“ภูมิธรรม” ยันรัฐบาล-พท.ไม่เสียขวัญ ศาลฯนัดชี้ชะตาคดีชั้น 14 “นายใหญ่” 9 ก.ย. ย้ำ “ทรัมป์” ส่งสัญญาณบวกเจรจาภาษีสหรัฐฯ โอ่ผู้นำสหรัฐฯอยากมาเจอกันที่เมืองไทย “ณัฐพงษ์” ชงญัตติด่วน ซัด รบ.ไร้มาตรการรับมือที่เป็นรูปธรรม กมธ.ต่างประเทศเดินสายแจงตอบโต้กัมพูชาเฟกนิวส์ “โรม” ห่วงยิ่งพาทูตทหารลงพื้นที่ช้ายิ่งเสียโอกาสหักล้างข้อมูลเท็จ กระตุ้นบัวแก้วเร่งสื่อสารชาวโลก ภท.ฉะงบ รบ.ไม่ถึงพื้นที่สักบาท “ธีรรัตน์” ผิดคิวโฟนอินผู้ว่าฯอุบลฯโต้กระทู้ยันไม่มีปัญหานายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกฯ แกนนำพรรคเพื่อไทย ยืนยันกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำสั่งคดีชั้น 14รพ.ตำรวจ ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในวันที่9 ก.ย. ไม่ส่งผลต่อขวัญกำลังใจของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาล“ภูมิธรรม” ยัน รบ.–พท.ไม่เสียขวัญเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 31 ก.ค. ที่กระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำสั่งคดีบังคับโทษนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คดีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ในวันที่ 9 ก.ย. ส่งผลต่อขวัญกำลังใจของพรรค พท. และรัฐบาลหรือไม่ว่า ไม่เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม เราเคารพกระบวนการยุติธรรมแต่ยังไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ตอนนี้เรามุ่งมั่นเรื่องการปะทะกันที่บริเวณชายแดนเป็นหลัก เมื่อถามว่านายทักษิณจะมารับฟังคำพิพากษาของศาลเองหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ให้ไปถามนายทักษิณ“ทรัมป์” ส่งสัญญาณภาษีเป็นบวกนายภูมิธรรมยังกล่าวถึงท่าทีสหรัฐอเมริกาที่จะลดกำแพงภาษีให้ไทย หลังเข้ามาช่วยเจรจาปัญหาไทย-กัมพูชาว่า ไม่แน่ใจรายละเอียดที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ไปเจรจา คงติดต่อกันอยู่ แต่วันที่เราประสบความสำเร็จพูดคุยกับกัมพูชาที่มาเลเซีย นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โทร.มาหาตนหลังเดินทางกลับจากมาเลเซีย มีนักข่าวช่อง NBT บันทึกภาพและเสียงในการพูดคุย แต่ได้ขอว่าอย่าเอารายละเอียดออกมาเผยแพร่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความชื่นชม และยินดีกับไทยอย่างมาก เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รู้ว่าไทยถูกรุกราน จึงตอบโต้กลับไปตามสมควร ในช่วงท้ายของการพูดคุยมีเรื่องภาษี นายโดนัลด์ ทรัมป์ บอกว่าพึงพอใจและเชื่อมั่นประเทศไทย จะจัดการเรื่องภาษีให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ แต่ไม่ได้พูดถึงรายละเอียด เท่าที่ดูท่าทีเขาอยากมาเยี่ยมเมืองไทย อยากมาเจอตนที่ประเทศไทย และคิดว่าไทยมีวัฒนธรรมที่ดี เป็นเรื่องที่ดี เชื่อว่าจากการพูดคุยเจรจากัน และที่นายพิชัยไปพูดคุย ผลงานจะออกมาดี“เท้ง” ชงญัตติด่วนหารือภาษีร้อนเวลา 15.10 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม พิจารณาญัตติด่วนที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) เสนอเพื่อพิจารณาการออกมาตรการ และดำเนินนโยบายรับมือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากข้อตกลงการเจรจาอัตราภาษีตอบโต้ระหว่างไทย-สหรัฐอเมริกา มี สส.รัฐบาลและฝ่ายค้านเสนอญัตติลักษณะเดียวกันรวม 7 ญัตติ ที่ประชุมจึงให้พิจารณาไปพร้อมกัน นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ทราบข่าวว่าผลลัพธ์การเจรจาในวันที่ 1 ส.ค.อาจไม่เกิดผล กรณีเลวร้ายที่สุดน่าจะปรับภาษีต่ำกว่า 36% เป็นประโยชน์ต่อคนไทยและเกษตรกร แต่สิ่งจำเป็นมากกว่าคือ ต้องการทราบว่ารัฐบาลนำดีลอะไรไปแลกในการเจรจาครั้งนี้บ้าง ประชาชนจะได้เตรียมตัวรับมือคลื่นสึนามิเศรษฐกิจลูกใหม่นี้ซัด รบ.ไร้มาตรการรับมือรูปธรรมนายณัฐพงษ์กล่าวว่า มี 5 ข้อเสนอต่อรัฐบาล คือ 1.เปลี่ยนการวางตัวจากประเทศคอยทำตามกติกา เป็นผู้ร่วมกำหนดกติกาผ่านเวทีอาเซียน 2.เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้นักลงทุน ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงจากสหรัฐฯ จีน มายังไทย 3.เปิดเวทีเจรจากับประเทศมหาอำนาจที่สร้างสรรค์ ไม่ใช่เป็นลูกไล่ 4.ยกระดับมาตรฐานประเทศไทยให้ทัดเทียมประเทศพัฒนาแล้วโดยเร็ว 5.กำหนดบทบาทให้ประเทศไทยเป็นผู้นำความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคอาเซียน สิ่งสำคัญไม่ว่าจะเดินเกมแบบใด ต้องเดินบนหลักการทางการทูต ไม่ให้ถูกมองไทยเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ส่วนการเตรียมพร้อมรับมือภาษีสหรัฐฯ เมื่อพิจารณาการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 พบว่าไม่มีสำหรับรับมือภาษีทรัมป์ มีเพียงการตั้งงบ 100 ล้านบาท จ้างล็อบบี้ยีสต์ในสหรัฐฯ ไม่มีการเชื่อมโยงโครงการหน่วยงานต่างๆ รับมืออุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ ไม่มีตัวชี้วัดหรือเป้าหมาย เปลี่ยนผ่านห่วงโซ่อุปทาน สะท้อนภาพว่าไม่มีการเตรียมรับมือจริงจัง และรับมือล่วงหน้า“พิชัย” คาดอัตราใหม่ใกล้เคียงอาเซียนนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ชี้แจงว่า ตัวเลขภาษีของไทยเชื่อว่าจะใกล้เคียงกับประเทศอาเซียน เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย ต้องเกาะกลุ่มให้ได้ ส่วนข้อกังวลผลกระทบที่อาจทำให้อุตสาหกรรมไทยมีความเสี่ยงเรื่องต้นทุนที่แพงขึ้น และเกษตรกรไม่เข้มแข็งนั้น แม้ไม่มีประเด็นภาษีทรัมป์ ประเทศไทยมีปัญหาหลายด้าน ทั้งขีดความสามารถการส่งออก การแข่งขัน ต้นทุนที่สูง รวมถึงปัญหาประสิทธิภาพระบบราชการ กระบวนการอนุมัติล่าช้า ส่วนการเจรจานำเข้าสินค้าสหรัฐฯ มีบางอย่างที่ภาษีเป็นศูนย์ไม่ต้องแปลกใจ ที่ผ่านมาไทยมีลงนามเอฟทีเอหลายประเทศ การเจรจากับสหรัฐฯรอบนี้เหมือนกับประเทศที่ได้เอฟทีเอกับไทย การพิจารณาสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯจะดูรายละเอียดเรื่องราคา และคุณภาพสินค้าต้องไม่สูงกว่าที่อื่น พบมีสินค้าที่ราคาถูกกว่าเมื่อซื้อจากสหรัฐฯ เช่น ราคาพลังงานน้ำมัน รวมถึงสินค้าที่เราผลิตได้แต่ไม่พอ เช่น ข้าวโพด ส่วนเรื่องพลังงานที่พบว่ามีค่าขนส่ง ได้หารือว่ามีแหล่งพลังงานใดที่ต้องสำรวจเพิ่มเติม สหรัฐฯ ยินดีมาสำรวจเพราะมีเทคโนโลยีสำรวจทะเลลึกประเทศไทย มีแหล่งอันดามัน ได้แสดงเจตนารมณ์แล้วถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่ใหญ่ขึ้นโปรดเกล้าฯ “ฉลาด” รองประธานที่รัฐสภา เมื่อเวลา 11.00 น. มีพิธีรับพระบรม ราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 มี น.ส.สาวิตรี ชำนาญกิจ เป็นผู้เชิญพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เข้ามายังพิธี นายฉลาดให้สัมภาษณ์ว่า ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เป็นกลางทางการเมือง สิ่งใดเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ขอความร่วมมือจากเพื่อนสมาชิก เพราะเป้าหมายคือการแก้ปัญหาให้ประชาชน เหลือเวลาอีก 2 ปีจะเลือกตั้งใหม่ จะสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในสภาฯ ฝากถึงรัฐบาลแม้มีเสียงข้างมาก ทุกคนมีหน้าที่โดยตรงมาประชุมสภาฯ ขออย่าไปตำหนิฝ่ายอื่น ส่วนกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ในวันที่ 1 ส.ค. ไม่สามารถก้าวล่วงศาลรัฐธรรมนูญได้ แต่เท่าที่ได้คุยกับนายพิเชษฐ์บอกว่าบริสุทธิ์ใจ แต่ผลจะเป็นเช่นไรเป็นดุลพินิจของศาลภท.แฉงบรัฐบาลไม่ถึงพื้นที่สักบาทต่อมามีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดของนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย กรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา นายธนากล่าวว่า นับแต่เกิดเหตุปะทะชายแดน 4 จังหวัด คือ จ.ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี จนถึงขณะนี้ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ต้องอาศัยเงินบริจาค และงบองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มาสำรองจ่าย พวกท่านนอนหลับได้อย่างไร มีงบประมาณในมือหลายแสนล้านบาท ทั้งงบกลาง งบกระตุ้นเศรษฐกิจเก็บไว้ทำไม ส่วนเงินเยียวยากรณีผู้เสียชีวิตเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ ได้เงินเยียวยา 7 ล้านบาท แต่เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ให้ 1 ล้านบาท ใจดำเกินไป“ธีรรัตน์” ผิดคิวโฟนอิน ผวจ.โต้กลับน.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทนนายกฯว่า รัฐบาลอนุมัติงบช่วยเหลือลงไปทันทีจังหวัดละ 100 ล้านบาท เป็นกรอบวงเงินที่ผู้ว่าฯดำเนินการได้ทันที ไม่มีปัญหาเรื่องงบฯ ส่วนเรื่องเงินเยียวยาจะมีทั้งจากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เงินประกันสังคม เงินกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพิ่มเติมในส่วนผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับผลกระทบ ด้านนายธนาสอบถามเพิ่มเติมถึงความล่าช้าเรื่องการสื่อสารกับประชาชนในพื้นที่ ปล่อยให้ชาวบ้านดูข่าวจากโซเชียล ทราบจาก ผวจ.อุบลราชธานี อ้างว่าเบิกอะไรไม่ได้ กลัวติดคุก ทำให้ น.ส.ธีรรัตน์โทรศัพท์หานายอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผวจ.อุบลราชธานี ทันที เพื่อให้โฟนอินชี้แจงสดๆกลางที่ประชุมสภาฯว่า โดยนายอดิศักดิ์ยืนยันว่าเบิกจ่ายงบได้ทั้งหมดไม่มีปัญหา ทำให้นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย รีบประท้วงว่าทำผิดข้อบังคับให้บุคคลภายนอกโฟนอินเข้ามาได้อย่างไร นายวันมูหะมัดนอร์จึงกล่าวตักเตือน น.ส.ธีรรัตน์ก่อนให้ชี้แจงต่อ น.ส.ธีรรัตน์ยืนยันว่ารัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ ไม่เคยหลับอย่างสบายใจแม้แต่วันเดียว พัก 1 ชั่วโมง แล้วตื่นมาทำงานใหม่กมธ.ตปท.เดินสายชี้แจงโต้กัมพูชาน.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร สส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ว่า กมธ.ได้เร่งเดินสายชี้แจงข้อเท็จจริงกับตัวแทนทูตนานาประเทศที่ประจำการในไทย เพื่อสร้างความเข้าใจในข้อเท็จจริงต่อสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้น สิ่งที่เรากังวลคือการสื่อสาร ข่าวสารระหว่างไทยและกัมพูชามีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก อาจสร้างความเข้าใจผิดในสายตาประชาคมโลก เราจึงเริ่มชี้แจงกับประเทศสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และอีก 18 ประเทศในสหภาพยุโรป ที่เคยแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไม่ใช่เพียงเพื่อปกป้องชื่อเสียงประเทศไทย แต่ยังเป็นการขอความร่วมมือให้นานาประเทศร่วมติดตามตรวจสอบ และกลั่นกรองข้อมูลข่าวสาร หลายประเทศเริ่มตั้งข้อสังเกตว่าข่าวจากกัมพูชาอาจมีการตกแต่งถึงขั้นปลอมแปลงหลักฐาน ทำให้สถานการณ์ดูเลวร้ายเกินจริง“โรม” ห่วงเสียโอกาสหักล้างข้อมูลเท็จนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า สิ่งที่เป็นห่วงขณะนี้คือโจทย์ระหว่างประเทศ แนวทางรับมือกัมพูชาในเรื่องต่างๆ เช่น กัมพูชาพาทูตทหารลงพื้นที่ไปแล้ว แต่ไทยจะพาลงพื้นที่วันที่ 1 ส.ค. ช้าไปหรือไม่ ความล่าช้าของไทยทำให้ไม่ได้เห็นภาพจริงถึงการกระทำของกัมพูชา เพราะกัมพูชาพยายามทำตัวเองเป็นเหยื่อ เมื่อกัมพูชาชิงเล่าก่อน ฝ่ายที่พูดทีหลังอาจถูกกล่าวหาว่าแก้ตัว ต้องยอมรับว่าค่อนข้างเสียหาย ทั้งที่สถานทูตทั่วโลกตั้งอยู่ในประเทศไทยมากกว่ากัมพูชา แต่ตั้งแต่รัฐประหารปี 2557 บทบาทไทยในเวทีโลกลดลงเรื่อยๆ วันนี้การเผชิญหน้ากับกัมพูชากลายเป็นไทยเสียเปรียบ โดยเฉพาะการสู้รบด้านต่างประเทศ อยากเห็นรัฐบาลสื่อสารเร็วกว่านี้ในเวทีโลก หลายเหตุการณ์ที่สามารถทำให้เวทีโลกได้เห็น เช่น การวางกับระเบิด การโจมตีพลเรือน การปะทะที่กัมพูชาเริ่มก่อน แต่ไม่ได้เอาไปใช้ ประชาคมโลกจึงคิดว่าไทยโจมตีก่อนกระตุ้นบัวแก้วเร่งสื่อสารชาวโลกผู้สื่อข่าวถามว่าปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะรัฐบาลอ่อนแอหรือไม่ นายรังสิมันต์ตอบว่า ปัญหารัฐบาลคือเรื่องความชอบธรรม ที่สังคมไม่เชื่อมั่นรัฐบาล แม้กระทั่งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกฯ ไปเจรจากับนายกฯกัมพูชาที่มาเลเซีย ยังมีคำถามจากคนจำนวนไม่น้อยไม่ไว้ใจการเจรจา เมื่อถามว่าว่าที่เอกอัครราชทูตสหรัฐฯคนใหม่ พูดถึงความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ว่าอาจทำให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯได้ นายรังสิมันต์ตอบว่า คำพูดนี้คงเสียดแทงความรู้สึกคนไทย ต้องช่วยกระตุ้นกระทรวงการต่างประเทศสื่อสารกับทั่วโลกให้ดีกว่านี้ ถ้าทั่วโลกคิดแบบนี้ ประเทศไทยเสียหาย จะทำงานล่าช้าเช้าชามเย็นชามไม่ได้แล้ว นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ เคลื่อนไหวล่าช้ามากในเรื่องนี้ศาลฎีกาฯจำคุก “วิรัช” 4 ปี 6 ด.ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลมีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อม.17/2564 ที่อัยการสูงสุด ยื่นฟ้องนายวิรัช รัตนเศรษฐ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กับพวก รวม 87 คน ฐานร่วมกันกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐมาตรา 10, 11, 12, 13, พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตมาตรา 123/1 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151, 157, 162, 264, 265, 268, 83, 86, 91 กรณีทุจริตเงินจัดสรรงบประมาณปี 2555 จัดสร้างสนามฟุตซอลให้กับโรงเรียนในเขตพื้นที่การศึกษา 18 จังหวัด มูลค่า 4,459 ล้านบาท ศาลฎีกาฯมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกนายวิรัชเป็นเวลา 4 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา ส่วนนางทัศนียา รัตนเศรษฐ ภรรยา ถูกจำคุก 3 ปี 4 เดือน และกลุ่มที่เป็นนักการเมืองโดนโทษจำคุกทุกคนไม่รอลงอาญา กลุ่มบริษัทผู้ประสานงานฮั้ว รับเหมา ถูกจำคุก 15 ปี มีบางรายที่โดนโทษปรับสูงสุด 79 ล้านบาท ส่วนกลุ่ม ผอ.เขต โทษจำคุกไม่รอลงอาญา กลุ่มที่เป็น ผอ.โรงเรียนจำคุก 1 ปี รอลงอาญาทุกคน, กลุ่มลูกจ้าง แม่บ้าน แจกเอกสาร ยกฟ้อง หลังศาลอ่านคำพิพากษานายวิรัชยื่นประกันตัว ศาลอนุญาตให้ประกันตัวด้วยการเพิ่มวงเงินจาก 2 แสนบาท เป็น 4 แสนบาทอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่