุติธรรมได้ยาก เพราะขึ้นอยู่กับนาย.