ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง ในการไต่สวนคดีการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจของ อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ในระหว่างถูกคุมขัง สมควรแก่เหตุหรือไม่ หรือที่เรียกว่า คดีชั้น 14 จนติดปากชาวบ้าน การไต่สวนนัดแรกมี มานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯคนปัจจุบัน ขึ้นไต่สวนเป็นปากแรก มี อัยการสูงสุด และ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ และทนายฝ่ายจำเลย วิญญัติ ชาติมนตรี เข้าร่วมกระบวนการไต่สวนในครั้งนี้ผบ.เรือนจำ ได้นำเอกสารประกอบการพิจารณามาชี้แจงต่อศาล ซึ่งประกอบด้วยอำนาจหน้าที่การรับผิดชอบ ขั้นตอนการปฏิบัติของเรือนจำหลังจากการรับตัวอดีตนายกฯเมื่อวันที่ 22 ส.ค.2566 โดยที่ศาลให้ความสนใจ เอกสารประวัติการรักษาตัวจากต่างประเทศเป็นพิเศษ และให้นำเอกสารดังกล่าวมายื่นประกอบการพิจารณาภายใน 15 วัน แต่ถ้าไม่มีเอกสารก็ให้แจ้งกลับมาที่ศาลตามขั้นตอนต่อไปนอกจากนี้ ผบ.เรือนจำยังระบุด้วยว่า พญ.รวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ประจำทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ (ถูกแพทยสภามีมติลงโทษว่ากล่าวตักเตือนในการเกี่ยวข้องกับการออกใบส่งตัวอดีตนายกฯ) เป็นผู้ตรวจร่างกายอดีตนายกฯและมีความเห็นให้สามารถส่งตัวจำเลยไปรักษาต่อใน รพ.ที่มีศักยภาพสูงกว่า รพ.ราชทัณฑ์ได้ (รพ.ตำรวจ) ในความเห็นของแพทย์ระบุว่า “ผู้ต้องขังมีอาการความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคกระดูกทับเส้นประสาท และอยู่ในกลุ่ม 608 ซึ่งสามารถดูอาการที่เรือนจำได้ แต่หากเกิดเหตุฉุกเฉินสามารถส่งตัวไปรักษายัง รพ.ภายนอกได้” เป็นการเขียนใบส่งตัวไว้ล่วงหน้า ในกรณีฉุกเฉิน และ ผบ.เรือนจำยังระบุด้วยว่า เรื่องนี้ส่วนใหญ่จะเป็นหน้าที่ พัศดีเวร ไม่ได้มาถึง ผบ.เรือนจำ การเขียนใบส่งตัวล่วงหน้า เป็นกรณีของหมอจะเขียนไว้ผบ.เรือนจำยังให้การถึงการรักษาพยาบาล ใน รพ.ราชทัณฑ์ ด้วยว่า เรือนจำ มีพยาบาล 1 คน ต้องดูแลผู้ต้องขัง 4 พันคน ไม่มีแพทย์ประจำและวินิจฉัยโรคในเบื้องต้น ในส่วนของ รพ.ราชทัณฑ์ จะแยกออกไป เป็นเหมือนแม่ข่ายที่มีแพทย์ประจำห่างจากเรือนจำไปประมาณ 300 เมตร ถึงจะเป็น รพ.ก็ยังถือเป็นเรือนจำเพราะมีลูกกรง และไม่รับบุคคลภายนอก ที่ผ่านมามีการส่งตัวผู้ต้องโทษไปรักษาที่ รพ.ราชทัณฑ์และ รพ.ภายนอก เช่นกรณีผู้ป่วยต้องให้คีโม แต่ส่วนใหญ่จะไปที่ รพ.ราชทัณฑ์ก่อนทุกกรณี จากนั้นขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ผบ.เรือนจำยังยืนยันอาการป่วยของอดีตนายกฯโดยอ้างจากหลักฐานเอกสารด้วยว่า มีอาการความดันโลหิตสูง ค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ นอนไม่หลับ มีอาการแน่นหน้าอก และยืนยันด้วยว่าไม่สามารถรอส่ง รพ.ในเวลาปกติเพราะต้องรักษาชีวิตผู้ป่วย แต่ยอมรับว่าไม่ได้มีการส่งตัวไป รพ.ราชทัณฑ์ก่อน จุดนี้มีคำถามจากศาลว่า คือมีการเขียนใบส่งตัวเอาไว้ล่วงหน้า แล้วอาการมันตรงกับใบส่งตัวพอดี ซึ่ง ผบ.เรือนจำปฏิเสธว่าไม่ทราบว่าเขียนใบส่งตัวว่าเป็นโรคอะไร จากนั้นศาลให้มีการเรียกสอบพยานเพิ่มเติมอีก 20 ปากนัดไต่สวน 6 นัด วันที่ 4, 8, 15, 18, 25, 30 ก.ค.นี้.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.th คลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม