ข้อเขียน “บันทึกภูเขาทอง 2568...ศรัทธา+ศักดิ์สิทธิ์+สวยงาม” ในคอลัมน์ “ซูมซอกแซก” ของผมเมื่อฉบับวันอาทิตย์ที่แล้ว (23 ก.พ.2568) มีข้อผิดพลาดสำคัญยิ่งที่ผมต้องขออนุญาตนำมาลงแก้ไขในวันนี้เหตุเพราะเป็นข้อผิดพลาดที่ปรากฏอยู่ในแหล่งอ้างอิงที่ผมเองก็มักอ้างอิงอยู่เสมอๆ คือ “วิกิพีเดีย--สารานุกรมเสรี” และเมื่อวันอาทิตย์ก็อ้างเข้าให้อีกแต่พอดีว่าผมค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับภูเขาทองจากแหล่งต่างๆ และพิมพ์ก๊อบปี้เอาไว้ในแฟ้ม...ซึ่งเมื่อนำมาอ่านอีกครั้ง จึงพบว่าข้อมูลใน วิกิพีเดีย นั้นผิด ควรจะต้องแก้ไขเสียให้ถูกต้องนั่นก็คือข้อความที่ตีพิมพ์อยู่ในหัวข้อ “วัดสระเกศราชวร มหาวิหาร” บรรยายไว้ตอนหนึ่งในย่อหน้าที่ 2 ดังนี้“การก่อสร้าง (ภูเขาทอง) แล้วเสร็จในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับพระราชทานนามว่า สุวรรณบรรพต มีความสูง 77 เมตร บนยอดสุวรรณบรรพตเป็นที่ตั้งของพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่ขุดค้นพบที่เมืองกบิลพัสดุ์ข้อผิดพลาดก็คือ สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมิได้พระราชทานนามว่า สุวรรณบรรพต ให้แก่ “ภูเขาทอง” แต่อย่างใด...ในข้อเท็จจริงกลับทรงทักท้วง และทรงมีพระราชบัญญัติเมื่อ พ.ศ.2443 ให้เรียกว่า “บรมบรรพต” ตามชื่อเดิมในพระราชบัญญัติ “ประกาศเรียกนามภูเขาทอง ศก 118” มีข้อความสำคัญว่า รัชกาลที่ 4 ได้เปลี่ยนชื่อภูเขาทองจากที่ชาวบ้าน เรียกเป็น “บรมบรรพต” และต่อมาในรัชกาลที่ 5 ก็ยังใช้อยู่ มิได้เปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น แต่กลับมีผู้เรียกว่า “สุวรรณบรรพต” เป็นการผิดจากชื่อที่รัชกาลที่ 4 พระราชทานไว้เพราะฉะนั้น (ร.5) จึงโปรดเกล้าฯให้ประกาศให้ทราบทั่วกันว่า “พระองค์มิได้พระราชทานนามเปลี่ยนใหม่ว่า “สุวรรณบรรพต” เลย อย่าให้ผู้ใดเรียก แลใช้ในหนังสือราชการให้คงใช้เรียกว่า (บรมบรรพต) อันเป็นนามถูกต้องนั้นเทอญ”ข้อความทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของ “ภาษาไทย 5 นาที” เรื่อง “ภูเขาทอง-บรมบรรพต” โดย จำนงค์ ทองประเสริฐ 17 พ.ย.2535 ซึ่งอ้างถึงพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว จึงน่าเชื่อถือได้มากกว่าเนื่องจากข้อความใน “วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี” นั้นสามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้เมื่อมีหลักฐานล่าสุด ผมก็ขอฝากให้แก้ไขด้วยนะครับ พี่น้องประชาชนรุ่นหลังจะได้เรียกชื่อภูเขาทองกันอย่างถูกต้องนอกจากควันหลงอันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องขอแก้ไขดังกล่าวแล้ว ในข้อเขียนเมื่อฉบับวันอาทิตย์ยังมีข้อความอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมจำเป็นต้องตัดออกไปเพราะเกินเนื้อที่คอลัมน์ไปมากได้แก่ตอนที่ผมเขียนถึงพิธีเจริญพุทธมนต์ก่อนนำผ้าแดงขึ้นห่ม ณ ยอดภูเขาทองนั้น ผมได้เขียนบรรยายว่าคณะของเราได้กระทำพิธีในศาลาการเปรียญของวัดสระเกศ ซึ่งมีรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศและอดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ประดิษฐานอยู่ด้วย“เป็นรูปปั้นที่เหมือนมาก...เห็นครั้งแรกก็นึกว่าสมเด็จเกี่ยวท่านนั่งอยู่ ณ ที่นั้นจริงๆ และมีใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความเมตตา ยิ้มแย้มตลอดเวลา และไม่ว่าเราจะนั่งอยู่ ณ จุดใดในศาลาก็ดูเหมือนว่าท่านกำลังจ้องมาที่เราอยู่ตลอด” นี่คือข้อความที่ผมตัดออกผมขออภัยด้วยที่ไม่ถนัดในการเขียนถึงพระภิกษุสงฆ์ ไม่แน่ใจว่าจะใช้สรรพนามหรือศัพท์ต่างๆถูกต้องหรือไม่ เพียงแต่ต้องการจะนำข้อความที่ตัดออกไปมาลงไว้อีกครั้งหนึ่งเผื่อจะมีท่านผู้อ่านท่านใดแวะไปวัดภูเขาทองเพื่อสักการะพระบรมสารีริกธาตุตามที่ผมเชิญชวน จะแวะไปสักการะรูปปั้นขี้ผึ้งของสมเด็จเกี่ยว ณ ศาลาการเปรียญเสียก่อนเป็นเบื้องต้นควันหลงและควันเพิ่มเติมว่าด้วยพระบรมบรรพต หรือภูเขาทองก็คงจะมีเพียงแค่นี้––และขอย้ำอีกครั้งว่าบรรยากาศบนชั้นสูงสุดของภูเขาทองยามเย็นถึงค่ำนั้นงดงามจริงๆ––สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสร็จแล้ว อย่าลืมยืนรอชมพระอาทิตย์ตกดินด้วยนะครับ."ซูม"คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม