ประเดิม “รัฐบาลพิเศษ” ด้วย “สถานการณ์พิเศษ” กับเหตุระทึกขวัญกลางเมือง ถนนทรุด แผ่นดินยุบวงกว้างและลึก ที่ถนนบริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เมื่อเช้าตรู่วันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมาวันเดียวกับที่ “นายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล” นำ ครม.เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณจะมองลางดีลางลบยังไงก็ว่ากันไป แต่บางทีอะไรๆก็อยู่ที่มือของมนุษย์ การกระทำจะกำหนดความเป็นไปโดยสำหรับฤกษ์เริ่มต้นรัฐบาล “นายกฯอนุทิน” บอกว่า ถือว่าอยู่ในช่วงที่ดี ได้รับ “พรจากฟ้า” ประกาศจะมุ่งทำงาน ไม่มีวันหยุด ไม่รู้เหน็ดเหนื่อยแล้วก็ทำให้เห็นทันทีกับบทผู้นำเผชิญเหตุฉุกเฉิน ทั้งวิ่งตรงไปตรวจสถานการณ์ที่จุดเกิดเหตุถนนยุบ สั่งการแก้ไขเฉพาะหน้า กระทั่งตกดึกหลังเสร็จภารกิจพิธีก็แวะไปตรวจหน้างานกลางดึกประเมินมุมบวกได้ว่า เหตุร้อนที่เกิดขึ้นถือเป็น “โจทย์ท้าทาย”ได้โชว์ฝีมือแก้ไขตั้งแต่เริ่มต้นอำนาจแล้วที่เป็นเรื่องดีเช่นกันที่เหตุครั้งนี้ รฟม.และบริษัทเอกชนที่รับงานนี้ก็ออกมายอมรับความผิดพลาด ขออภัยกับเหตุที่เกิดขึ้นและรับผิดชอบความเสียหายผ่อนกระแสความไม่พอใจของสังคมที่กำลังตื่นตระหนกไปได้และที่สำคัญทำให้การขุดโยงบริษัทในกิจการร่วมค้า ธุรกิจครอบครัวผู้นำในกรณีนี้แผ่วลงนั่นเพราะการแสดงความรับผิด–รับชอบกันทันท่วงทีหายใจหายคอโล่ง แต่ “นายกฯอนุทิน” ก็ยังต้องเหนื่อยต่อกับอีกหลายเรื่องท้าทาย เรื่องด่วนที่ต้องจัด 4 ด้านตามพิมพ์เขียวนโยบาย ทั้งเศรษฐกิจ ความมั่นคง ภัยพิบัติ ภัยสังคมปั๊มเป็นสมุด “ปกน้ำเงิน” แจก รอแถลงต่อรัฐสภา 29-30 ก.ย.นี้ที่ต้องโฟกัสคือโจทย์เศรษฐกิจ แก้ปัญหาปากท้องชาวบ้านเฉพาะหน้า ค่าครองชีพ ค่าเดินทาง ค่าไฟฟ้า และไม่เอากับการพนัน ไม่ว่าจะกาสิโนหรือออนไลน์ในจังหวะที่เข้ามาแล้วก็เจอประเดิม “ปมค้างเก่า” โดยมีข่าวเผยแพร่ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก‘ฟิทช์ เรทติ้งส์’ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือไทยเป็น “Negative”มอง “มุมลบ” ต่อภาวะเศรษฐกิจไทยตามไล่หลังมาจากก่อนหน้านี้ มูดี้ส์ อีกหน่วยงานจัดเรตติ้ง ก็ชี้แนวโน้มมุมลบเช่นเดียวกันและเร็วๆนี้ เอสแอนด์พี อีกสถาบันที่จะตามมาก็คงมองไม่ต่างกันแม้คิวนี้ “นายกฯอนุทิน” ไม่ใจเสีย แต่พร้อมสู้ทุกสถานการณ์ มองว่าเป็นการประเมินจากห้วงที่ผ่านมาก่อนรัฐบาลชุดนี้ แต่ก็พร้อมจะนำดรีมทีมปั่นงานหนักให้มุมมองโลกต่อเศรษฐกิจไทย “ดีกว่าเดิม”แค่ความตั้งใจคงไม่พอ ต้องเอกซเรย์ลงลึกถึงสาเหตุ เพราะปฏิเสธไม่ได้เมื่อดูเหตุหลักๆที่สถาบันจัดอันดับ มองลบตรงกันนั่นเพราะ“เศรษฐกิจไทยไม่โต การคลังมีปัญหา หนี้สินท่วมประเทศ”แม้ทั้งหมดจะตรงกับหมุดหมายของรัฐบาลที่จะเข้ามาแก้ไข และเป็นไปตามพิมพ์เขียวนโยบายที่นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.คลัง หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ร่วมปั๊มนโยบายเตรียมไว้กับแผนอัดฉีดงบฯฟื้นเศรษฐกิจเร่งด่วน บริหารการคลัง การใช้จ่ายรวมทั้งตีธงแก้หนี้ ทั้งหนี้สาธารณะ และหนี้ครัวเรือนถือว่าตั้งเป้าหมายไว้ดี แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะมีแผนครบถ้วนทุกด้านหรือไม่ และที่สำคัญคือการปฏิบัติจริง รวมถึงการป้องกันเหตุงบฯรั่วไหลในโจทย์ท้าทายและเดิมพันสูงสุด รัฐบาลเลขดี 4–4 ปั่นนโยบายหลัก 4 ด้าน ในห้วงเวลา 4 เดือนสุดท้ายจะทำได้มั้ย ทำได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง.ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม