ชื่อบาง “ลำพู” ริมเจ้าพระยา ที่เราคุ้นหู...ผมจำติดสมองมานาน สมัยกรุงศรีอยุธยา...เป็นจุดนัดหมายจอดเรือสินค้า “ลำพู” เป็นภาษาเปอร์เซีย แปลว่า “ตะเกียง” เหตุที่เรียกตะเกียง เพราะต้นลำพูมีหิ่งห้อยเกาะเป็นพุ่ม มองเป็นดวงไฟ หรือตะเกียงดวงใหญ่จากนั้น เจอชื่ออะไรแปลกหู ผมก็มักเฉไฉคิดไปเอง เป็นภาษาเปอร์เซียหรือเปล่า?ที่จริง ในประวัติศาสตร์ชาติไทย...มีเรื่องของเปอร์เซียผสมกลมกลืนอยู่มากมายในหนังสือ เรื่องเก่าครั้งกรุงเก่า พ่อค้า ขุนนาง โจรสลัด ทั้งค้าทั้งปล้นบนแผ่นดินสยาม (ภาสกร วงศ์ตาวัน สยามบันทึกพิมพ์ พ.ศ.2551) บทที่ 11 เรื่อง แขกอาหรับช่วยสมเด็จพระนารายณ์ยึดอำนาจผมอ่านรวบรัด ตัดตอนเริ่มต้นตรงที่ เมื่อญี่ปุ่นเข้ามารับจ้างรบจนตั้งหมู่บ้านในสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ ขณะฮอลันดา แม้ไม่มีกองทหารอยู่ในอยุธยา แต่ก็มีกองกำลังเรือรบนอกอ่าววนเวียนใกล้ๆดังนั้น จึงไม่แปลก ทุกครั้งที่มีการแย่งชิงอำนาจ ก็ต้องมีชาวต่างชาติพวกใดพวกหนึ่งเข้ามาช่วยครั้งสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมขึ้นครองราชย์ ก็ด้วยการช่วยเหลือของประชาคมอิหร่านและญี่ปุ่น สมัยพระเจ้าปราสาททอง ซึ่งเดิมเป็นขุนนาง กำจัดพระราชโอรสพระเจ้าทรงธรรม แล้วสถาปนาตัวเองขึ้น ก็มีชาวอิหร่านช่วยหนุนพระเจ้าปราสาททองสวรรคต ไม่ได้ตั้งใครให้สืบราชสมบัติ สมเด็จเจ้าฟ้าไชย พระเชษฐาพระนารายณ์ ก็นำกำลังเข้าล้อมพระราชวัง แล้วเถลิงราชสมบัติ แต่ครั้งนี้โดยการหนุนของขุนนางสยามเชื้อสายจีนปีรุ่งขึ้น พระนารายณ์นำคนเข้ายึดอำนาจพระเชษฐา ให้ถอดมงกุฎจำขัง แต่ยังไม่แน่ใจในอำนาจตัวเอง ทูลเชิญพระเจ้าน้องยาเธอสมเด็จพระบิดา ขึ้นครองราชย์ทรงพระนามพระศรีสุธรรมราชาแล้วสั่งประหารเจ้าฟ้าไชยสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาอยู่บนบัลลังก์สองเดือน ก็มีเหตุ...ให้พระนารายณ์นำคนมาบังคับให้สละราชสมบัติเหตุ...ที่ว่า สมเด็จพระศรีสุธรรมราชาทรงพอพระทัยในพระราชกัลยาณี พระขนิษฐาพระนารายณ์ ถึงกับขึ้นไปหาถึงฝ่ายใน แต่สมเด็จพระราชกัลยาณีไม่เล่นด้วย ทรงหนีไปเฝ้าพระนารายณ์พระนารายณ์ทรงพระพิโรธ นำกำลังบุกเข้าวังหลวงประวัติศาสตร์เขียนเป็นตัวหนังสือ สั้นๆ ง่ายๆ แต่เรื่องจริง ยาว และยาก พระนารายณ์ทรงวางแผนมีขั้นตอนซับซ้อน ด้วยการแฝงตัวทหารเข้าในขบวนพิธีตะเซยัด นิกายชีอะฮ์ของชาวเปอร์เซียพิธีตะเซยัด จำลองเหตุการณ์สงคราม ที่นำไปสู่การสิ้นพระชนม์ของอิหม่ามฮุสเซน จึงมีขบวนแห่ใหญ่ ประกอบด้วยกองทหาร ขบวนม้า และผู้ติดตาม พิธีนี้ราชสำนักอนุญาตให้เข้าถึงพระราชวังชั้นในถึงขั้นนั้นทหารพระนารายณ์ก็บุกเข้ายึดปืน และปืนใหญ่ไว้ได้ทุกจุด การจับกษัตริย์จึงเป็นเรื่องง่ายจุดเริ่มต้นของสมเด็จพระนารายณ์ จึงเป็นเริ่มต้นของขุนนางเปอร์เซียในราชสำนัก ปรากฏชื่อขุนนางเชื้อสายอิหร่านเข้ามามีบทบาทในทางการเมืองในราชสำนัก และด้านการค้าชื่อขุนนางใหญ่ เฉกอาหมัด ซึ่่งต่อมาเป็นขุนนางตระกูลบุนนาค เติบโตยิ่งใหญ่ตั้งแต่ในสมัยอยุธยา มาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ก็รู้กันว่า เริ่มต้นมาจากความดีความชอบเมื่อครั้งช่วยสมเด็จพระนารายณ์วางแผนชิงอำนาจอ่านประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปถึงครั้งกระนั้น..คิดถึงวันนี้ สยามเราดูจะห่างเหินจากอิหร่านมาก จนดูจะไม่เหลือริ้วรอยอะไรไว้ให้ห่วงหาอาทรกันอีกเหมือนเรื่องความผูกพันกับจีน ความรักใคร่ใยดีซึ่งเคยมีกับฝรั่ง...ทุกอย่างดูจะจืดจาง ไม่ว่าไทยหรือประเทศน้อยใหญ่ วันนี้มีเรื่องให้ต้องคิดทางเดียว คือ อย่างไรจึงจะอยู่ให้รอดจากสงครามการค้ามหาอำนาจทรัมป์ย่อยลงมาให้เล็กลง จนถึงระดับผู้นำบ้านเมือง จะคิดหรือไม่คิดก็ตรงกัน จะอยู่ให้รอดแบบไหนให้ถึงเลือกตั้งครั้งหน้า หรือจะซอยให้เล็กลงไปถึงผู้คน...เออ! ลืมตามาวันนี้ เราจะมีชีวิตอยู่ต่อไป...ยังไงดี โลกเราเป็นเช่นนี้จริงๆ.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม