คำถามแรกหลังจาก กกต. โดย รองเลขาธิการ กกต. ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก ลงนามในหมายเรียก สว. ลอตแรกจำนวน 57 ราย ในความผิดตาม พ.ร.ป.เลือกตั้งว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. พ.ศ.2561 ตามมาตรา 32-36-62-70 และ 77 มีลักษณะเป็นการ ฮั้วเลือก สว. โดยกำหนดให้เข้ามาชี้แจงข้อกล่าวหากับคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนระหว่างวันที่ 19-21 พ.ค.นี้ โดยแบ่งเป็น 3 ลอตด้วยกันทำไมจู่ๆ กกต.ลงมือเอง ทั้งที่จะเอาเป็นเอาตายกับเรื่องนี้คือ ดีเอสไอที่อยู่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรมที่มี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็นเจ้ากระทรวง เพราะดีเอสไอนอกจากจะรับเป็นคดีพิเศษแล้ว ยังแจ้งข้อกล่าวหาหนัก ประกอบด้วยข้อหาฟอกเงินอั้งยี่ซ่องโจรและ ฮั้วเลือก สว. มีคำถามพ่วงตามมา แล้ว แสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.หายไปไหนคำถามต่อไปถ้า กกต. ไต่สวนแล้วพบว่ามีมูล สว. ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ โดยเฉพาะในจำนวนผู้ถูกกล่าวหามี ประธาน สว. และรองประธาน สว. อยู่ด้วย สมมติ สว.ประมาณ 150 คนต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ หรือ ประธาน รองประธาน สว.หยุดปฏิบัติหน้าที่ คงยุ่งเป็นฝอยขัดหม้อหรือจะล้ำลึกไปกว่านั้น ผลการสอบสวนไปเกี่ยวข้องกับ รมต.ในปัจจุบัน แกนนำพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล เข้าผลลัพธ์สุดท้าย อาจถึงขั้นยุบพรรค คิดดูว่า ถึงเวลานั้นบ้านเมืองจะปั่นป่วนขนาดไหน ยิ่งถ้าต้นเหตุที่แท้จริงเกิดจาก อคติของคนแค่สองคน ที่ยอมกันไม่ได้ประเทศไทยคงถึงยุคติดกับดักวงจรอุบาทว์ ถอยหลังลงคลองไปเรื่อยๆ วันนี้ ทุนจีน ทุนเทา ที่เข้ามาสร้างความเสียหายในบ้านเราก็หนักหนาสาหัสแล้ว จนถึงวันนี้ มีคนตายจาก เหตุตึก สตง.ถล่ม ในช่วงที่มีแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา เฉียดร้อย งบประมาณการก่อสร้าง 2 พันกว่าล้าน กลายเป็นเศษเหล็กเศษปูน บริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ บริษัทอิตาเลียนไทยฯ บริษัทกิจการร่วมค้า ITD-CREC ยังปากแจ๋ว สตง. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินยังลอยนวล โยนความรับผิดชอบ ขาดจิตสำนึก ก็ยังไม่มีใครไปแตะต้องได้แม้แต่ปลายเล็บ กรรมาธิการวิสามัญตึก สตง.ถล่ม ที่มี ปลอดประสพ สุรัสวดี เป็นประธาน เรียกไปชี้แจงก็ไม่ไป ผู้ว่าการฯ สตง. ก็ไม่ไป ต่อให้พบความผิดปกติออกทนโท่อย่างไรก็ไม่มีผลต่อการดำเนินคดี ยังจับมือใครดมไม่ได้ ถ้าเป็นบ้านอื่นเมืองอื่น จับไปประหารแล้วนักการเมือง สส.ในสภา เก่งแต่การบริหารจัดการงบประมาณ รัฐสภาที่ก่อสร้างมาไม่ค่อยจะสมบูรณ์ ใช้งบประมาณเป็นหมื่นล้าน แต่ฝนตกทีไรน้ำท่วมทุกที จะของบปรับปรุง ติดแอร์ ถมสระ ปรับปรุงลานจอดรถ ปรับปรุงห้องประชุม ห้องทำงาน ห้องจัดเลี้ยงใช้งบไม่ต่ำกว่า 1.8 พันล้าน ทั้งที่เพิ่งใช้งานได้แค่ 4 ปี ซ้ำยังหมกเม็ดสร้างอาคารจอดรถเพิ่มอีก 4,600 ช่อง มูลค่า 4,600 ล้านบาท ตกช่องละ 1 ล้านบาท ถามว่าน่าภาคภูมิใจตรงไหน สิ่งก่อสร้างอลังการแค่ไหนก็ยังเป็นสภาไก่ในเข่งอยู่ดีนิติสงครามในยามที่การเมืองล้มเหลว ประเทศไร้อนาคต.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม