หัวข้อ “กะเพรา” ใน “พฤกษนิยาย” (รวมสาส์นพิมพ์ครั้งที่ 4 พ.ศ.2543) ส.พลายน้อย เริ่มต้นว่า พอถึงวันขึ้นปีใหม่ “วันใจตระ” เดือน 5 ขึ้น 1 ค่ำ ชาวฮินดูในอินเดีย จะกระทำพิธีบูชาปฏิทินสำหรับปีใหม่สิ่งสำคัญในวันนี้ พวกเขาจะเอาใบกะเพรามาบริโภค เพื่อให้เกิดสิริมงคลคุ้มภัยต่างๆชาวฮินดูนับถือต้นกะเพรา เสมอด้วยเทพเจ้าองค์หนึ่ง ใครจะไปทำลบหลู่ดูถูกต้นกะเพราของเขาไม่ได้เฉพาะชาวไวศณพนิกาย เชื่อกันแน่นแฟ้นถ้าเอากิ่งกะเพราชุบน้ำหญ้าฝรั่นพรมพระนารายณ์ผู้เป็นเจ้า จะได้รับส่วนแบ่งความสุขจากพระองค์มาด้วยระหว่างวันขึ้น 11 ค่ำ ถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 (เดือนกฤติกา) ถ้าได้เอาหญ้าฝรั่นไปพรมพระนารายณ์ ก็จะทำให้พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัยยิ่งถวายโคพันตัววันสำคัญที่ว่า นอกจากชาวฮินดูจะทำพิธีสดุดีต้นกะเพรา ยังถือกันเป็นวันพิธีแต่งงานของพระกฤษณะกับนางตุลสิ ชาวฮินดูวรรณะสูงๆจะถือโอกาสแต่งงานมากกว่าวันสำคัญอื่นๆอาจารย์ ส.พลายน้อย ขยันค้นหนังสืออ่าน จนพบว่า พิธีแต่งงานของชาวอัสสัมที่ถือลัทธิฮินดู เจ้าสาวจะสวมพวงมาลัยที่ทำด้วยใบกะเพรา เรื่องเล่าความศักดิ์สิทธิ์ใบกะเพรายังมีอีกมากมายหลายเรื่องเรื่องหนึ่ง... ครั้งหนึ่งพระนารทฤาษี ไปหานางสัตยภามา มเหสีพระกฤษณะ นางถามพระนารทว่า จะทำอย่างไรดี จึงจะได้เป็นมเหสีของพระกฤษณะทุกๆชาติ “ใครปรารถนาอย่างไร ก็ต้องเสียสละสิ่งนั้นให้แก่พราหมณ์”โวหารพระนารท นางสัตยภามาตีความเมื่อนางปรารถนาพระกฤษณะ ก็ต้องยกพระกฤษณะให้ นางจึงตกลงใจจะยกพระกฤษณะให้พระนารทแต่เรื่องไม่ง่าย พระนารทขยับตัวจะรับพระกฤษณะ มวลหมู่มหาชายาพระกฤษณะ 16,108 องค์ ก็มาชุมนุมกันต่อว่าต่อขาน พระมเหสีมีสิทธิ์อันใด ที่จะยกพระสวามีกลางพระกฤษณะไปให้ใครคนเดียวเจอเข้าไม้นี้ นางสัตยภามาก็จำต้องขอพระกฤษณะคืน แต่พระนารทไม่ยอม อ้างให้แล้วจะเอาคืนได้อย่างไรแล้วพระนารทฤาษี ก็ใช้ลีลาถนัดที่สามโลกรู้ๆกัน คือไปที่ไหนก็ป่วนไปได้ทุกเรื่อง ยื่นเงื่อนไขถ้าอยากได้พระกฤษณะคืน ก็ต้องสละเพชรนิลจินดาน้ำหนักเท่าองค์พระกฤษณะมาไถ่องค์เอาไปสถานการณ์นี้เป็นที่มาของคำโบราณ เสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร มเหสีและชายาพระกฤษณะก็ตัดใจ ถอดเครื่องถนิมพิมพาภรณ์ประดับองค์ใส่ถาดข้างหนึ่ง โดยมีพระกฤษณะประทับอยู่ในถาดอีกข้างหนึ่งจะว่าไป งานนี้ พระกฤษณะเป็นเจ้าว่าง่ายสอนง่าย ตามนิสัยพระสวามีของประชาชนแต่ก็เกิดเหตุอัศจรรย์ ไม่ว่าเหล่าชายาจะเพิ่มจำนวนเพชรทองใส่ถาดไปเท่าไหร่ ก็ไม่มากพอที่ทำให้ถาดที่ใส่พระกฤษณะเขยื้อนพระฤาษีตัวดีรู้เชิงกระซิบเหล่าชายาให้ไปหานางรุกขมินีมเหสีเอกพระกฤษณะ (อ้าว! ไม่รู้มาก่อนก็ต้องรู้คราวนี้ นางสัตยภามาเป็นแค่มเหสีรอง) นางรุกขมินี ออกตัวไม่มีเพชรนิลจินดาจะช่วยแต่จะขอช่วยด้วยการไปขอให้นางตุลสิช่วยอีกที เหตุเพราะในหลายมเหสี “นางตุลสิ คือมเหสีที่แท้จริง”ว่าแล้วนางรุกขมินีก็เริ่มพิธีบูชาไม้ตุลสิ (คือไม้กะเพรา) ไม่ช้าต้นตุลสิก็ร่วงลงมาใบหนึ่งนางรุกขมินี เก็บใบกะเพราใบนั้นไปใส่ถาด ทันทีนั้นถาดที่พระกฤษณะนั่งก็ลอยสูงขึ้นเป็นอันว่า บรรดาพระมเหสีและเหล่าชายา ก็ได้พระกฤษณะคืนมาแบ่งโควตากันเป็นพระสวามีต่อไป ด้วยประการฉะนี้ และเรื่องมหาพลานุภาพของกะเพราก็จบลงตรงนี้วันนี้ เป็นเรื่องสงครามผัวๆเมียๆบนสวรรค์ ไม่ขอเกี่ยวสงครามการเมืองแบบพรรคเมียน้อยเมียหลวงสักวัน คงไม่ว่ากัน.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม