หนังสือเล่มบางๆ “การรักษาและฟื้นฟูสภาพโรค Stroke” ลูกศิษย์และคนใกล้ชิดได้รับแจกติดมือ จากการทำบุญอายุครบ 100 ปี นพ.บรรลุ ศิริพานิช ที่โรงพยาบาลสงฆ์ เมื่อ 17 พ.ค.2568เมื่อได้อ่านจนจบ สำหรับผม ไม่ได้เป็นแค่คำแนะนำ สำหรับคนสูงอายุที่รอเวลาเป็น หรือที่เป็นโรคสโตรกแล้ว...เท่านั้น...แต่จะมีความหมายลึกซึ้ง ทำให้รู้จักหมอบรรลุมากขึ้น ค่อยๆอ่านตามไปด้วยกันหน้าแรกๆ หมอแนะนำ...คนบางคนเป็นอัมพาตครึ่งซีกหรือทั้งหมดของร่างกาย อย่างนี้ไม่ใช่สโตรก วิธีแก้ไขสโตรก หรือรักษามีวิธีเดียว คือหัด หรือฝึกร่างกายส่วนนั้นให้กลับคืน เรียกทั่วไปว่ากายภาพบำบัดหัดแค่ไหน ก็ตอบได้ว่าหัด หรือฝึกจนเจ้าตัวพอใจขณะนี้มีข้อมูลจากเอกสารทางการแพทย์พบว่าสโตรก เป็นโรคที่พบมากเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งวิธีแก้ไขหรือรักษาที่สำคัญที่สุด คือกายภาพบำบัด ควบคู่กับการใช้ชีวิต และวางจิตใจให้เหมาะสมผู้เขียนเองเป็นสโตรก จึงอยากจะเล่าเรื่องการทำกายภาพบำบัดสู่กันฟัง เป็นการเล่าจากผู้เป็นเองสู่ผู้ฟัง อันไหนดี อันไหนไม่ดี อ่านแล้ว แล้วแต่ผู้อ่านจะคิดเอาเอง แต่ลืมบอกไปว่า ผู้เขียนเป็นหมอ คงจะเล่าดีกว่าคนทั่วไปเริ่มตั้งแต่! เครื่องมือสำหรับทำกายภาพบำบัด เครื่องมือที่ผู้เขียนใช้ฟื้นฟูร่างกายเป็นประจำมีหลายอย่าง เช่น บาร์ราวคู่ บาร์ราวเดี่ยว จักรยาน สิ่งช่วยเดินหรือคอก รอก-ชักรอกสำคัญอยู่ที่เจ้าตัวจะทำบ่อยขนาดไหน ยิ่งบ่อย ยิ่งดี ให้กล้ามเนื้อได้ออกกำลัง แต่ละคนต้องตัดสินใจเองว่า แค่ไหนพอดี จะหยุดตอนไหน หลักการคือ ต้องพยายามที่สุดไม่ใช่ว่า พอเหนื่อยขึ้นมาก็หยุดเลย พอเหนื่อยก็ต้องมานั่งพัก เสร็จแล้วทำใหม่ ทำจนเหนื่อย จนไม่ไหวแล้วจึงหยุด เมื่อท้อแท้เพราะเหนื่อย รู้สึกเจ็บปวด หรือไม่ถนัด ก็ให้กำลังใจตัวเองว่าเป็นสโตรกแล้วต้องทำกายภาพบำบัด และทำแล้วก็ต้องเหนื่อยเป็นธรรมดาเหนื่อยก็พักแล้วทำใหม่ พอเหนื่อยอีกก็พัก แล้วทำใหม่ จนไม่ไหว ไม่ทำไม่ได้ ถ้าไม่อยากลุกขึ้นมาทำต่อ ก็ให้คิดว่า ชีวิตเรามีเท่านี้ ไม่มีทางอื่น ต้องทำต่อไป ทุกอย่างอยู่ที่ใจ ต้องสู้ในช่วงที่ผู้เขียนเริ่มเป็น ผู้เขียนกำหนดเวลาที่จะทำกายภาพบำบัดครั้งละ 9 นาที ให้เป็นกิจวัตร แล้วให้ลูกหลานที่ช่วยดูแล จดให้ เพื่อให้ทำตามตาราง แบบที่เห็นครั้งที่ 1 เวลา 02.30 น. ชักรอก 100 ครั้ง 09.00 น. ขี่จักรยาน 11.00 น. เดินราวบาร์ 13.30 น. เดินราวบาร์ 15.00 น.เดินราวบาร์ 16.00 น. เดินไม้เท้า2.การถกแถลงในที่ต่างๆ ยิ่งบ่อยยิ่งดี การออกไปพบปะผู้คน ทำให้ต้องค้นคว้าหาความรู้ 3.การรับผิดชอบหน้าที่การงาน อาจจะได้เงิน หรือไม่ได้เงินก็ไม่เป็นไร การได้ทำงานมีผลกับความเชื่อมั่นของตนเองตัวผู้เขียน (ขณะเขียน) อายุ 97 ปี เงินทองไม่มีความหมาย แต่คิดว่างานเป็นเรื่องสำคัญ ยังคงเข้าร่วมประชุมที่มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.) ช่วงโควิดระบาด ก็เข้าประชุมทางออนไลน์หลังเป็นสโตรก มือขวาเขียนหนังสือไม่ได้ จึงพยายามหัดเขียนด้วยมือซ้าย เพราะยังอยากเขียนหนังสือเล่าเรื่องราวต่างๆด้วยตนเอง 4.ดื่มน้ำมากๆ และบ่อยๆ น้ำจะทำให้เลือดไม่ข้น ไหลเวียนสะดวก คนเป็นสโตรกอาจจะดื่มลำบาก เพราะสำลักได้ง่าย แต่ต้องพยายามดื่มให้เพียงพอ5.เวลาเข้านอน อย่าคิดเรื่องในทางลบ แต่คิดในทางบวกหมอบรรลุจบข้อเขียน ที่เขียนด้วยมือซ้ายว่า อีก 3 ปีจะครบ 100 ปี บางทีก็ถามตัวเอง เราจะอยู่ไปทำไม คำตอบที่ได้ก็คือ เราต้องอยู่ไปเป็นตัวอย่างให้ลูกหลาน ลูกหลานของเรา เราต้องรักผมอ่านเรื่องสโตรกจบ แล้วก็อึ้ง...ในโลกนี้ คนแบบหมอบรรลุ และหมอแบบหมอบรรลุ จะมีอีกสักกี่คน แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่หมอบนสวรรค์ชั้น 14 ไม่กี่คนแน่เทียว.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม