วันที่ 17 พ.ค.2568 ที่แล้วมีงานทำบุญอายุหมอ บรรลุ ศิริพานิช ครับ อายุท่านอายุยืนถึง 100 ปีแล้ว ที่โรงพยาบาลสงฆ์ งานนี้มีหนังสือเล่มบางๆที่หมอเขียน แจกติดมือให้ผู้ที่ไปร่วมงานสองเล่มเล่มแรก การรักษาและฟื้นฟูสภาพโรค Stroke เล่มสองบ้าน ผมขอเลือกอ่านเล่มบ้านก่อนหมอเปิดเรื่องหน้าแรก ปีนี้หมออายุ 98 ปี อยู่บ้านมาแล้วหลายหลัง เกิดในห้องแถวตึกดินกลางตลาดร้อยเอ็ด เคยอยู่บ้านหลังคาสังกะสี นอนฟังเสียงน้ำค้าง และบ้าน ฯลฯลงหลักปักฐานมีมั่นคง หมอมีบ้านอยู่สองหลัง หลังริมน้ำสระบุรี และหลังปัจจุบัน ริมถนนสุทธิสารฯ บ้านที่ลูกชายคนโตนอน อยู่หลังเดียวกับพ่อ และลูกหลานทุกคนอยู่ด้วยกันที่ตึก 4 ชั้นข้างๆ ห่างออกไปไม่กี่ก้าวหมอยังเขียนหนังสือได้ดี ทั้งที่ป่วยโรคสโตรกเมื่อปลายปี 2561หมอบรรลุเขียนต่อไปว่า ทำงานคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุมานานหลายสิบปี แม้มีแนวคิดมาจากประเทศตะวันตกไม่น้อย แต่เชื่อในคติที่ว่า “จงตัดเกือกให้เหมาะกับตี ไม่ใช่ตัดตีให้เหมาะกับเกือก”ในสังคมตะวันตกเมื่อลูกหลานเติบใหญ่แล้ว มักจะแยกตัวออกไปจากพ่อแม่ บินออกจากรังทิ้งพ่อแม่ไว้ 2 คนครอบครัวฝรั่ง เป็นครอบครัวแบบนก ไม่ใช่ครอบครัวคนหมอได้รับประสบการณ์เชิงเปรียบเทียบโดยตรง จากเพื่อนหมอชาวอเมริกันที่คบกันมาเก่าแก่ยาวนาน ชื่อ ดร.จอห์น อัพเดรโกรพ ดังจะขอเล่าให้ฟัง ดังนี้เราได้รู้จักกันตั้งแต่หมอไปฝึกอบรมเป็นแพทย์ประจำบ้านทางศัลยกรรมที่โรงพยาบาลอีสตัน รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริการะหว่างปี พ.ศ.2500-2501ดร.จอห์น อายุมากกว่า 3-4 ปี คบหามายาวนานเพราะหนึ่ง ใจมันตรงกัน สอง เป็นหมอศัลยกรรมเหมือนกัน และยังมีอะไรคล้ายกันอีก คือเขามีลูก 3 คน เป็นชายสองหญิงหนึ่ง ลูกคนโตก็เป็นหมอรับราชการเหมือนกันเมื่อก่อนหมอไปเยี่ยมบ้าน ดร.จอห์นที่เมืองอีสตันอยู่บ่อยๆ เขาก็มาเยี่ยมบ้านหมอบ้างดร.จอห์นมีบ้านหลังใหญ่ๆ 3 ชั้นในเมืองอีสตัน ลูก 3 คนอยู่คนละห้อง พอลูกๆเขาโตขึ้นก็ไปกันหมด เขาก็อยู่กัน 2 คนผัวเมีย ต้องจ้างคนทำความสะอาดบ้าน เวลาหมอไปบ้าน ดร.จอห์น ก็นอนห้องลูกเขา สบายมากดร.จอห์นรวยมาก หมอผ่าตัดในอเมริการวย เขาซื้อบ้านบนภูเขาเอาไว้พักผ่อน หมอยังเคยไปกับเขา ขับรถขึ้นไปส่องสัตว์ตอนกลางคืน ตกเบ็ดบนนั้น มีความสุขตอนหลังเขาขายบ้านบนภูเขา ถามว่าทำไมขายล่ะ เขาบอกว่าพอแก่แล้ว ขับรถขึ้นภูเขาไม่ไหวอันตราย เสียค่าดูแลไม่ไหวด้วย ลูกๆก็ไปกันหมดไม่มีใครเอา...อย่าลืมนะ ลูกฝรั่งพอโตขึ้นมันไม่อยู่กับพ่อแม่หรอก ลูกๆก็บินออกจากรัง ทิ้งพ่อแม่ไว้ 2 คนครอบครัวฝรั่ง จึงเป็นครอบครัวแบบนก ไม่ใช่ครอบครัวคนดร.จอห์น พอแก่ตัวเข้าทนหนาวไม่ไหว พอถึงฤดูหนาวก็บินจากอีสตันไปที่ฟลอริดา เขาซื้อคอนโดมิเนียมไว้ที่นั่นเพื่อหนีหนาว เหมือนพวกนกหนีความหนาวเวลาหมอไปหา ดร.จอห์น ก็พักบ้านเขาได้ เพราะบ้านว่างไม่มีลูกคนไหนอยู่ แต่พอเขากับภรรยามาบ้านหมอ หมอบอกเลยว่า ยูมานอนบ้านไม่ได้หรอก บ้าน!คนเต็ม ต้องไปนอนโอเรียลเตล หมอก็เอารถไปช่วยบริการเขาเองยังแปลกใจ เวลามาบ้านหมอว่า เอ๊ะลูกๆยังอยู่กับพ่อแม่หรือนี่ความแตกต่างของผู้สูงอายุไทยกับผู้สูงอายุฝรั่งอยู่ตรงนี้บ้านเรามีวิถีชีวิตที่ถูกต้องในแบบเราแล้ว ผู้สูงอายุต้องอยู่ในครอบครัวเดียวกับลูกหลาน ที่ต้องดูแลพ่อแม่“บ้าน” ในใจหมอบรรลุ ไม่ได้สำคัญว่า อยู่ที่ไหน แต่คือบ้านที่พ่อ แม่ ลูก รวมถึงหลานๆอยู่ร่วมกัน. กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม