ที่ประชุมรัฐสภาถกแก้รัฐธรรมนูญ “พริษฐ์” โชว์โมเดลค่ายส้มยึดโยง ปชช. ปั้น 135 ผู้ยกร่าง รธน.ใหม่ ตั้ง กมธ.ยกร่างฯ 35 คนจาก ปชช.เลือก 70 คน ส่งให้รัฐสภาเฟ้นเหลือ 35 เลือกสภาที่ปรึกษายกร่างฯ 100 คนรับฟังความเห็นป้อนเนื้อหา “ชูศักดิ์” ชงร่าง พท.ตั้ง 151 ส.ส.ร.จาก ปชช.เลือก 300 ส่งรัฐสภาเคาะ ส.ส.ร.จังหวัด 100 คน อีก 51 สภาฯกับ ครม. เสนอชื่อ ให้มี 27 กมธ.ยกร่างฯจาก ส.ส.ร.14 ผสมนักนิติศาสตร์อีก 13 คน “ภท.-สว.สีน้ำเงิน” แท็กทีมสกัดร่างฉบับ “ปชน.-พท.” “กรวีร์” ทุบเปรี้ยงร่าง 2 พรรคเสี่ยงขัดคำวินิจฉัยศาล รธน.เลือกตั้งตรงจาก ปชช. เตือนอย่าเพ้อฝันมาก มัดคอให้ยึดร่าง ภท.สานฝันรื้อ รธน. “พิสิษฐ์” ขู่ ปชน.เตรียมหาชื่อพรรคใหม่ได้เลย ซัดเจตนาบ่อนทำลายแก้หมวด 1-2 “นันทนา” ห่วง ส.ส.ร.สีน้ำเงินคุมเบ็ดเสร็จแก้ รธน. ครม.ย้ายบิ๊ก มท. 45 ราย “นฤชา” คุมกรมการ ปกครอง “พรพจน์” คัมแบ็กอธิบดีกรมที่ดินที่ประชุมร่วมรัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับของพรรคประชาชน (ปชน.) พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และพรรคเพื่อไทย (พท.) แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 156 เพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย สส.พรรค ภท.ผนึกสว.สีน้ำเงิน เตือนร่างของพรรค ปชน. และพรรค พท.สุ่มเสี่ยงที่จะขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ควรยึดร่างของพรรค ภท.เป็นหลักในการพิจารณาวาระสอง เพื่อให้การแก้รัฐธรรมนูญไม่ล้มเหลวไปปชน.เปิดฟลอร์ชูร่างแก้ไข รธน.เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 14 ต.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภา มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุมพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับของพรรคประชาชน (ปชน.) พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และพรรคเพื่อไทย (พท.) แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 156 เพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. ชี้แจงหลักการว่า ให้มีผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ 135 คน คือ 1.คณะ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน ให้ผู้มีสิทธิ เลือกตั้งเลือกจากระบบบัญชีรายชื่อที่ผู้สมัครรวมกันเป็นกลุ่มบุคคลตั้งแต่ 17-70 คน ใช้เขตประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง ให้ประชาชนเลือกมา 70 คน จากนั้นส่งให้รัฐสภาเลือกเหลือ 35 คน 2.สภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ 100 คน มีหน้าที่รับฟังความเห็นจากประชาชน ส่งเนื้อหาให้ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ มาจากการเลือกตั้งของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ให้แต่ละจังหวัดมีสมาชิกสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ 1-5 คน ตามจำนวนประชากร ใช้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง ร่างของ ปชน.จุดแข็งคือ กำหนดให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุดโดยไม่ขัดกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดเนื้อหารับรองความเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้ และให้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายภท.ชูหลักการไม่แตะหมวด 1–2นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภท. เสนอร่างของ ภท.ระบุว่า พรรคทำตามเงื่อนไขข้อตกลงเอ็มโอเอ มีจุดมุ่งหมาย 4 ด้านคือ 1.เข้าใจง่าย 2.ทำได้จริง 3.ไม่สร้างความขัดแย้งรอบใหม่ 4.ไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดให้มีผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ 99 คน 2 ประเภทคือ 1.ส.ส.ร. จังหวัด 77 คน 2.ส.ส.ร.ผู้ทรงคุณวุฒิ 22 คนจากภาควิชาการ ภาคนิติศาสตร์ 7 คน ด้านรัฐศาสตร์ 7 คน ผู้เชี่ยวชาญการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน 8 คน ให้ผู้ประสงค์เป็น ส.ส.ร.จังหวัด และ ส.ส.ร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ยื่นสมัครเป็น ส.ส.ร.ต่อ กกต.เมื่อ กกต. ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเสร็จสิ้น ให้ส่งรายชื่อผู้สมัครทั้งหมดไปยังประธานรัฐสภา เพื่อเปิดประชุมร่วมรัฐสภา ลงคะแนนคัดเลือก ส.ส.ร.จังหวัด จังหวัดละ 1 คน และ ส.ส.ร.ผู้ทรงคุณวุฒิ 22 คน รวม 99 คนเตือนร่าง พท.–ปชน.เสี่ยงขัดศาล รธน.นายกรวีร์กล่าวว่า ส่วน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ มี 45 คน จาก ส.ส.ร. 30 คน และคนนอกที่มีความรู้ความสามารถ 15 คน มีเงื่อนไขกำหนดให้ร่างรัฐธรรมนูญที่มีผลเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ หรือการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามหมวด 1 และหมวด 2 จะกระทำมิได้ ส่วนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรค พท.และพรรค ปชน.สุ่มเสี่ยงขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เพราะให้ ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนเบื้องต้นก่อน จึงให้รัฐสภาไปคัดเลือกอีกที อาจขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่ให้เลือกตั้งส.ส.ร.โดยตรงจากประชาชน และไม่ระบุชัดเจนจะไม่แก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 รัฐธรรมนูญปี 60 โดยเฉพาะร่างพรรค ปชน.ซับซ้อน ไม่กำหนดให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญมีแค่ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน มีหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ แต่ที่มาซับซ้อนเข้าใจยาก ขณะที่สภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญมีหน้าที่แค่รับฟังความเห็นประชาชน ไม่มีอำนาจเขียนรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่แค่ให้คำปรึกษา การเลือก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ และสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ พรรค ปชน.เสี่ยงขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เพราะมีกระบวนการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน เป็นห่วงถ้าตีความแบบศรีธนญชัยเข้าข้างตัวเอง จะเสี่ยงให้ความพยายามแก้รัฐธรรมนูญล้มเหลวอีกติงอย่าเพ้อฝันมากมัดคอให้ยึดร่าง ภท.“แม้พรรค ภท.จะรับหลักการทุกร่าง แต่ร่างหลักอยากให้ใช้ของพรรค ภท. การแก้รัฐธรรมนูญต้องจริงใจ อย่าเพ้อฝันมาก มองโลกตามความเป็นจริง มั่นใจร่างพรรค ภท.เป็นกุญแจไปสู่ความฝันร่วมกันได้ เพราะเข้าใจง่าย ทำได้จริง ไม่สร้างความขัดแย้ง และไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เป็นความสำเร็จที่ทำได้ ไม่ใช่แค่ได้ทำ” นายกรวีร์กล่าวพท.แจงโมเดลที่มา 151 ส.ส.ร.นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ชี้แจงร่างของพรรคว่า ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 60 เพราะเป็นผลพวงจากรัฐประหาร แม้ระบุเป็นรัฐธรรมนูญปราบโกง แต่มีบทบัญญัติลงโทษนักการเมืองให้พ้นหน้าที่ไม่ชัดเจนมาจากการตีความของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อเอานายกฯออกจากตำแหน่ง ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรค พท.ให้มีผู้ยกร่างรัฐ ธรรมนูญ 151 คนมาจาก 1.ส.ส.ร. จังหวัด 100 คน จากการเลือกของทั้งประเทศรวม 300 คน ส่งให้รัฐสภาคัดเลือกเหลือ100คน 2.ส.ส.ร.คัดเลือก 51 คนจากการเสนอชื่อของสภาฯและ ครม. คณะ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ 27 คน เลือกจาก ส.ส.ร. 14 คน และเลือกจากผู้เชี่ยวชาญนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ 13 คน เมื่อยกร่างเสร็จให้ส่งมายังรัฐสภาเห็นชอบ ยืนยันพรรค พท.ไม่มีเจตนาแก้หมวด 1 และหมวด 2 เพราะรัฐธรรมนูญ มาตรา 255 ระบุชัดเจนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และห้ามเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ หวังว่าร่างของทั้ง 3 พรรค จะได้รับพิจารณาเห็นชอบวาระรับหลักการปชป.ให้คงมาตรฐานจริยธรรมจากนั้นนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชี รายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อภิปรายว่า พร้อมสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เปิดทางให้มี ส.ส.ร.มายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ต้องไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 หากต้องลงมติจะใช้ร่างใดเป็นร่างหลักในการพิจารณาวาระสอง ต้องใช้ร่างที่ไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 เป็นหลัก ไม่เช่นนั้นอาจเป็นหัวเชื้อนำไปสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แบบปลายเปิดและในที่สุดอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงแก้ไขหมวด 1 หมวด 2 ได้ ต่อไปในอนาคต การแก้ไขรัฐธรรมนูญเที่ยวนี้ต้องไม่ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องที่มา ส.ส.ร. เพื่อทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่เป็นหมันต่อไปในอนาคต และรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ ส.ส.ร. ถ้ามี ต้องยกร่างขึ้นควรต้องมีเจตจำนงส่งเสริมคนดีปกครองบ้านเมืองตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมาตรา 160 (4) (5) ที่ระบุไว้ว่าผู้ที่จะเข้าสู่อำนาจสำคัญๆทั้งรัฐมนตรีนอกจากต้องมีวัยวุฒิ คุณวุฒิตามกำหนดแล้ว ยังต้องซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงห่วง ส.ส.ร.สีน้ำเงินคุมเกมแก้ รธน.น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. อภิปรายว่าเนื้อหาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ดูมีเงื่อนไขประชาธิปไตยมี 2 ฉบับคือฉบับพรรค พท.กับฉบับพรรค ปชน.ที่ให้ประชาชนเลือก ส.ส.ร.เบื้องต้น และให้รัฐสภาคัดเลือกลำดับสุดท้าย ถือว่ายึดโยงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ แต่ร่างฉบับพรรค ภท.ที่ให้รัฐสภาเลือกส.ส.ร.ทั้งหมด ประเมินประชาชนต่ำมาก ไม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม แต่กำหนดด้วยเกมในรัฐสภามี สว.ส่วนใหญ่ในคดีฮั้ว สว. และ สส.ภท.รวมกันเป็นเสียงข้างมาก กำหนดเลือก ส.ส.ร.เป็น ส.ส.ร.สีน้ำเงิน ไม่เห็นหัวประชาชน มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมควรเปิดเวทีสาธารณะรับฟังความเห็นประชาชน ไปประกอบการยกร่างรัฐธรรมนูญให้มากที่สุด ส่วนคำถามประชามติควรถามตรงไปตรงมา ไม่หมกเม็ด การแก้รัฐธรรมนูญต้องเป็นวาระแห่งชาตินี้ที่รัฐบาลจริงใจ ผลักดันให้ได้รัฐธรรมนูญที่เสรี เป็นธรรม ได้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยแท้จริงสว.ขู่ ปชน.เตรียมหาชื่อพรรคใหม่นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. อภิปรายว่า ขอตั้งชื่อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชนเป็นฉบับเซาะกร่อนบ่อนทำลาย 6 ประเด็นคือ 1.เจตนาแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 1 และ 2 ชัดเจน เนื้อหาร่างแก้ไขมาตรา 256/26 อนุ 2 ระบุว่า “การให้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระ มหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ขอถามว่าวันนี้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต้องมีการให้ใช่หรือไม่ ต้องร้องขอพรรค ปชน.ให้มีบทบัญญัติเช่นนี้ในรัฐธรรมนูญฉบับต่อไป ทั้งที่รัฐธรรมนูญปี 60 มาตรา 2 ระบุ “ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” เหตุใดไม่เขียนว่า “รับรองให้มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” พรรค ปชน.ไม่เข็ดใช่หรือไม่ว่า พรรคก้าวไกลถูกยุบพรรคเพราะมีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายให้สถาบันชำรุดทรุดโทรมหรืออ่อนแอตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256/25 อนุ 2 แสดงเจตนาแก้ไขบทบัญญัติหมวด 1 และ 2 ในรัฐธรรมนูญ ได้เตรียมหาชื่อพรรคใหม่หรือยัง การเขียนเช่นนี้มีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายอย่างชัดเจน“อนุทิน” แจกหนังสือ “ธรรมนาวา วัง”อีกด้าน เมื่อเวลา 09.10 น. ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย มาถึงอาคารรัฐสภาเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ประจำตำแหน่งนายกฯเป็นวันแรก จากเดิมใช้รถยนต์ส่วนตัวโรลส์รอยซ์ ทะเบียน วอ3333 กรุงเทพมหานคร เป็นรถยนต์ Mercedes-Benz S600 Guard Sedan Long สีดำกันกระสุน ทะเบียน 4 กค 29 กรุงเทพมหานคร ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยใช้ตอนเป็นนายกฯ ต่อมาเกิดขัดข้อง กองยานพาหนะ อาคารและสถานที่ ทำเนียบฯนำกลับไปซ่อมบำรุง และเปลี่ยนเป็นรถยนต์ Mercedes-Benz S600 Guard Sedan Long สีดำ ทะเบียน 4 กฎ 29 กรุงเทพมหานคร แต่ขัดข้องซ้ำอีก ล่าสุดทีมงานเปลี่ยนรถนายกฯมาใช้รถยนต์ส่วนตัวโรลส์รอยซ์ ทะเบียน วอ 3333 กรุงเทพมหานคร เช่นเดิม ทั้งนี้นายกฯได้ขอบคุณ ครม.ที่ลงพื้นที่ติดตามอุทกภัยเยียวยาประชาชน พร้อมนำหนังสือ “ธรรมนาวา วัง” หนังสือคู่มือชีวิตพระราชทาน และกรอบรูปที่ใส่คติธรรมของสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มอบให้ ครม.ทุกคนย้าย 45 บิ๊ก มท.ล้างบางโผ “ภูมิธรรม”นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกฯแถลงว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงกระทรวงมหาดไทย (มท.) 45 ตำแหน่ง โดย รมว.มหาดไทยให้แนวทางปลัด มท.ยึดหลักคืนความเป็นธรรมให้บางคนที่อาจถูกกลั่นแกล้งจากการแต่งตั้งโยกย้าย 3 ครั้งใน 1 เดือน จากห้วง 2 เดือนก่อน และยังยึดหลักใช้คนให้ถูกกับงาน ใช้หลักคุณธรรมรายชื่อต่างๆได้รับการเสนอจากปลัด มท.ทั้งสิ้น ได้แก่ นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผวจ.นครราชสีมาเป็นรองปลัด มท. นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผวจ.สงขลาเป็นรองปลัด มท. นายภาสกร บุญญลักษม์ ผวจ.ระยอง เป็นรองปลัด มท. นายชรินทร์ ทองสุข ผวจ.ขอนแก่นเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง นายชำนาญ ชื่นตา ผวจ.อุบลราชธานี เป็นผู้ตรวจฯ นายทศพล เผื่อนอุดม ผวจ.เชียงใหม่ เป็นผู้ตรวจฯ นายศักระ กปิลกาญจน์ ผวจ.สตูล เป็นผู้ตรวจฯ นายสมภพ สมิตะสิริ ผวจ.หนองคาย เป็นผู้ตรวจฯ นายสุพจน์ ภูติเกียรติขจร ผวจ.ระนอง ไปเป็นผู้ตรวจฯ นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผวจ.กาญจนบุรี เป็นผู้ตรวจฯ“นฤชา” คืน ปค. “พรพจน์” กรมที่ดินนายสิริพงศ์กล่าวต่อว่า นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ พ้นผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นอธิบดีกรมการปกครอง นายสยาม ศิริมงคล พ้น ผวจ.สมุทรปราการ เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายพรพจน์ เพ็ญพาส พ้นรองปลัด มท. เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ พ้น ผวจ.อุทัยธานี เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล พ้น ผวจ.สุราษฎร์ธานี เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ตรวจฯ เป็น ผวจ.กระบี่ นายชูศักดิ์ รู้ยิ่ง ผวจ.สกลนคร เป็น ผวจ.กาฬสินธุ์ นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี อธิบดีกรมที่ดินเป็น ผวจ.ขอนแก่น นายชูชีพ พงษ์ไชย รองปลัด มท.เป็น ผวจ.เชียงราย นายรัฐพล นราดิศร ผวจ.เชียงราย เป็น ผวจ.เชียงใหม่ นายพิริยะ ฉันทดิลก ผวจ.สุพรรณบุรี ไปเป็น ผวจ.ตราด ว่าที่ พ.ต.อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ตรวจฯ เป็น ผวจ.นครพนม นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผวจ.ศรีสะเกษ ไปเป็น ผวจ.นครราชสีมา น.ส.ชุติพร เสชัง ผวจ.แม่ฮ่องสอน เป็น ผวจ.นครสวรรค์ นายเชษฐา โมสิกรัตน์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็น ผวจ.นนทบุรี นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ตรวจราชการกระทรวงเป็น ผวจ.ปราจีนบุรี“นิรัตน์” ไปนั่งเก้าอี้ ผวจ.ภูเก็ตโฆษกประจำสำนักนายกฯกล่าวว่า นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล ผู้ตรวจฯเป็น ผวจ.พระ นครศรีอยุธยา นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผวจ.นนทบุรี เป็น ผวจ.พิษณุโลก ร.ต.ท.ภพชนก ชลานุเคราะห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเป็น ผวจ.เพชรบุรี นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครองเป็น ผวจ.ภูเก็ต นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผวจ.ลำปางเป็น ผวจ.แม่ฮ่องสอน นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผวจ.เพชรบุรีเป็น ผวจ.ระยอง นายวิวัฒน์ อินทร์ไทยวงศ์ ผวจ.ลำพูนเป็น ผวจ.ลำปาง นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต ผวจ.อำนาจเจริญ เป็น ผวจ.ศรีสะเกษ นางรณิดา เหลืองฐิติสกุล ผู้ตรวจฯเป็น ผวจ.สกลนคร นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผวจ.กระบี่ เป็น ผวจ.สงขลา“ศุภมิตร” คืนถิ่นสมุทรปราการนายสิริพงศ์กล่าวว่า นายศุภมิตร ชิณศรีพ้น ผวจ.นครสวรรค์ เป็น ผวจ.สมุทรปราการ นายณัฐพงษ์ สงวนจิตร พ้น ผวจ.ตราด เป็น ผวจ.สุพรรณบุรี นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ พ้นรองปลัด มท. เป็น ผวจ.สุราษฎร์ธานี นายศรัณย์ศักดิ์ ศรีเครือเนตร พ้น ผวจ.ภูเก็ต เป็น ผวจ.หนองคาย นายสุรศักดิ์ อักษรกุล พ้นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็น ผวจ.หนองบัวลำภู นายนที มนตริวัต พ้น ผวจ.ชัยนาท เป็น ผวจ.อ่างทอง นายสันติ รังษิรุจิ พ้น ผวจ.ฉะเชิงเทรา เป็น ผวจ.อุตรดิตถ์ นายสมบัติ ไตรศักดิ์ พ้น ผวจ.สิงห์บุรี เป็น ผวจ.อุทัยธานี นายณรงค์ เทพเสนา พ้นผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็น ผวจ.อุบลราชธานี ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เป็นต้นไปตั้ง “ลลิดา–อัยรินทร์” นั่งรองโฆษก รบ.นายสิริพงศ์กล่าวอีกว่า ครม.มีมติแต่งตั้ง 2 รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ น.ส.ลลิดา เพริศ วิวัฒนา ผู้ชำนาญการของนายเกรียงยศ สุดลาภา สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และ น.ส.อัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ อดีตโฆษกกระทรวงเกษตรฯ สัดส่วนพรรคกล้าธรรม (กธ.) ครม.ยังมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง อาทิ นายชยุต ภุมมะกาญจนะ เป็นที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย นายสมเจตน์ ลิมปะพันธุ์ เลขานุการ รมว.มหาดไทย กระทรวงยุติธรรม พล.ต.ท.สรรเพชญ สุขภิมนตรี เป็นที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม พล.อ.คำรณ เครือวิชฌยาจารย์ เลขานุการ รมว.กลาโหม นายวันวิชิต บุญโปร่ง ที่ปรึกษา รมว.กลาโหม พล.ต.เฉลิม สีเจริญ ที่ปรึกษา รมช.กลาโหม พล.ท.วรพรต แก้ววิจิตร ผู้ช่วยเลขานุการ รมว.กลาโหมแจกเก้าอี้รองเลขาฯนายกฯนายสิริพงศ์กล่าวว่า ครม.เห็นชอบแต่งตั้งนายสาโรจน์ สามารถ เป็นรองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมืองประจำนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ นายรังสรรค์ วันไชยธนวงศ์ รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมืองประจำนายโสภณ ซารัมย์ นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมืองประจำนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมืองประจำ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า น.ส.ภัทรานันท์ ทองประพาฬ รองเลขาธิการนายกฯฝ่ายการเมืองประจำนายสุชาติ ชมกลิ่น นายคารม พลพรกลาง ที่ปรึกษารองนายกฯประจำนายโสภณ น.ส.นรา หนูแดง ที่ปรึกษารองนายกฯประจำนายบวรศักดิ์ นายนิโรธ สุนทรเลขา ที่ปรึกษารองนายกฯประจำ ร.อ.ธรรมนัส เป็นต้นนายกฯปัดเอาคืนย้ายตามปลัด มท.ชงต่อมานายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในกระทรวงมหาดไทยหลายตำแหน่ง ถูกวิจารณ์เป็นเกมเอาคืนหรือไม่ว่า ไม่มีๆ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นคนย้าย ตนเป็นเพียงผู้นำเรื่องบรรจุเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ตามที่ปลัดเสนอเข้ามาก็ดูตามข้อกฎหมาย ตนแต่งตั้งปลัดได้คนเดียว ก่อนเสนอปลัด มท.ไม่ได้มาปรึกษาอะไร เมื่อถามอีกว่าแสดงว่าการโยกย้ายยุครัฐบาลพรรค พท. ปลัดกระทรวงมหาดไทยเสนอมาเช่นกัน นายอนุทินตอบว่าไม่ทราบต้องถามพรรค พท.แจ้งทรัพย์สินเพิ่มร้านกาแฟวันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีบัญชีทรัพย์สินที่น่าสนใจคือนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ที่ยื่นเอกสารบัญชีทรัพย์สินเพิ่มเติม กรณีการพ้นตำแหน่งรองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ยุครัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร โดยนายอนุทินแจ้งทรัพย์สินเพิ่มเติมร้านกาแฟของ น.ส.ธนนนท์ นิรามิษ คู่สมรสที่อยู่กินกันฉันสามีภริยา จำนวน 2 ร้านคือ ร้านจ่าจ้าคอฟฟี่มูลค่า 10 ล้านบาทและร้านจาริสต้า มูลค่า 5 ล้านบาท ก่อนหน้านี้นายอนุทินแจ้งว่ามีทรัพย์สินรวม 3,995,144,486 บาท เป็นทรัพย์สินนายอนุทิน 3,924,082,912 บาท ทรัพย์สิน น.ส.ธนนนท์ คู่สมรส 71,061,573 บาทและมีหนี้สินทั้งสิ้น 5,016,573 บาท“พิเชษฐ์” ตกเก้าอี้รอง ปธ.รวย 59 ล้านเช่นเดียวกันนายอลงกต วรกี สว. แจ้งบัญชีทรัพย์สินเพิ่มเติม กรณีเข้ารับตำแหน่ง สว. เมื่อวันที่ 23 ก.ค.67 ระบุทรัพย์สินเพิ่มเติมในส่วนใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน เครื่องกระสุน 13 แผ่น ก่อนหน้านี้นายอลงกตแจ้งมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 77,506,145 บาท อาทิ เงินฝาก 9 บัญชี มูลค่า 35,890,153 บาท เงินลงทุน 6,712,830 บาท ที่ดิน 3 แปลง ในจังหวัดกรุงเทพฯ นนทบุรี และนครปฐม มูลค่า 20,673,562 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างเป็นบ้าน 1 หลัง ห้องชุด 1 หน่วยใน กทม.รวม 3,144,600 บาท งาช้าง ทองคำแท่ง สร้อยทองคำมูลค่า 10,035,000 บาท และยังเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน อดีต สส.เชียงราย พรรค พท.กรณีพ้น สส.เชียงราย และรองประธานสภาฯเมื่อวันที่ 1 ส.ค.68 มีทรัพย์สินรวม 59,838,189 บาท เป็นทรัพย์สินนายพิเชษฐ์ 38,069,129 บาท และทรัพย์สิน น.ส.พิชชา เชื้อเมืองพาน คู่สมรส 21,704,826 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดิน โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล กรณีพ้น รมช.ศึกษาธิการ รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.68 รวม 176,958,048 บาท หนี้สิน 9,221,673 บาทอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่