นอกเหนือจากการวิพากษ์วิจารณ์รายวันกับการที่ประเทศกัมพูชาละเมิดกฎกติกาสากลหลายเรื่อง จากข้อพิพาทตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ทั้งการใช้อาวุธสงครามกับประชาชน ชุมชน บ้านเรือน ร้านค้า โรงพยาบาล ไปจนกระทั่งลักลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ทำให้ทหารไทยบาดเจ็บและสูญเสียอวัยวะล่าสุด รัฐบาลประเทศไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศ และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงการณ์เกี่ยวกับ การดำเนินการด้านการต่างประเทศของไทย ในเรื่องที่กัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล โดยมีความคืบหน้าจากเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา และ ณ นครนิวยอร์กได้มีหนังสือส่งถึง รวมทั้งเข้าพบ ทั้งประธานการประชุมรัฐภาคีของอนุสัญญาฯ เลขาธิการสหประชาชาติ และผู้แทนรัฐภาคีต่างๆ เพื่อขอให้ดำเนินการต่อการละเมิดพันธกรณีของกัมพูชา นอกจากนี้ประเทศไทยยื่นหลักฐานต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) เอาผิดกัมพูชาเป็นผู้ก่ออาชญากรรมสงครามอย่างชัดเจนการดำเนินการทั้งหมด สะท้อนท่าทีประเทศไทยที่เริ่มการต่อสู้ทางการเมืองระหว่างประเทศ กับเพื่อนบ้านที่หยิบยกข้อพิพาทต่างๆสู่เวทีโลกทั้งยื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ) โดยอ้างสิทธิครอบครองพื้นที่ 3 ปราสาท 1 พื้นที่ ชายแดนไทย–กัมพูชา และเคลื่อนไหวกล่าวหาไทยทุกช่องทางบนเวทีนานาชาติฉะนั้นวันนี้ถือเป็นเรื่องดีที่ต้องดึงนานาชาติมาพิสูจน์ข้อเท็จจริงเบื้องต้น โดยต้องใช้ทุกช่องทางต่อสู้ ถึงแม้ในเรื่องการเอาผิดกับผู้นำรัฐบาล ผู้มีอำนาจในกัมพูชา ยังมีข้อจำกัดทั้งกรณีการไม่ได้เข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญา การไม่ยอมรับเขตอำนาจบางองค์กร ทั้งของประเทศไทยและกัมพูชา ทำให้กระบวนการอาจไม่สมบูรณ์ หรือบางกรณี เช่น การร้องเรียนเรื่องการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ในเรื่องการใช้ทุ่นระเบิด หรือกับระเบิดสังหารบุคคลในการสู้รบ ในท้ายที่สุดก็ไม่ได้มีบทลงโทษกำหนดไว้ชัดเจน ได้แค่การประณาม ทำให้มีข้อเสนอให้ใช้อีกหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นเวทียูเอ็น ศาลอนุญาโตตุลาการโลก หรือฟ้องร้องในประเทศไว้ก่อนทุกช่องทางแม้ยังยากที่จะได้บทสรุปเอาผิดกัมพูชาได้ เพียงแต่ว่าก็ยังเป็นเรื่องที่ประเทศไทยต้องดำเนินการในทุกช่องทาง นอกจากเพื่อให้เกิดความสมดุลในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ ที่สำคัญคือเพื่อเปิดช่องทางทำความเข้าใจ ชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ เพื่อประจานพฤติกรรมของกัมพูชาที่โลกสมควรประณาม.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม