หลังจาก ครม.“นายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล” เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณฯ เรียกประชุมนัดพิเศษ แบ่งงานรองนายกฯ เตรียมแถลงนโยบายต่อรัฐสภาอีกไม่กี่วันนี้เตรียมปั๊ม “สมุดปกน้ำเงิน” ร่างนโยบายไว้พร้อมแจกจ่ายผู้ทรงเกียรติรัฐสภา ตั้งโจทย์ปั่นงานครอบคลุม 4 ด้าน เศรษฐกิจปากท้อง ความมั่นคง และชายแดนปัญหาสังคม ภัยธรรมชาติ และการเยียวยาโดยเฉพาะนโยบายด้านเศรษฐกิจ “ควิกวิน” แก้เฉพาะหน้าเร่งด่วน ลดค่าครองชีพประชาชน นโยบายคนละครึ่ง ลดค่าทางด่วน โซลาร์รูฟท็อปชุมชน ช่วยลดค่าไฟฟ้า โครงการหวยเกษียณ เงินออมประชาชน ฯลฯท้าทายฝีมือผู้นำ เดิมพันกุม “ตั๋วอำนาจ” ในทางยาวอีกทางหนึ่งเพราะไทม์ไลน์บังคับ ตามข้อตกลงร่วมเอ็มโอเอกับพรรคประชาชน 4 เดือนก็ยังต้องปั่นโจทย์ใหญ่ เริ่มต้นกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่พรรคภูมิใจไทยโดนทวงถามไม่เว้นวัน ล่าสุด พรรคประชาชนยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 ว่าด้วยการกำหนดกลไก ส.ส.ร.ให้มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต่อประธานรัฐสภานำร่องโจทย์ใหญ่ไปก่อนแล้วกระตุ้นภูมิใจไทยต้องยื่นตามทันที และต่อคิวด้วยเพื่อไทย3 สี 3 ก๊กไม่ตกขบวน ปั้นภาพหรูหราฝ่ายประชาธิปไตยเนื้อหาสาระของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เพื่อปลดล็อก ตั้งทีม สสร.เพื่อมาทำหน้าที่ แก้รัฐธรรมนูญให้เสร็จก่อน 4 เดือน เพื่อนำร่างแก้ไขไปทำประชามติขณะที่ไทม์ไลน์บังคับ เริ่มต้นอย่างน้อยต้องบรรจุร่างแก้รัฐธรรมนูญเข้าสภาฯ เพื่อรับหลักการวาระแรก ก่อนปิดสมัยประชุม สิ้นเดือน ต.ค.นี้ จากนั้นพิจารณาต่อในชั้นคณะกรรมาธิการฯในช่วงปิดเทอมสภาฯและเมื่อถึงสมัยประชุมรอบถัดไป กลางเดือน ธ.ค. ก็เข้าสู่วาระ 2-3 ไม่น่าจะลากจนช้าเกินเดือน ม.ค.ปี 2569ล็อกเวลาต้นปีหน้ายุบสภา เปิดโหมดเลือกตั้ง พ่วงคิวทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญอ่านทางแล้วกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็ไม่น่ามีปัญหา มีเวลาเหลือเฟือ แต่ที่อาจมีติดขัดก็เรื่องเนื้อหาสาระ โดยเฉพาะเรื่ององค์ประกอบ ที่มาสูตรสรรหา “ส.ส.ร.”และ “ทีมยกร่าง” นอกจากต้องปฏิบัติตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ “ไม่เลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน”แต่ยังเป็นเพราะทั้ง 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ แตกต่างเป็น 3 สูตร เมื่อเข้าสู่เวทีถกเถียงในคณะกรรมาธิการฯคงมันส์หยด หวดกันไฟแลบในจังหวะเริ่มมีการส่งเสียงดักคอ หวั่นว่าจะมีสไตล์ซ้ำรอยข้อครหา สว.เครือข่าย “บลู–รีรัมย์”เริ่มออกแรงสกัด “ส.ส.ร.สีน้ำเงิน” ป้องกันเกม “กินรวบ”เช่นเดียวกับที่ค่ายสีส้มและสีแดงเพื่อไทย รู้แกวร่วมส่งเสียงดักทาง สว.ไม่ให้ติดเบรกสวนกระแส รายการแก้รัฐธรรมนูญรอบนี้ เพราะต้องอาศัยเสียง สว.โหวตสนับสนุน 1 ใน 3 หรือ 67 เสียงตรงนี้ก็ต้องวัดใจแกนนำภูมิใจไทย ประสานตัวแปรอย่าง สว. ที่มีเครือข่ายสายสัมพันธ์เปิดดีลได้กันไม่ให้ออกนอกลู่ ไม่ให้สีน้ำเงินถูกหาว่าพลิ้วว่าเบี้ยวแต่นั่นก็ไม่มีหลักประกันใดๆกับสถานการณ์การเมืองไทย กับอำนาจมหัศจรรย์–รัฐพันลึก ประกอบกับมีบทเรียนที่ผ่านๆมา มีจังหวะก็บิดพลิ้วสัญญาแหกข้อตกลงกันมานักต่อนักกับไทม์ไลน์ช่วงรายการ ทั้งการโหวตในรัฐสภา ขั้นรับหลักการพิจารณาเนื้อหาสาระในชั้นกรรมาธิการ และโค้งสุดท้าย การอภิปรายและโหวตลงมติในวาระ 2–3เพราะวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทั้งนายกฯอนุทิน รัฐบาลภูมิใจไทย และ สว.ก๊กใหญ่ ต่างคือ “ตัวแปรร่วม” ในคิวแก้รัฐธรรมนูญเมื่อทุกฝ่ายยังจำบทเรียน ขั้วฝ่ายที่เคยเป็นต้นเหตุคว่ำแผนแก้รัฐธรรมนูญที่ผ่านมาเลยยังระแวงหวั่นสัญญาณแทรกซ้อน ซ่อนกล “ล้มโต๊ะ” กันอีกเพราะถึงแม้ผู้นำจะโดนมัดคอด้วยข้อตกลงเอ็มโอเอก็ตาม แต่ระหว่างทางแทบทุกช็อตมีจุดเสี่ยงหากจะหาเหตุให้เบี้ยวแบบเท่ๆก็ทำได้ไม่ยาก.ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม