วันเสาร์สบายๆวันนี้ผมอยากชวนท่านผู้อ่านไปชมนิทรรศการ “การเดินทางแห่งความสุข” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานครบรอบ 15 ปี สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จะได้เห็นเรื่องราวการทำงานของ สสส.นับตั้งแต่ก้าวแรกที่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพคนไทย

หลายสิบปีแล้วที่ปัญหาสุขภาพเปลี่ยนจาก โรคติดเชื้อ มาเป็น โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ปัจจุบันคนไทย 3 ใน 4 เสียชีวิตด้วยโรค NCDs ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงมาจาก วิถีชีวิต พฤติกรรม และ สิ่งแวดล้อม แต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อมนั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และ ชุมชนท้องถิ่น สสส. จึงเข้ามาเชื่อมประสานการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานเหล่านี้

ผลงานเด่นชัดที่เป็นจุดเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพคนไทยก็เช่น การลดการบริโภคยาสูบ ลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และ การส่งเสริมกิจกรรมทางกาย

การทำให้คนสูบบุหรี่น้อยลง จะไปหวังพึ่งเฉพาะหมอคงไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ เพราะหมอได้แต่ห้ามหรือเตือนว่าอย่าสูบ แต่คนติดบุหรี่ไม่ทำตามหมออยู่แล้ว สสส.จึงหันไปใช้ มาตรการทางสังคม ปลูกฝังค่านิยม ผลักดันกฎหมาย ซึ่งมี การทำงานนอกภาคสาธารณสุข เยอะมาก เช่นขึ้นภาษีขึ้นราคายาสูบ ขยายเขตห้ามสูบห้ามขาย เพิ่มเนื้อหาภาพและคำเตือนบนซองบุหรี่ ห้ามโฆษณาแฝง ห้ามโฆษณา ณ จุดขาย และล่าสุดห้ามแบ่งซองขาย

ความพยายามสร้างสังคมไร้ควันของ สสส.นั้น ต้องทำงานร่วมกับหลายภาคส่วน รวมถึงการรณรงค์ที่มากกว่าแค่ให้สุขศึกษา และใช้กลยุทธ์ทางการตลาดสังคม ตอนนี้อัตราการสูบบุหรี่ของคนไทยลดลงอย่างมากจากร้อยละ 32 เหลือต่ำกว่าร้อยละ 20 ภายในช่วงเวลา 15 ปี

ส่วนการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เดิมมีอัตราการขยายตัวสูงมาก เพราะบริษัทเหล้าเบียร์มีเงินมหาศาลที่ใช้ทำการตลาด แต่ สสส.ได้ส่งเสริมการนำความรู้มาผลักดันให้เกิดมาตรการบังคับเช่น ออก พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับแรกของประเทศไทย มีมาตรการห้ามดื่มในสถานที่ต่างๆ ห้ามขายให้แก่เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ควบคุมการโฆษณาและส่งเสริมการขาย การออกกฎหมายเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ประสบความสำเร็จจากการขับเคลื่อนทางสังคม และแคมเปญที่คนจำได้มากที่สุดคือ “จน เครียด กินเหล้า” “งดเหล้าเข้าพรรษา”

...

สำหรับการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงที่เคยชินเช่นนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นานๆ หรือกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ สสส.ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายปลุกคนให้สนใจออกกำลัง หรือเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้น จนเกิดเป็นกระแสสังคม แคมเปญที่ประสบความสำเร็จได้แก่ “แค่ขยับ=เริ่มออกกำลังกาย” “ลดพุง ลดโรค” “แกว่งแขนลดพุง”

มีความเข้าใจผิดว่างานของ สสส.แค่ออกแคมเปญแรงๆและจัดอีเวนต์รณรงค์ จ้างเอเจนซีมาทำก็ได้ แต่ในความเป็นจริงกว่าจะสกัดแคมเปญออกมาได้ชุดหนึ่ง ต้องผ่านการทำงานร่วมกันมากมาย ใช้ทั้งเรื่องวิชาการ หลักการกฎหมาย และการขับเคลื่อนของภาคีเครือข่ายน้อยใหญ่

คนไทยบางคนอาจค่อนขอด แต่ องค์การอนามัยโลก (WHO) กลับยกย่อง สสส.เป็น ต้นแบบองค์กรสร้างเสริมสุขภาวะ ในภูมิภาคเอเชียใต้-ตะวันออก (South-East Asia Region) และล่าสุด สสส.ได้รับรางวัล World No Tobacco Award 2017 จากองค์การอนามัยโลกภาคพื้นเอเชียใต้-ตะวันออก

นพ.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. บอกว่า “โลกอนาคตหมุนเร็วขึ้น เทคโนโลยีและสภาพสังคมจะเปลี่ยนวิถีชีวิตอย่างรุนแรง สุขภาพที่ถูกกำหนดโดยนอกโรงพยาบาลจะมีบทบาทสูงขึ้น ดังนั้น สสส.จะเน้นเรื่องเหล่านี้เพื่อให้ประชาชนพึ่งตัวเองมากขึ้น สามารถรับข้อมูลสุขภาพเพื่อปรับวิถีชีวิตได้มากกว่าเดิม”

ก้าวย่างสู่ปีที่ 16 ของ สสส. ผมหวังให้คนไทยมีสุขภาพดีถ้วนทั่วครับ.

ลมกรด