เราใช้เงิน...เริ่มแต่เงินก้อนเงินกลมเงินแท่ง เหรียญ มาแต่โบราณ จนเปลี่ยนเป็นธนบัตร (กระดาษ) จนถึงวันนี้ เริ่มมีเค้าลาง จะหันไปใช้เงินทางจอ ก็แค่กดปุ่มผมได้ยินคำ“เบี้ยต่อไส้” จากมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่รำพึงถึงการดิ้นรนทำกิน อยู่รอดไปวันๆ...จึงนึกขึ้นได้ แม้เราเลิกใช้ “เบี้ย” มานาน แต่ยังมีคนพูดถึง “เบี้ย” กันอยู่มาตราเงินที่เด็กนักเรียนรุ่นผมท่อง...เริ่มที่ 4 สลึงเป็น 1 บาท 4 บาทเป็น 1 ตำลึง 20 ตำลึงเป็น 1 ชั่งช่วงเวลานั้น เริ่มมีมาตราเงิน 25 สตางค์เป็น 1 สลึง 100 สตางค์ เป็น 1 บาทใช้กันแล้วแต่ที่เด็กรุ่นผมไม่เคยใช้ไม่รู้จัก แต่ได้ยินเข้าหูบ้าง คือ เฟื้อง ไพ และโสฬสถามแม่ แม่เคยใช้ ก็ตอบได้คล่อง 2 เฟื้องคือ 1 สลึงเอาเป็นได้ความรู้ว่า เฟื้อง คืออัตราแลกเงินต่ำที่สุด ของเด็กรุ่นผม คำถามที่ตามมา1 เฟื้อง ที่ว่า แลกได้กี่เบี้ยในหนังสือ ประวัติการค้าไทย กาญจนาคพันธุ์ เขียนว่า เบี้ย ใช้แลกเปลี่ยนซื้อขายกันมาแต่โบราณดึกดำบรรพ์ ราวพันปีที่แล้ว หลวงจีนฟาเหียน ผ่านแถวสุวรรณภูมิก็พูดถึงพ.ศ.1815 มาร์โคโปโล ก็เล่าว่า แถวตาลีฟู ใช้เบี้ยต่างเงินตราพูดถึงราคา...เฉลี่ย ตั้งแต่พันปีที่แล้วมา อัตราแลกเปลี่ยน อยู่ตั้งแต่ 200 เบี้ย ไปถึง 1,600 เบี้ยต่อเฟื้องราคาเบี้ยก็เหมือนราคาสินค้า จะถูกจะแพง อยู่ที่กลไกตลาด อุปสงค์ อุปทานเบี้ย...เดิมทีเอามาจากแม่น้ำโขง ต่อมาพวกค้าจากทะเลจากเกาะมัลดีฟส์ ฟิลิปปินส์ก็ขนเอามาขายเบี้ยมี 8 ชนิด เบี้ยโพล้ง เบี้ยแก้ เบี้ยจั่น เบี้ยนาง เบี้ยหมู เบี้ยพองลม เบี้ยบัว และเบี้ยตุ้ม...ทุกเบี้ยมีราคาเท่ากันในสมัยสุโขทัย สมัยที่บ้านเมืองรุ่งเรืองดี...อัตราแลกเปลี่ยนราว 800 เบี้ยต่อเฟื้อง ในสมัยพระเจ้าเลอไทยมีจารึกว่า เฉพาะทรัพย์ที่ทรงบริจาคเป็นเบี้ยจำนวนมากถึง 10 ล้านเบี้ยหลักคิดค่าเบี้ย เทียบเคียงจากกฎหมายลักษณะโจร ครั้งพระเจ้าอู่ทอง มาตราหนึ่ง...ถ้าทรัพย์แต่พอประมาณ 500 เบี้ย ให้เอาไหม (ปรับ) แล้วเอาทรัพย์แขวนคอ ตระเวนรอบตลาด 3 วัน อย่าให้มันดูเยี่ยงอย่างกัน...แล้วให้ทวนด้วยลาดหนัง 10 ที 15 ที 25 ที...เทียบเคียงกัน แสดงว่า เบี้ยคงอยู่ในอัตรา 800 เบี้ยต่อเฟื้อง หรือประมาณนั้นในกฎหมายลักษณะทาส ครั้งพระเจ้าอู่ทอง อีกมาตรา...ผู้ใดขาดแคลนมีอาสน เอาพี่น้องลูกหลานญาติ ไปขายฝาก ประจำเชิงกระยาเบี้ย 2 แสน 3 แสนขึ้นไปให้ค่อยใช้ค่อยสรวย อย่าให้ทำร้ายแค่ผู้คนท่าน...แสดงว่า ทาสในสมัยอู่ทอง มีค่าตัว ระหว่าง 2 ถึง 3 แสนเบี้ย จะถูกจะแพงแแล้วแต่ประโยชน์ ดีก็ขายได้แพง ไม่ดีก็ขายไม่ได้ราคาและเรื่องค่าตัวทาสนี่เอง หากเป็นคนประเภท ไม่เอาไหน ทำอะไรไม่เป็น ทั้งยังขี้เกียจสันหลังยาว คนแบบนี้เอาไปขายก็ไม่มีใครซื้อ ใช้กันเป็นสำนวนว่า สิบเบี้ยขายไม่ขาดตั้งแต่ทำเงินกลม เงินเหรียญใช้ เบี้ยก็หายไป ฝรั่งบางคนอุตส่าห์มาช่วยค้น บอกว่า เราเลิกใช้เบี้ยเมื่อปี 2345แต่คนไทยก็ยังติดปากใช้เบี้ยกันอยู่อีกหลายคำ สิบเบี้ยใกล้มือ สิบเบี้ยขายไม่ขาด เบี้ยบน เบี้ยล่าง เบี้ยน้อยหอยน้อย เบี้ยใบ้รายทางคำเบี้ยใบ้รายทาง สมัยรัฐบาลทหารเริ่มได้ยินน้อยลง แต่คำ เบี้ยยาไส้ เบี้ยต่อไส้ ตอนนี้เริ่มได้ยินหนาหู ผมไม่รู้ว่า ท่านเสนาบดีเศรษฐกิจทั้งหลาย...เคยได้ฟังบ้างหรือเปล่าตัวเลขจีดีพี อะไรนั่น ผมว่านะ...มันไม่จริงและเจ็บ เท่ากับเรื่องปากเรื่องท้องของชาวบ้าน.กิเลน ประลองเชิง