ดาวมฤตยูโคจรถอยหลังทับดวงเมืองอีกนานหลายปี อาทิตย์ตกมรณะ อังคารตกมรณะ พระศุกร์เพิ่งย้ายตกภพมรณะ ด้วยศาสตร์แห่งดวงดาวที่สะท้อนภาพตรงเป๊ะ กับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ประเทศไทยตกห้วงวิบากหนักหนาสาหัส เศรษฐกิจระส่ำระสาย ซ้ำมาเจอมหาอุทกภัยถล่มปักษ์ใต้ จากฝนตกหนักเป็นประวัติการณ์รอบ 300 ปีน้ำท่วมหาดใหญ่ สงขลา กลายเป็นเมืองบาดาลพื้นที่ปลายด้ามขวานทองหลายจังหวัดต้องเผชิญ ภัยพิบัติแสนสาหัส คร่าชีวิตประชาชน ทรัพย์สินพังพินาศ ฉากระทึกยิ่งกว่าในภาพยนตร์ คนปีนหนีน้ำขึ้นไป อยู่บนหลังคาบ้าน ติดเกาะอยู่บนตึกสูงขาดน้ำดื่มสะอาด อดอาหาร 3—4 วัน กลางคืนอยู่ในความมืดมิดไร้ไฟฟ้าเด็กหิวโซ คนแก่ป่วย ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ กันระงม“วิปโยคน้ำถล่มเมือง” มันคือเรื่องจริงที่เกิดจากภัยธรรมชาติอยู่เหนือความสามารถของมนุษย์ในการรับมือ ผลจากภาวะโลกร้อนกระทบสภาพอากาศแปรปรวนฤดูกาลผิดเพี้ยนสุดขั้ว ร้อนตับแตก หนาวยะเยือก ฝนพันปีภัยพิบัติยากหยั่งการมาตอนไหน แต่สิ่งที่อยู่ในวิสัยมนุษย์ทำได้คือการบริหารจัดการวิกฤติ โดยเฉพาะฝ่ายรับผิดชอบโดยตรงคือรัฐบาล ตามสถานการณ์น้ำท่วมหนักๆไม่ใช่เพิ่งเกิดในเมืองไทย แต่มันมีสัญญาณเตือนมาแล้ว ตั้งแต่มหาอุทกภัยปี 54 ต่อเนื่องน้ำท่วมเชียงราย เชียงใหม่ ภาคเหนือโดนน้ำป่าถล่มตลอดหลายปีหลังๆภูมิอากาศเมืองไทยไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไปแต่ที่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงก็คือ “ระบบความคิด” ของนักการเมืองและข้าราชการไทยที่ไม่ได้ พัฒนาการตามการยกระดับมหันตภัยโลกร้อนสะท้อนชัดๆจากประเพณีโชว์ “ผัดข้าว” แจกผู้ประสบภัยฟอร์มบริหารจัดการไม่เด่น เน้นอีเวนต์ นั่นเลยทำให้ “นายกฯหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย โดนถล่มหนักผู้นำแย่งบทอินฟลูเอนเซอร์ มุ่งปั่นยอดไลก์ แต่ผิดคิวถูกด่าเละอารมณ์เดียวกัน ภาพตัดไปที่ “ผู้กองนัส” ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรฯ ที่ใส่ชุดกันฝนสีส้มแบบจัดเต็มยูนิฟอร์มหน่วยกู้ภัย นั่งบนกระบะรถดัมพ์กรมชลประทาน โชว์โทรศัพท์สั่งการให้เฮลิคอปเตอร์ กรมฝนหลวง บินให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาพว่อนตามเพจไอโอ แชร์กันในโซเชียลมีเดียแต่อีกวัน “นายกฯหนู” ต้องไล่ถามหา “ผู้กองนัส” ออกอากาศ ในฐานะที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการน้ำในสถานการณ์ภัยพิบัติธรรมชาติ (ศนภ.) แล้วไม่ได้ร่วมวงประชุมฉุกเฉินกู้น้ำที่ทะลักท่วมเมืองหาดใหญ่ปรากฏเจ้าตัวไปโผล่ในงานตรวจเขื่อนที่จังหวัดเชียงใหม่ตอกย้ำการประเมินสถาน การณ์ภัยพิบัติหาดใหญ่ต่ำเกินไป ทั้ง “อนุทิน—ธรรมนัส” เลยแชร์เสียงด่าจมหู แทนยอดไลก์ สไตล์อินฟลูเอนเซอร์ในโซเชียลฯกอดคอ “สำลักน้ำ” ตาหูเหลือกไปตามๆกันและอารามมือสั่นทำอะไรไม่ถูกกู้สถานการณ์ไม่ทัน อาการ “นายกฯหนู” ต้องบินไปกลับกรุงเทพฯ—หาดใหญ่ วันละ 3—4 รอบ ดึกๆ ดื่นๆโชว์ความกระตือรือร้น ประกาศปักหลักค้างคืนยาวๆ น้ำไม่ลดไม่กลับแต่เอาเข้าจริงก็ต้องสลับบินไปบินมา เพราะตามหลักการและเงื่อนปมกฎหมายที่ต้องรองรับระเบียบราชการ ด้วยสถานะผู้นำที่ต้องบัญชาการภาพรวมที่ทำเนียบรัฐบาลปล่อยภารกิจ “หน้างาน” เป็นเรื่องของฝ่ายปฏิบัติส่วน “ผู้กองนัส” ก็ต้องรีบบึ่งหน้าตั้งลงไปลุยน้ำ ยอมตากฝนเปียกปอน ฟอร์มบู๊ถึงลูกถึงคน โชว์ออกงิ้วออกฤทธิ์ออกเดช ด่ากราดทหาร ฟาดหางข้าราชการหัวฟัดหัวเหวี่ยง สั่งลุยเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเข้าช่วยผู้ประสบภัยไม่เว้นการปะฉะดะกับทีมอาสากู้ภัย ซัดกันเรื่องข้อมูลคนตายไม่ตรงกัน นั่นยังโยงกับปรากฏการณ์ทะแม่งๆ ที่มีเหตุคนในบ้านน้ำท่วมอยู่แท้ๆแต่ไม่วายออกลูกซ่าสาดกระสุนปืนใส่คนขับเจ็ตสกีที่เข้าไปช่วยเหลือ เหตุเกิดในพื้นที่ “หาดใหญ่ เขต 8”กลายเป็นพิรุธ ถูก “เพจจอมแฉ” CSI LA ตั้งข้อสังเกต ชื่อล้อกันพอดีกับ “แก๊ง 888” ก๊วนพนันออนไลน์ ที่ สส.สงขลา ในทีมบิ๊กบราเธอร์เป็นโต้โผใหญ่ กำลังโดนไล่อายัดทรัพย์เงินเทาเหมือนจะมีปมแฝงซ่อนเร้น ที่มากไปกว่าอารมณ์โมโหหิวที่แน่ๆคือไม่พลาด ทุก “แอ็กชัน” ถูกถ่ายทอดเป็นภาพข่าวในสื่อหลัก ไลฟ์สด หรือคลิปวิดีโอ เป็นไวรัลในโซเชียลมีเดีย เฟซบุ๊ก ติ๊กตอก ทุกแพลตฟอร์มกระตุก “ยอดไลก์” ประชัน “คอมเมนต์ด่า”ยี่ห้อ “ผู้กองนัส” ยังมุ่งมั่นกับบทบู๊ อยู่ในแวดล้อมเสียงอวยเสียงเชียร์คนรอบตัวทวนกระแสสังคมโห่ลั่น สู้กระแสน้ำท่วมเมืองเชี่ยวกราก“ธรรมนัส” ออกทะเล “อนุทิน” ติดเกาะ สาละวนอลหม่านไปหมด ไร้ระบบ “ซิงเกิล คอมมานด์” ไม่มี มาตรฐานการบริหารจัดการแบบ “รวมศูนย์”สะเปะสะปะลุยน้ำ ตั้งคณะกรรมการซ้ำซ้อนกัน 3—4 ชุด ไม่รู้จะโฟกัสตรงไหนในจุด “น้ำลดศพโผล่” ตามตัวเลขอย่างเป็นทางการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดข้อมูลเบื้องต้น มีผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมเมืองหาดใหญ่ยอดเหยื่อที่ได้รับแจ้งเหตุการณ์ตายจากภัยวิปโยคทะลุหลักร้อยกระทรวงสาธารณสุขต้องส่งทีมนิติเวชจากกรุงเทพฯ ลงพื้นที่หาดใหญ่ ยืนยันปักหลักยาวๆแบบไม่จบภารกิจไม่กลับ สอดรับกับจำนวนคนตายในมหาอุทกภัย วิปโยคส่อเค้าเป็นรองแค่สึนามิถล่มภูเก็ต พังงา กระบี่ขณะที่รัฐบาลพยายามกดตัวเลขน้อยๆตามข้อมูลที่นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกฯ ในฐานะโฆษกศูนย์ ศป.กฉ.แถลงอ้างอิงตัวเลขของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เบื้องต้นอยู่ที่ 85 ศพยื้อยอดคนตาย ประจานระบบล้มเหลวในการบริหารจัดการอาการกระอักกระอ่วนแบบที่นาย ภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์ ศป.กฉ.หน้าตึง ปิดไมค์ใส่นักข่าว ลุกหนีคำถามจี้คอหอย เสียดแทงหัวใจรัฐบาลยอมรับแล้วหรือยังว่าประเมินสถานการณ์ผิดพลาดสังเกตสีหน้าแววตา “นายกฯอนุทิน” และทีมรองนายกฯไปยันรัฐมนตรี อยู่ในโหมดเครียด “คิ้วขมวด” บอกบุญไม่รับไปตามๆกันสะท้อนการ “สอบตก” กับโจทย์สถานการณ์คับขันฟ้องกึ๋นในการบริหารจัดการ ฟอร์มบู่ต่อเนื่องในการรับมือกับมหาวิกฤติภัยพิบัติ ซ้ำร้ายยังย้อนไปสะกิดแผลปมด้อยในการรับมือโรคระบาดโควิดในยุค “อนุทิน” นั่งรองนายกฯคุมกระทรวงสาธารณสุข ในยุครัฐบาลทหารเฒ่า 3 ป.“บ้อท่า” แก้ตัวไม่ออก เถียงยังไงก็ฟังไม่ขึ้นสภาพรัฐบาลเซราะกราวสำลักน้ำ จังหวะมหาอุทกภัยหาดใหญ่ซัดวูบเดียวหายวับไปกับตา คะแนน นิยมที่ “นายกฯหนู” กำลังไต่ระดับมาคู่คี่กับกองทัพส้ม พรรคประชาชนบวกกับ “ตั๋วช้าง” โปรโมชันอำนาจ 4 บวก 4 เชื่อขนมกินล่วงหน้า“โพลมาตรฐาน” ยกเป็นตัวเต็งในศึกชิงขั้วรัฐบาลรอบต่อไป แต่นาทีนี้ ถ้ายุบสภาหนีไม่ไว้วางใจก็ไม่มีหลัก ประกัน แม้แต่ “แต้มต่อ” ที่ก๊วนเซราะกราว ภูมิใจไทย โกยความได้เปรียบคู่แข่งไว้อื้อซ่า เปิดตัวก๊วนแก๊งบ้านใหญ่ ต้อนบิ๊กเนมการเมืองเข้าสังกัด “นายฮ้อยเขากระโดง”ก็ไม่แน่จะหามแห่ “ลอยคอ” โต้คลื่นน้ำซัดศรัทธาจมทะเลหรือไม่คราวซวย “ผีผลัก” เหตุเกิดในห้วงเข้าด้ายเข้าเข็ม ศพนับร้อยประจานฝีมือรัฐบาล สถานการณ์ท้าทายไม่เว้นพรรคกล้าธรรม ที่แสดงความเป็นเจ้าถิ่นสงขลา ตัวจี๊ด “กฤต” ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว แท็กทีม “โกถึก” สมยศ พลายด้วง แถม “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน จะนำขบวน “เสี่ยชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง เข้าร่วมสังกัด “บิ๊กบราเธอร์”ผนึกกำลัง “ดรีมทีม” ท่ามกลางพลังแก๊งสแกมเมอร์สยายปีกเมืองหาดใหญ่แต่มาเจอน้ำซัดจังๆ ม่านสีเทายังกระเจิงก็แล้วกัน.“ทีมการเมือง”คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม