สงบศึก...เป็นอันว่าสถานการณ์ไทย-กัมพูชากลับมาสู่ความเป็นปกติอีกครั้ง เมื่อผู้นำทั้ง 2 ประเทศได้ลงนามสันติภาพเรียบร้อย “อันวาร์”-“โดนัลด์ ทรัมป์” ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ประเทศมาเลเซีย ก็เป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ที่ไม่ต้องวิตกกังวลหรือหวาดหวั่นอีกต่อไปถามว่าใครได้ประโยชน์สูงสุดในเรื่องนี้นอกจาก 2 ประเทศนี้แล้ว“ทรัมป์” มหาอำนาจเบอร์ 1 โลกที่สอดแทรกเข้ามาอย่างมีจังหวะจะโคนทำให้ “จีน” ที่เคยกุมสภาพพื้นที่แห่งนี้คงมีเคืองนิดๆ แต่ทำอย่างไรได้ เพราะไม่เข้ามายุ่งเองได้แต่ตีวนอยู่รอบนอกเท่านั้นเนื่องจากซ้ายก็ไทย-ขวาก็กัมพูชาที่มิอาจเลือกข้างใดข้างหนึ่งได้ ทำให้สหรัฐฯแหวกสถานการณ์โผล่เข้ามาแจมได้ถูกที่ถูกเวลาก็เลยได้คะแนนไปเต็มๆถามว่าหลังจากลงนามข้อตกลงนี้แล้วเหตุการณ์จะดีขึ้นหรือไม่ คำตอบก็คือดีขึ้นอย่างแน่นอน เพราะดูจากท่าทีของเขมรนั้นชัดเจน คือสนองตอบอย่างฉับพลันทันทีเรื่องการถอนทหารและอาวุธหนักออกจากชายแดนเพื่อแสดงตัวว่าเขาทำตามข้อตกลงอย่างไม่มีบิดพลิ้วอีกต่อไปถามอีกว่า “สหรัฐฯ” มีอิทธิพลต่อเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน 100%เพราะความมีอิทธิพลและอำนาจเหนือกว่าทุกประเทศในโลกใครก็ต้องยอม โดยเฉพาะกัมพูชากำลังหาทางลงอยู่แล้วจึงรีบสนองทันที!เพราะหลังจากเรื่องนี้จบลงก็คอยดูลีลา “ฮุน เซน” ให้ดีคงมีลูกอ้อนลูกเชลียร์เพื่อหาประโยชน์จากสหรัฐฯในฐานะ “ลูกรัก” คนใหม่วันนี้ต้องยอมรับว่าเขมรนั้นบอบช้ำกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาพอสมควร โดยเฉพาะการสูญเสียรายได้จากธุรกิจสีเทาเพราะไม่ใช่แค่ที่ผ่านมาเท่านั้น แต่กำลังถูกไล่ล่าจากประเทศต่างๆตามมาอีก เนื่องจากปล่อยให้แก๊งมิจฉาชีพไปหลอกลวงทำให้ประเทศต่างๆต้องเสียเงินและผู้คนเป็นอย่างมากประเด็นใหญ่สุดก็คือยังไม่แน่ใจว่าจะรักษาอำนาจเอาไว้ต่อไปได้หรือไม่?ว่ากันทางภูมิรัฐศาสตร์หลังเหตุการณ์ครั้งนี้สหรัฐฯคงจะเข้ามามีบทบาทในอาเซียนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นความต้องการอยู่แล้วเพียงแต่รอจังหวะและสถานการณ์เปิดให้เท่านั้นแน่นอนว่า “จีน” ที่มีบทบาทสูงสุดมาก่อนคงต้องแก้ไขปัญหาโดยไม่ปล่อยให้ “สหรัฐฯ” เข้ามาแสดงอำนาจครอบงำได้ง่ายๆเพราะประเทศในกลุ่มอาเซียนนั้น“จีน” ยังมีพันธมิตรที่แน่นแฟ้นอีกหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นไทย อินโดนีเซีย บรูไน เมียนมาที่ผูกพันและเกื้อกูลกันมายาวนาน!สำหรับ “ไทย” ที่จีนตอกย้ำเสมอว่า “ไทยกับจีน” เป็นพี่น้องกันลึกซึ้งเสมือนญาติที่ตัดกันไม่ได้“ไทย” จึงต้องบริหารและจัดการให้ดีเมื่ออยู่ตรงกลางระหว่าง “จีน-สหรัฐฯ” ที่เลือกข้างหนึ่งข้างใดไม่ได้ก็ต้องรักษาสมดุลให้ดีและมั่นคง!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม