สมัยนี้การใช้คนให้ตรงกับงานมีความสำคัญมาก ยิ่งถ้าบุคคลนั้นๆมีความรู้ และประสบการณ์กับงานที่จะให้ทำก็ยิ่งจะเป็นประโยชน์ เหมือนกับที่ นายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล เลือกคนนอก 3-4 คนเข้ามาเป็นรัฐมนตรีกำกับดูแลงานในกระทรวงสำคัญๆอย่างกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์นั่นแหละความจำเป็นเร่งด่วนในกระทรวงการต่างประเทศที่เลือกเอา คุณสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และล่าสุดเป็นอดีตเลขานุการรองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร มาดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ นับเป็นประโยชน์ยิ่งกับประเทศไทยจะเห็นว่าคุณสีหศักดิ์ตอบโจทย์ได้ทันทีกับข้อพิพาทที่เขมรพยายามปั้นน้ำเป็นตัวยั่วยุ และบิดเบือนให้คนไทยทั้งชาติเดือดดาลด้วยกล่าวหาประเทศไทยในที่ประชุมสหประชาชาติล่าสุดว่า เราละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ทั้งที่เขมรเป็นฝ่ายเปิดฉากยั่วยุด้วยฉากทัศน์ต่างๆ พร้อมกับการยิงเข้ามาในฝ่ายไทยอีกคุณสีหศักดิ์กล่าวต่อชาติสมาชิกว่าประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาเร่งด่วนที่ไม่อยากเสียเวลาอีกแล้ว โดยเฉพาะกับปัญหาชายแดนที่กำลังเกิดขึ้นในขณะที่ไทยเองต้องการเห็นประเทศชาติ และโลก เกิดความสงบสุข ยุติธรรม และร่มเย็นเปี่ยมไปด้วยสันติภาพ แต่กัมพูชากลับมีเจตนาที่แตกต่างออกไปเขารู้ดีว่าสงครามนำมาซึ่งความทุกข์ทรมานแสนสาหัสไม่ว่าจะเกิดขึ้น ณ ที่ใด ประชาชน โดยเฉพาะเด็กย่อมได้รับผลกระทบทั้งร่างกายและจิตใจทั้งสิ้นสำหรับไทยยังคงทำหน้าที่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพหุภาคีนิยมต่อเนื่อง ทั้งการให้ความช่วยเหลือเด็ก ให้เกียรติแก่แนวคิดสตรี จนถึงการช่วยชีวิตผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม และปฏิบัติตามอนุสัญญาการเก็บกู้ระเบิดอย่างเข้มงวด 99% เพื่อรักษาชีวิตผู้คนส่วนกัมพูชานั้นไทยรู้ดีว่าไม่อาจแยกออกจากกันได้ และทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอาเซียน...“อันที่จริงผมอยากพูดแต่เรื่องดีๆ แต่จำเป็นต้องแก้ไขสุนทรพจน์เพราะคำกล่าวที่น่าผิดหวังของเพื่อนกัมพูชาที่ยังคงสร้างภาพว่าตนเป็นเหยื่อและผู้ถูกกระทำ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กัมพูชาได้ให้ข้อเท็จจริงในแบบฉบับของตนที่ไม่สามารถยืนยันได้ แต่เมื่อถูกตรวจสอบก็พบว่านั่นเป็นคำกล่าวที่บิดเบือน...เราต่างรู้กันดีว่าผู้ถูกกระทำที่แท้จริงคือ ทหารไทยที่สูญเสียขาจากระเบิดสังหาร เด็กๆที่สูญเสียโรงเรียน และคนบริสุทธิ์ที่เสียชีวิตขณะกำลังจับจ่ายซื้อของในร้านสะดวกซื้อ ซึ่งถูกโจมตีโดยจรวดของฝ่ายกัมพูชา”“ผมพบเพื่อนกัมพูชาในที่ประชุมเดียวกันเมื่อวาน เราพูดกันว่าจะหารือกันอย่างจริงใจ และสันติ แต่มาวันนี้เขากลับพูดตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง จนทำให้ความจริงดูเป็นเรื่องตลก แสดงให้เห็นเจตนาที่แท้จริงแต่แรกที่จะขยายข้อพิพาทชายแดนให้เป็นประเด็นระหว่างประเทศในที่สุด”คุณสีหศักดิ์กล่าวปิดท้าย ด้วยการขอรับการสนับสนุนจากชาติสมาชิกว่า ไทยอยากได้สันติภาพ ส่วนกัมพูชาต้องเลือกว่าจะเอาสันติภาพ หรือเดินไปอีกเส้นทาง...เพราะไทยยืนยันจะรักษาอธิปไตยจนถึงที่สุดสุนทรพจน์นี้ได้รับการปรบมือหลายครั้ง...ดีใจที่ประเทศไทยเรามี รมว.ต่างประเทศจริงๆเสียทีหลังจากที่ว่างเปล่ามาหลายเดือน!มิสไฟน์คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม