ความสามารถในการแข่งขันของ ประเทศไทย ถ้าจะต้องกลับไปอยู่ในระดับรั้งท้ายเมื่อเทียบกับ ประเทศสมาชิกอาเซียน ด้วยกัน อดใจหายไม่ได้ การสร้างขีดความสามารถที่จะต้องเริ่มต้นจากขีดความสามารถของทรัพยากรบุคคล อยู่ในระดับที่จะต้องให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆคือ การศึกษา ผู้ที่จะสร้างอนาคตการศึกษาได้ดีที่สุดก็คือครู ปรากฏว่าที่เห็นในข่าวจากการที่ รมว.ศึกษาธิการ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ประกาศที่จะปฏิรูปคุณภาพชีวิตของครู พื้นฐานเลยคือที่อยู่อาศัย ปัจจุบันมีบ้านพักครูอยู่กว่า 41,000 หลังทั่วประเทศ ในจำนวนนี้อยู่ในสภาพที่ทรุดโทรมแทบจะใช้งานไม่ได้กว่า 14,900 หลัง ย้ายหนี้สินครูจากสหกรณ์ครูทั่วประเทศมาอยู่ที่สหกรณ์กลาง เพื่อปรับโครงสร้างหนี้และมาตรการช่วยเหลือด้านดอกเบี้ย โดยในปีแรกจะเสียดอกเบี้ย 0% ปีที่ 2 เสีย 1%ปีที่ 3 เสีย 2% และปีที่ 4 เสีย 3% ปีต่อไปไม่เกิน 4% ต้องใช้งบชดเชยดอกเบี้ยที่ 6,000 ล้านบาท เสียดายว่ายังไม่มีตัวเลขจำนวนหนี้ของครูทั่วประเทศที่ชัดเจน เมื่อเทียบกับอัตราเงินเดือนของครูแล้ว จะสะท้อนให้เห็นชีวิตข้าราชการครู มีความพร้อมและมีความสามารถในการสร้างขีดความสามารถของประเทศได้แค่ไหนสงครามการค้า ที่จะเริ่มส่งผลกระทบจาก ภาษีการนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.เป็นต้นไป เราขาดช่วงในการทำรายละเอียดด้านเทคนิคและแยกประเภทของสินค้า ส่งออก ที่จะมีผลต่อสินค้าสวมสิทธิ โดยเฉพาะระดับการเสียภาษีของสินค้าแต่ละประเภทที่ไม่เท่ากันจากเดิม ทีมไทยแลนด์ ในการเจรจาภาษีการค้ากับสหรัฐฯ เป็น อดีต รมว.คลัง รัฐบาลชุดนี้มอบหมายให้ รมว.พาณิชย์ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ เป็นหัวหน้าคณะที่จะต้องเร่งเจรจาการค้ากับสหรัฐฯและการทำเอฟทีเอกับสหภาพยุโรปและเกาหลีใต้ให้เรียบร้อยภายในปีนี้ข้อจำกัดของกรอบเวลาที่จำกัด เป็นเรื่องใหญ่ รัฐบาลชุดนี้มีเวลาแค่ 120 วัน หรือ 4 เดือน อนาคตรัฐบาลชุดใหม่ เป็นใครยังไม่รู้ หรือรัฐบาลชุดนี้จะขอเวลาไปต่อ เพื่อทำเรื่องสำคัญให้จบ แต่การเมืองไทยไม่มีใครคาดเดาได้แน่นอน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเสียงสนับสนุน แต่ขึ้นอยู่กับผู้สนับสนุน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขั้วการเมือง ฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครจะรวบรวมเสียงข้างมากตั้งรัฐบาลได้ก่อนในขณะที่เรากำลังสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันให้เวียดนามให้สิงคโปร์ให้มาเลเซียให้อินโดนีเซีย เราสูญเสียตลาดการท่องเที่ยวที่เป็นรายได้หลักของประเทศ โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวจีนให้กับญี่ปุ่น เวียดนาม ล่าสุดประเทศในตะวันออกกลางมีเที่ยวบินจากจีนไปภูมิภาคตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น 25% และประเทศจุดหมายปลายทางยอดนิยมของจีน 5 ลำดับแรก เป็นซาอุฯ อียิปต์ นิวซีแลนด์ คาซัคสถาน และสหรัฐ อาหรับเอมิเรตส์ ว้าเหว่.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม