มีงานใหญ่งานหนึ่งที่ผมมักจะเขียนแนะนำมาหลายๆปีติดต่อกันในคอลัมน์ “เสาร์สารพัน” ชวนเที่ยวงาน ชวนอ่านหนังสือและฟังเพลงย้อนยุคที่ผมดัดแปลงคอลัมน์วันเสาร์ของผมให้เข้าสู่โหมดของการพักผ่อนหย่อนใจอย่างมีสาระมากว่า 20 ปีแล้วชวนไปเที่ยว ชวนไปชมงานที่มีสาระต่างๆที่ไปแล้วได้ความรู้ได้ความคิดได้เห็นของใหม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆของโลกอันจะนำไปสู่จินตนาการและความคิดใหม่ๆสำหรับคนไทยงานใหญ่ที่ว่านี้เป็นงานของกระทรวงพาณิชย์รับจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีและผมก็เขียนให้เกือบทุกปีที่เรียกว่า “THAIFEX-ANUGA ASIA2025” ที่กำลังจัดอยู่ที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี และวันพรุ่งนี้ (เสาร์ที่ 31 พฤษภาคม) จะเป็นวันสุดท้ายผมเขียนแนะนำให้ 1 ย่อหน้าเมื่อฉบับวันเสาร์ที่ผ่านมา และย้ำว่าแม้ภาพงานส่วนใหญ่จะเป็นการเจรจาการค้า และธุรกิจเชื้อเชิญนักธุรกิจทางด้านอาหารและเครื่องดื่มทั่วโลกมาดูมาชมสินค้า พร้อมเจรจาเป็นคู่ค้าต่อไปในภายหน้า ดังที่ดำเนินการมาทุกๆปีแต่ในวันสุดท้ายคือวันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคมจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าช็อป-ชม และชิมด้วย...ขอฝากท่านผู้อ่านไปร่วมช็อปร่วมชมและร่วมชิม เพื่อให้กำลังใจแก่สินค้าและผลิตภัณฑ์อาหาร+เครื่องดื่ม ของไทยเราที่มาแสดงฝีมือเต็มพิกัดในงานนี้ ในการที่จะเดินหน้าออกสู่ตลาดโลกต่อไปงานนี้เริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ.ใดในประเทศไทยผมจำไม่ได้เสียแล้ว แต่จำได้ว่าเคยเขียนถึงคุณ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ ที่ไปเปิดงานนี้และให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2563 หรือ 2564 สัก 4-5 ปีเศษๆที่ผ่านมานี้เองเจ้าภาพหลักนั้นก็คือ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ หอการค้าไทย และ โคโลญเมซเซ่ประเทศเยอรมนี (ซึ่งเป็นบริษัทจัดงานแสดงสินค้าด้านอาหารและเครื่องดื่มที่มีชื่อเสียงระดับโลกของเยอรมนีดังกล่าว) โดยจะปักหลักจัดที่ อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี มาโดยตลอดจำได้เช่นกันว่าภายหลังจากการจัดงานแล้วในการประเมินผลแต่ละครั้ง ผลสรุปที่มีการแถลงข่าวจะออกมาในทางที่ดีมาก สามารถจับคู่ทางการค้าได้เท่านั้นเท่านี้...คิดเป็นเงินหมุนเวียนเท่านั้นเท่านี้ ดอลลาร์หรือบาทอยู่เสมอๆสำหรับปีนี้ ท่านรัฐมนตรีพาณิชย์ พิชัย นริพทะพันธุ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า มีมาแสดงผลิตภัณฑ์ถึง 3,200 บริษัทจากประเทศไทย และอีก 56 ประเทศ รวมทั้งสิ้นกว่า 6,200 คูหา ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ทุกกลุ่มในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มท่านคาดว่าตลอดช่วงวันเจรจาธุรกิจ จะมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 90,000 ราย จาก 140 ประเทศทั่วโลก และจะก่อให้เกิดมูลค่าการสั่งซื้อทั้งในงานและภายใน 1 ปีหลังงานรวมกันกว่า 98,000 ล้านบาทสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางธุรกิจอาหารระดับโลก และเป็นแหล่งสำรองอาหารที่น่าเชื่อถือของโลก สามารถก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอาหาร+เครื่องดื่มระดับโลกตามแผนงานผลักดันครัวไทยสู่ครัวโลกที่ดำเนินการติดต่อมาหลายรัฐบาลแล้วผมเองเป็นคนตรงไปตรงมา ใครทำอะไรดี ทำอะไรถูกต้อง ก็จะชื่นชมและให้กำลังใจกันตรงๆ...ใครทำไม่ถูกต้อง หรือพูดไม่ถูกต้อง ผมก็จะตัดพ้อต่อว่าเอาบ้างเพื่อเป็นการติติงผมเคยติงท่านรัฐมนตรีพาณิชย์พิชัยไป 2-3 ครั้ง กรณีวิจารณ์บทบาทแบงก์ชาติ แต่สำหรับงานนี้ผมขอชื่นชมและขอให้กำลังใจ ท่านในการชูธงขับเคลื่อนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของกระทรวงพาณิชย์ต่อไปจนประสบความสำเร็จในยามมืดมัวฟ้าหม่น พายุเศรษฐกิจเริ่มโหมเข้าใกล้ประเทศไทยเราทุกขณะ ดังเช่นทุกวันนี้...ผมถือว่างานนี้และโครงการนี้เป็นความหวังประการหนึ่งของประเทศชาติครับ...ขอฝากให้ทำให้ดีที่สุดนะครับ...รัฐบาล!"ซูม"คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม