ถึงแม้ว่าหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ และรัฐบาล จะออกมาสร้างความเชื่อมั่นประเด็นการเจรจาภาษีการค้ากับประเทศสหรัฐอเมริกายังเดินหน้าต่อไป ตามกรอบอัตราภาษีที่สหรัฐฯกำหนด 19 เปอร์เซ็นต์ และยืนยันการเจรจาระหว่างประเทศในด้านความมั่นคง ปัญหาข้อพิพาทกับกัมพูชา แยกส่วนกันกับการเจรจาภาษีทางการค้าล่าสุด มีข้อมูลอ่อนไหวต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทย เมื่อสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ ออกมาแถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ปี 2568 และ แนวโน้ม ปี 2568—2569 ส่งสัญญาณชะลอตัว และอยู่รั้งท้ายในกลุ่มประเทศอาเซียนโดยข้อมูลระบุว่า เศรษฐกิจไทย ในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 ขยายตัวร้อยละ 1.2 ชะลอลงจากร้อยละ 2.8 ในไตรมาสที่ 2 และรวม 9 เดือนแรกของปี 2568 เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 2.4 และจากประมาณการ จีดีพี ทั้งปี 2568 ขยายตัวร้อยละ 2.0 เป็นการเติบโตในอัตราชะลอลงจากการขยายตัว ร้อยละ 2.5 ในปี 2567นอกจากนี้ สภาพัฒน์ยังระบุถึงปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ ปี 2569 อาทิ มาตรการภาษีของสหรัฐฯทั้งทางตรงทางอ้อม แนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และการค้าโลก หนี้สินภาคเอกชนที่ยังอยู่ในระดับสูง บรรยากาศเศรษฐกิจและการเมือง ในช่วงก่อนและหลังเลือกตั้งที่อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนอย่างไรก็ดี นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.คลัง ระบุว่า จีดีพีไตรมาสที่ 3 ที่ชะลอลงเป็นไปตามคาด แต่เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 จะฟื้นตัวแน่นอน เป็นผลจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทั้งคนละครึ่งพลัส เที่ยวดีมีคืน และการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณจะกระตุกจีดีพีให้ขยายตัวได้เอาเป็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาวะเปราะบาง เป็นอีกโจทย์ยากของรัฐบาล ควบคู่กับปัญหาคุกคามด้านความมั่นคงของประเทศ สะท้อนจากข้อมูลที่เปิดจากหน่วยงานการจัดอันดับทั้งในและต่างประเทศ หน่วยงานประเมิน ทั้งสภาพัฒน์ ธนาคารแห่งประเทศไทย และศูนย์วิจัยของสถาบันการเงินต่างๆ สอดคล้องกันที่สำคัญ ไม่แตกต่างจากสถานการณ์โลก ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ การชิงดุลของประเทศมหาอำนาจในพื้นที่ต่างๆกับภูมิเศรษฐศาสตร์ หรือสงครามการค้า เกี่ยวโยงกัน และขยายวงถึงภูมิภาคอาเซียน ทำให้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชากับมาตรการภาษีของสหรัฐฯเกี่ยวข้องกันอย่างไม่ต้องสงสัย แม้รัฐบาลไทยจะปฏิเสธก็ตาม.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม