อยากเปลี่ยนฉากทัศน์ใหม่ ถ้าไปถามความรู้สึกของคนไทยเวลานี้ว่าต้องการอะไรสำหรับบ้านเมืองของเรา คำตอบคงไม่ต่างกันก็คือ อยากให้เกิดความเปลี่ยนแปลงสภาพปัจจุบันที่จะทำให้คลายความรู้สึก “อึดอัด” ต่อความเป็นไปของบ้านเมือง แทบทุกเรื่องก็ว่าได้นับแต่นายกรัฐมนตรี ครม.และเหตุแวดล้อมที่ไม่ค่อยจะดีนักโดยเฉพาะปัญหาขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาที่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะจบลงได้เสียที แม้วันนี้จะคลี่คลายลงไปบ้างแต่เมื่อไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุมันก็ไม่จบ...เพราะกัมพูชามันซุกซนเอาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาทำให้เป็นเหตุที่รัฐบาลดำเนินอยู่ก็ดีระดับหนึ่ง คือเอาโลกล้อมเอาความจริงเข้าสู้ความเท็จแต่มันยังไม่เห็นทางออกที่เป็นรูปธรรมได้แต่ค้ำยันกันไปอย่างนี้รัฐบาลเองก็ทำอะไรแทบจะไม่ได้ เพราะต้องมัวหาวิธีที่จะเอาตัวรอดให้พ้นผิด เนื่องจาก “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี กำลังรอคำตัดสินของศาลจะอยู่จะไปก็วันที่ 29 ส.ค.2568 นี้มองจากสภาพการณ์แล้วก็อยากจะให้มันจบ ซึ่งมี 2 ทางคือรอดหรือไม่รอด แต่ 2 คำนี้มันก็มีคำถามต่อไปว่าถ้ารอดแล้วบ้านเมืองจะดีขึ้นหรือไม่คำตอบก็คือไม่ดีขึ้น!เพราะ “แพทองธาร” นั้นน่าจะหมดความชอบธรรมไปแล้ว เนื่องจากขาดความเชื่อถือที่จะให้ทำหน้าที่ต่อไปคือหมดความยอมรับนับถือแล้วก็ไม่ต่างกับที่เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่แรกๆแล้วว่าคุณสมบัติยังไม่ถึงขั้นที่เป็นผู้นำประเทศ ได้แค่รัฐมนตรีเท่านั้นแต่เมื่อ “พ่อ” ผลักดันฝืนความจริงมันก็เลยออกมาแบบนี้วันนี้จึงต้องข้ามไปอีกขั้นหนึ่งด้วยว่าวันที่ 9 ก.ย.68 ศาลนัดตัดสินคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ “ทักษิณ ชินวัตร” ก็ควรจะถูกตัดสินให้มีความผิดไปด้วยที่ว่าอย่างนี้ก็เพราะ...การดับที่เหตุนั้นมันต้องเริ่มจาก “ต้นตอ” ของเรื่องด้วย มิฉะนั้นมันก็แก้ปัญหาไม่ได้ปล่อยไว้ก็คาราคาซังอยู่อย่างนี้โดยเฉพาะ “ทักษิณ” นั้นไม่ต่างกับพยัคฆ์ติดปีกเหมือนปล่อยเสือเข้าป่าอย่างใดอย่างนั้นลองไล่เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นตั้งแต่ “ทักษิณ” เดินทางกลับประเทศไทยมานั้น ประเทศไทยเกิดเหตุอะไรบ้างมีแต่ความเสียหายที่เกี่ยวพันกับ “ทักษิณ” แทบทุกเรื่องแม้แต่เรื่องกัมพูชาก็เช่นกันดังนั้นคนไทยทุกคนต้องร่วมกันคิดร่วมกันแก้ไขและยอมรับสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เพราะมันไม่ได้เกิดผลดีต่อประเทศแม้แต่น้อยทางที่ดีปล่อยให้เขาไปตามทางของเขาอย่าไปสนับสนุนให้มีบทบาททางการเมืองอีกดีที่สุดเมืองไทยนั้นยังมีคนเก่งคนดีรักชาติบ้านเมืองอีกมากไม่ต้องกลัว..."สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม