มติเฉียดฉิว 5 ต่อ 4 ตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” นั่ง รมต.พ่นพิษ ศาล รธน.ฟันฉับ “เศรษฐา” พ้นเก้าอี้นายกฯ พร้อม ครม.ทั้งคณะ ชี้นายกฯ ต้องรับผิดชอบในฐานะผู้นำความกราบบังคมทูลฯ เสนอบุคคลที่ไม่สมควรทูลเกล้าฯ รู้ดีอยู่แล้วว่ามีคุณสมบัติต้องห้าม ย้ำ “พิชิต” ละเมิดอำนาจศาล ขาดความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์ เสียเกียรติศักดิ์สมคบคนเสื่อมเสีย “เศรษฐา” ย้ำเคารพคำวินิจฉัย ยันยึดหลักซื่อสัตย์-สุจริตมาตลอด ไม่พูดเป็นบทเรียนราคาแพง บอก “ต้องไปเพราะเขาไม่ให้อยู่แล้ว” ว่างๆ แวะไปจิบกาแฟ “นายใหญ่” ทางสองแพร่งทำงาน กับเพื่อไทย “ภูมิธรรม-อิ๊งค์” บินด่วนกลับไทยทันที “เสี่ยอ้วน” เรียกถกด่วน ครม.รักษาการ “นายใหญ่” เรียกแกนนำพรรคร่วมเข้า “จันทร์ส่องหล้า” ก่อนลง เอ็มโอยูหนุน “ชัยเกษม” นายกฯคนที่ 31 สภารีบบรรจุ วาระด่วน โหวต 16 ส.ค. “ไอติม” ได้ทีจี้แก้ รธน.ลดอำนาจศาล รธน. สื่อต่างชาติโฟกัสจับตารัฐบาลใหม่รัฐบาลเพื่อไทยผวาเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 เสียง ให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 ประกอบมาตรา 82 ตามคำร้องของ สว. 40 คน กรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี“เศรษฐา”เข้าทำเนียบฯ รอลุ้นผลเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 14 ส.ค. ที่วัด เทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับนางชดช้อย ทวีสิน มารดา จากนั้นเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลโดยลงจากรถมาทักทายผู้สื่อข่าวทั้งไทยและต่างประเทศ อย่างอารมณ์ดีว่า “โอ้โหทำไมวันนี้มากันเยอะจัง” ผู้สื่อข่าวตอบว่าเป็นวันสำคัญ ทุกคนเลยให้ความสนใจ เมื่อถามว่าเมื่อคืนนอนหลับสบายดีหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า “สบายครับ เมื่อเช้าไปวัด เทพศิรินทราวาสไปกราบขอบพระคุณท่านเจ้าประคุณที่ให้ความเมตตาตลอด เมื่อถามว่าท่านเจ้าคุณให้กำลังใจอะไรหรือไม่ นายกฯกล่าวติดตลกว่า ไม่มีอะไร ท่านชวนคุยเรื่องฟุตบอลเฉยๆ เมื่อถามย้ำว่าไม่ได้กังวลอะไรใช่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า “กังวลทุกเรื่อง กังวลตลอดเวลา แต่ไม่ได้อยู่ในมือผมแล้ว เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม” เศรษฐา ทวีสินเดินหน้าทำงานไปตามปกติผู้สื่อข่าวถามว่ายังเดินหน้าทำงานตามปกติหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า วันนี้ทำงานตามปกติ เวลา 11.30 น. จะไปตรวจเยี่ยมตลาดใต้สะพานเพลินจิต อยากทำที่ใต้ทางด่วนเป็นพื้นที่สันทนาการ หรือเปิดให้ประชาชนที่ต้องการมาเปิดร้านค้าคิดค่าเช่าที่เหมาะสม เสริมรายได้ โดยเชิญผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทยและกระทรวงคมนาคมมาพูดคุย โครงการนี้นำร่องที่ผู้ว่าฯกทม.และผู้ว่าการการทางพิเศษฯเชิญไปดู มั่นใจว่าเป็นเรื่องที่ดีจะได้ดำเนินการอีกหลายพื้นที่ เมื่อถามว่าหลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย นายกฯจะมีโอกาสได้มาพูดคุยกับสื่อมวลชนอีกครั้งหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ยินดี แต่ไม่ใช่เป็นการแถลง เป็นการให้สัมภาษณ์ธรรมดาจับเข่านายกฯลาวปราบยานรกต่อมาเวลา 09.20 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมหารือกับนายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ที่มีกำหนดเยือนไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 ส.ค.ว่า เป็นโอกาสดีได้หยิบยกปัญหายาเสพติดและปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาหารือ ได้กำชับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าถึงเวลาแล้วต้องพูดกันตรงไปตรงมา ปฏิเสธไม่ได้ ปัญหามันมีจริงๆ ทั้ง 2 ประเทศหาวิธีการปราบปรามเรื่องนี้ให้จริงจังและเด็ดขาด เมื่อถามว่ามีบางฝ่ายวิจารณ์ว่าการดำเนินการมักสะดุดเมื่อไปเจอตอตัวใหญ่ นายกฯตอบว่า เป็นเรื่องที่พูดคุยมาตลอด เวลาที่ลงไปตรวจงานหรือประชุม ความจริงเราอยากเจอตอใหญ่ เราไม่อยากเจอตอเล็ก ถ้าเป็นตอใหญ่ก็ต้องฟันฝ่ากันต่อไปศาล รธน.นัดประชุมก่อนวินิจฉัยเวลา 09.30 น. ที่ศาลรัฐธรรมนูญ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาหารือและวินิจฉัยคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของ สว.จำนวน 40 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ จากกรณีนายเศรษฐานำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่านายพิชิตขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เป็นบุคคลที่กระทำการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริต และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐาสิ้นสุดลงได้ชูมาตรฐานจริยธรรม-สเปก รมต.กระทั่งเวลา 15.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญเริ่มอ่านคำวินิจฉัยว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 19 บัญญัติให้นำมาตรฐานทางจริยธรรมมาใช้บังคับแก่ ครม.ด้วย โดยมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 3 วรรคสอง กำหนดว่า มาตรฐานทางจริยธรรมฯนี้ให้บังคับใช้แก่ ครม. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 219 วรรคสองด้วย ข้อ 7 ต้องถือประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน ข้อ 8 ข้อ 11 ข้อ 17 วรรคหนึ่ง วรรคสอง และข้อ 19 นอกจากนั้น คำปรารภเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญวางกลไกตรวจสอบป้องกันการทุจริตและพฤติมิชอบเข้มงวดเด็ดขาด ไม่ให้ผู้บริหารปราศจากคุณธรรม จริยธรรม ธรรมาภิบาล เข้ามาปกครองบ้านเมือง หรือใช้อำนาจตามอำเภอใจ จึงบัญญัติคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 เพิ่มเติมจากลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส.ตามมาตรา 98 สอดคล้องเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ บุคคลที่มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต้องมีคุณสมบัติสูงกว่า สส. เพราะรัฐมนตรีเป็นผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานทางบริหาร และการปกครองประเทศ ความแตกต่างของคุณสมบัติตามมาตรา 160 (4) (5) เป็นกรณีความซื่อสัตย์สุจริตในภาพรวมทั่วไปที่ปรากฏในสังคม ส่วน (5) กรณีเฉพาะเจาะจงกำหนดในมาตรฐานทางจริยธรรมฯชี้นายกฯต้องรับผิดชอบ 3 ประการศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การพิจารณาว่าบุคคลใดมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ตามมาตรา 160 (4) และไม่ฝ่าฝืนหรือปฏิบัติตามจริยธรรม 160 (5) เป็นดุลพินิจของนายกฯต้องเป็นผู้พิจารณาในฐานะผู้รับผิดชอบในการนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งรัฐมนตรี และรับสนองพระบรมราชโองการดังกล่าว โดยผู้รับสนองพระบรมราชโองการต้องรับผิดชอบ เพราะพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยตามที่มีผู้ถวายคำแนะนำ โดยนายกฯมีความรับผิดชอบ 3 ประการ ได้แก่ 1.ความรับผิดชอบตามแบบพิธี 2.ความรับผิดชอบในข้อความของเอกสารที่นำกราบบังคมทูลเกล้าฯถวาย เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย 3.ความรับผิดชอบในสารัตถะที่ถูกต้อง และความชอบของรัฐธรรมนูญ และกฎหมายในการบริหารราชการแผ่นดินย้ำ “พิชิต” กระทำละเมิดอำนาจศาลข้อเท็จจริงปรากฏว่า นายพิชิตเคยต้องโทษตามคำสั่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จากคดีถุงขนม 2 ล้านบาท อาจเชื่อมโยงเป็นประโยชน์กับจำเลย (นายทักษิณ ชินวัตร) ในคดีที่ดินรัชดาภิเษกที่อยู่ในการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาล และมีมูลความผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงาน นายพิชิตประกอบอาชีพทนายความและที่ปรึกษากฎหมาย ย่อมตระหนักดีว่าการกระทำดังกล่าวส่งผลเสียต่อสถาบันศาลยุติธรรม จึงลงโทษสถานหนักนายพิชิต และผู้ถูกกล่าวหาอื่นรวม 3 คน จำคุกคนละ 6 เดือน ต่อมาในปี 2552 สภาทนายความฯพิจารณาแล้วเห็นว่าการที่นายพิชิตถูกลงโทษละเมิดอำนาจศาล เป็นการกระทำไม่เคารพอำนาจศาล ทำให้เสื่อมเสียอำนาจศาล และกระทบความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมไทย ผิดข้อบังคับสภาทนายความฯ ข้อ 6, 18 จึงสั่งลบชื่อนายพิชิต และผู้ถูกกล่าวหาที่เกี่ยวข้องออกจากทะเบียนทนายความ ต่อมามีพระบรมราช โองการโปรดเกล้าฯนายเศรษฐาเป็นนายกฯ เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2566 และโปรดเกล้าฯ ครม. ในวันที่ 1 ก.ย.2566 โดยไม่ปรากฏนายพิชิตเป็นรัฐมนตรี ต่อมาเมื่อวันที่ 27 เม.ย.2567 นายเศรษฐาได้กราบ บังคมทูลเพื่อปรับปรุงรัฐมนตรีบางตำแหน่ง และปรากฏชื่อนายพิชิตเป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ จึงมีมูลต้องพิจารณาว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐาสิ้นสุดลงเฉพาะตัว เพราะไม่ซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ และไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯอย่างร้ายแรง จากการเสนอชื่อนายพิชิตเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ รู้ดีอยู่แล้วคุณสมบัติต้องห้ามตามคำชี้แจงของนายเศรษฐาที่กล่าวอ้างเห็นว่า นายเศรษฐาควรรู้ว่านายพิชิตขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ตามมาตรา 160 (4) (5) เนื่องจากเคยถูกจำคุก 6 เดือน ฐานละเมิดอำนาจศาล และถูกสภาทนายความลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความ แม้คณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นว่าพ้นโทษเกิน 10 ปี ได้รับข้อยกเว้นไม่เป็นลักษณะต้องห้าม แต่ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาดังกล่าว ให้ความเห็นคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 (6) (7) เท่านั้น ไม่รวมถึงลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 (4) (5) ภายหลังปรากฏนายพิชิตได้รับแต่งตั้งเป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ จึงมีปัญหาข้อเท็จจริงพิจารณาว่านายเศรษฐารู้ข้อเท็จจริงว่านายพิชิตมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ จากการไต่สวนนายเศรษฐา และเลขาธิการ ครม. ชี้แจงว่ากระบวนการเสนอชื่อบุคคลกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯ ต้องตรวจสอบคุณสมบัติบุคคลที่ถูกเสนอชื่อ โดยสำนักงานเลขาธิการ ครม.เป็นผู้จัดทำคุณสมบัติผู้ถูกเสนอชื่อแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี และให้ผู้ได้รับการเสนอชื่อตรวจสอบคุณสมบัติตัวเอง หากพบปัญหาข้อกฎหมายคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้าม จะหารือไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา และทำหนังสือสรุปนายกฯ เพื่อนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ นายเศรษฐาย่อมต้องทราบประวัติและลักษณะต้องห้ามของนายพิชิตจากเอกสารการตรวจประวัติที่เลขาธิการครม.เสนอมาเสนอบุคคลที่ไม่สมควรทูลเกล้าฯศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วรับฟังได้ว่า นายเศรษฐารู้หรือควรรู้พฤติการณ์ของนายพิชิตที่ถูกกล่าวหาว่ามีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 ไม่ว่าอนุมาตราใดมาตราหนึ่ง แต่ยังเสนอชื่อแต่งตั้งเป็นรมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นกรณีที่นายเศรษฐาไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต และฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 160 (4) หรือไม่ เห็นว่าพฤติการณ์ที่นายพิชิตถูกลงโทษ และถูกลบชื่อทนายความ เป็นการเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีเกียรติคุณของทนายความอย่างมาก เป็นการไม่ซื่อสัตย์สุจริตหรือไม่ เพราะซื่อสัตย์สุจริตไม่ใช่แค่ทุจริตหรือประพฤติมิชอบเท่านั้น แต่ต้องเชื่อมั่นศรัทธาเชื่อถือได้ ให้วิญญูชนทราบว่ายอมรับว่าเป็นคนซื่อสัตย์ หากเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้นย่อมถือว่าไม่ใช่มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ ข้อเท็จจริงต้องยุติแล้ว ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นได้อีกเมื่อนายพิชิตมีลักษณะต้องห้าม การที่นายเศรษฐาเสนอชื่อนายพิชิตเป็นรัฐมนตรี ย่อมปฏิบัติไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เพราะเสนอบุคคลที่ไม่สมควรได้รับการแต่งตั้ง ให้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งอ้างไม่รู้นิติศาสตร์-รัฐศาสตร์ไม่ได้แม้นายเศรษฐาอ้างว่ามาจากการทำธุรกิจไม่มีความรู้ด้านนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ ไม่รู้ว่านายพิชิตมีลักษณะต้องห้าม เป็นข้ออ้างรับฟังไม่ได้เพราะนายกฯเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดในฝ่ายบริหาร ทุกการตัดสินใจกระทบบ้านเมือง ประกอบการพิจารณาความซื่อสัตย์ และความน่าเชื่อถือต่อสาธารณชน เป็นปัญหาข้อเท็จจริงประจักษ์ชัด เป็นเรื่องภาวะวิสัย ไม่ต้องใช้ความชำนาญโดยเฉพาะ เพียงตระหนักรู้ตามวิจารณญาณของวิญญูชน เมื่อข้อเท็จจริงพฤติการณ์ของนายพิชิตสาธารณชนรู้โดยทั่วไป ชัดแจ้งว่าไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง ผิดไปจากปกติวิสัยที่วิญญูชนปฏิบัติ เมื่อนายเศรษฐาเป็นนายกฯนำความกราบ บังคมทูลฯ โดยมิได้ใช้วิจารณญาณเยี่ยงวิญญูชน และไม่ได้คำนึงถึงรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญฉบับนี้เจตนาป้องกันไม่ให้คนขาดคุณธรรมมาปกครองบ้านเมือง จึงเป็นคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามสำคัญของรัฐธรรมนูญที่ไม่เคยมีมาก่อนในรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ นายเศรษฐาจึงขาดคุณสมบัติซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ตามมาตรา 160 (4)ขาดซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์การที่ปรากฏคำสั่งศาลฎีกาฯลงโทษนายพิชิต ที่สาธารณชนรู้โดยทั่วไป แม้อัยการสั่งไม่ฟ้องนายพิชิตกับพวกเป็นคดีอาญาคดีสินบน หรือผิดอาญาอื่นก็ตาม แต่การฟ้องคดีอาญามุ่งกล่าวโทษเอาผิดบุคคลที่ต้องลงโทษทางอาญา เป็นโทษที่ถึงแก่ชีวิต เสรีภาพ กระทบกระเทือนเสรีภาพบุคคลร้ายแรง โดยมาตรฐานทางจริยธรรมฯพิจารณาว่า การฟ้องหรือลงโทษอาญาบุคคลใดต้องพิจารณาให้ครบองค์ประกอบ การที่อัยการไม่ฟ้องไม่ใช่ไม่มีปัญหาว่าน่าเชื่อถือหรือไว้วางใจทางการเมือง การกระทำของนายพิชิตเป็นพฤติการณ์ชัดแจ้งว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง ผิดปกติวิสัยที่วิญญูชนประพฤติปฏิบัติ เช่น นำเงิน 2 ล้านบาทใส่ถุงมอบเจ้าหน้าที่ศาลฎีกาฯ อ้างว่าหยิบสลับกับถุงขนมช็อกโกแลต ยากที่วิญญูชนเชื่อ ดังนั้นผู้เคยมีพฤติการณ์ไม่มีความไว้วางใจ แต่นายเศรษฐายังคงเสนอเป็นรัฐมนตรี นายเศรษฐาจึงไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 (4)เสียเกียรติศักดิ์สมคบคนเสื่อมเสียศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ข้อที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่าการฝ่าฝืนปฏิบัติมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 160 (5) มีการเข้าพบบุคคล ที่นายพิชิตเป็นหัวหน้าทนายความประจำตัว เป็นมูลเหตุจูงใจให้นายเศรษฐาต้องการเอื้อประโยชน์ ยินยอมให้ผู้อื่นใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งนายกฯ เพื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เอาประโยชน์ขัดกันระหว่างส่วนตนกับส่วนรวม เป็นการก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ดำรงตำแหน่งนายกฯ สมคบสมาคมกับผู้มีความประพฤติหรือมีชื่อเสียงในทางเสื่อมเสียอันอาจกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯ ขัดมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 7, 8, 11, 17 และข้อ 19 นายเศรษฐาจึงมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 (5) ด้วยมติ 5–4 ฟันนายกฯ–ครม.หลุดทั้งคณะเมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การที่นายเศรษฐารู้หรือควรรู้ข้อเท็จจริงต่างๆเกี่ยวกับพฤติการณ์ของนายพิชิตโดยตลอดแล้ว แต่ยังเสนอแต่งตั้งให้นายพิชิต เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ แสดงให้เห็นว่า นายเศรษฐาไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 160 (4) ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ หมวด 1 ข้อ 8 ซึ่งข้อ 27 กำหนดให้การฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯในหมวด 1 ให้ถือว่ามีลักษณะร้ายแรง ต้องห้ามตามมาตรา 160 (5) ด้วย อาศัยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 เสียง วินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา นายกฯสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 160 (4) และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง ลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 (5) เมื่อความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯสิ้นสุดลงแล้ว รัฐมนตรีต้องพ้นตำแหน่งทั้งคณะ ตามรัฐธรรมนูญ 167 วรรคหนึ่ง (1)เปิดตุลาการข้างมาก–ข้างน้อยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตุลาการฯเสียงข้างมาก 5 คน ได้แก่ นายปัญญา อุดชาชน นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายจิรนิติ หะวานนท์ และนายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ เห็นว่าความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องที่ 1 นายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) ส่วนตุลาการฯเสียงข้างน้อยจำนวน 4 คน คือ นายนครินทร์ เมฆ ไตรรัตน์ นายนภดล เทพพิทักษ์ นายอุดม รัฐอมฤต และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ เห็นว่าความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องที่ 1 นายกรัฐมนตรีไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัว“เศรษฐา”เคารพในคำวินิจฉัยต่อมาเวลา 15.55 น. นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ เดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้า แถลงเปิดใจหลังทราบผลวินิจฉัย ใช้เวลาทั้งสิ้น 19 นาที ว่า ขอบคุณตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ให้โอกาสทุกฝ่ายมีโอกาสชี้แจง เคารพในคำพิพากษา ยืนยันตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปีที่ดำรงตำแหน่งมา พยายามทำทุกอย่างให้ถูกต้อง มีความตั้งใจจริงในการทำงานยึดมั่นในอุดมการณ์ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย ไม่เป็นที่ขัดแย้งของทุกคน เมื่อถามว่าคิดหรือไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ นายเศรษฐาตอบว่า จากการส่งคำแถลงปิดคดีไปเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผลออกได้ทั้งซ้ายและขวา แต่เรามีหน้าที่ต้องทำต่อไป ต้องวางแผนระยะยาว ระยะสั้นว่าต้องเดินทางไปไหน ไม่ไปคาดเดาว่าผลการตัดสินจะออกมาอย่างไร เมื่อถามว่าศาลฯชี้ว่าผิดจริยธรรมร้ายแรง ทำให้ต้องยุติบทบาททางการเมืองตลอดชีวิต นายเศรษฐาตอบว่า ไม่ได้ดูตรงคำว่าจะตัดสิทธิหรือไม่ตัดสิทธิ แต่เสียใจตรงที่ว่าถูกออกไปเพราะเป็นนายกฯที่ไม่มีจริยธรรม ยืนยันในตัวตนผมไม่ใช่คนอย่างนั้น แต่ท่านตัดสินมาแล้วผมก็น้อมรับ“ภูมิธรรม” บินกลับด่วนจากคาซัคฯเมื่อถามว่ามีสิ่งไหนที่ยังไม่ได้เดินหน้าในสิ่งที่อยากทำ นายเศรษฐาตอบว่า ยังมีภารกิจปัญหาของพี่น้องประชาชนอีกเยอะ บ้านเมืองมีคนเก่งอีกหลายท่านสามารถเข้ามายืนตรงนี้และทำงานต่อไปได้ เมื่อถามว่าจะฝากอะไรกับคนที่มาทำหน้าที่ต่อ นายเศรษฐาตอบว่า คงไม่ต้องฝาก เพราะทีมงานยังอยู่ รัฐมนตรียังรักษาการอยู่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ กำลังหาไฟลท์บินกลับจากคาซัคสถาน ถ้ากลับมาไม่ทันยังมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ คนที่ 2 อยู่มาหลายรัฐบาลแล้ว มีประสบการณ์บริหารราชการแผ่นดิน มั่นใจในทีมงาน ขบวนการสรรหานายกฯต่อไปต้องผ่านทางสภา เมื่อถามว่าคิดว่ามีใครวางยาหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ไม่เคยคิดอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าผลออกมาไม่ใช่เป็นที่เราคาดหวังแล้วจะไปกล่าวโทษคนนั้นคนนี้ หรือวางยา ไม่เชื่ออย่างนั้นตอบยากเรื่องบทเรียนราคาแพงผู้สื่อข่าวถามว่าเข็ดกับการเมืองหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า มันไม่เกี่ยวว่าเข็ดหรือไม่เข็ด ปัญหาบ้านเมืองยังมีอยู่มาก แต่ละคนสามารถช่วยเหลือบ้านเมืองได้ในหลายๆหน้าที่ เมื่อถามว่าการได้มาเป็นนายกฯเกือบปี คิดว่าอะไรที่เรียกว่าเป็นบทเรียนราคาแพง นายเศรษฐาตอบว่า คำถามนี้ยาก บทเรียนราคาแพงออกได้ทั้งเป็นบวกและลบ ไม่อยากมองในแง่ลบ วันนี้เราน้อมรับคำตัดสินและเดินไปข้างหน้าต่อไป ให้กระบวนการทางนิติบัญญัติ สภาดำเนินการสรรหานายกฯคนต่อไป เมื่อถามว่านายกฯคนต่อไปต้องมาจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ไม่ทราบจริงๆ เป็นเรื่องฝ่ายกฎหมายของพรรค พท. เมื่อถามว่ายังเป็นแคนดิเดตนายกฯได้อีก นายเศรษฐาตอบว่า อย่าไปไกลถึงขนาดนั้น ไปทีละสเต็ปเป็นขั้นเป็นตอนดีกว่า เมื่อถามว่าไม่ได้ถูกหลอกให้ไว้ใจใครบางคนหรือบางกลุ่มใช่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ไม่ใช่หรอก ทุกคนมีความหวังดีด้วยกัน มองว่าทุกคนมีความหวังดีกับประเทศชาติ ดิจิทัลวอลเล็ตให้ผู้นำใหม่ตัดสินเมื่อถามว่านโยบายที่ประกาศไปแล้วคนที่จะมาสืบทอดจะทำต่อหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า เรียนตรงๆว่าตอบไม่ได้ ยังไม่ทราบว่าใครจะมาเป็นนายกฯ ไม่ทราบว่าเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลจะเป็นอย่างไร ต้องให้เกียรติรักษาการนายกฯ และคนที่จะมาเป็นนายกฯคนต่อไป เมื่อถามว่าโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตจะดำเนินการต่อหรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า ถ้าเปลี่ยนผู้นำแล้วมีสิทธิเปลี่ยนแปลงนโยบายได้ตามที่เห็นสมควร ทุกคนอยากเห็นประเทศชาติเดินไปข้างหน้าได้ อยากให้ประชาชนอยู่ดีกินดี แต่วิธีการที่จะทำให้ถึงจุดจุดนั้นมีอีกหลายวิธี บางท่านอาจเห็นด้วย บางท่านอาจไม่เห็นด้วย ต้องยอมรับว่าเราหมดหน้าที่ไปแล้ว เมื่อถามว่าดิจิทัลวอลเล็ตอาจจะพลิกได้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ไม่ทราบ เรียนตรงๆว่าไม่มีอำนาจแล้ว ต้องเป็นหน้าที่รักษาการนายกฯ หรือนายกฯคนใหม่ที่ต้องกลับเข้ามา“ต้องไปเพราะเขาไม่ให้อยู่แล้ว”ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน มีฝ่ายการเมืองโทรศัพท์ติดต่อเข้ามาหรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า ยังไม่มีใครโทรศัพท์เข้ามา แต่มีการส่งข้อความมาหา บางคนบอกว่าจะเข้ามาหา ก็บอกว่าอย่าเลย เพราะจะไปแล้ว อยู่ตรงนี้ไม่ได้เพราะเขาไม่ให้อยู่แล้ว เมื่อถามว่า มีนัยหรือไม่ว่านายกฯ คนต่อไปไม่ใช่มาจากพรรค พท. นายเศรษฐาตอบว่า ไม่มีนัยใดๆ ทั้งสิ้น ปล่อยให้การเมืองเดินไปตามวิถีของมันมากกว่า ไม่ขอคอมเมนต์เรื่องการเมือง แม้ไม่ได้เป็น สส.แต่ยังเป็นสมาชิกพรรค พท. ต้องปล่อยให้เขาไปพูดคุยกัน ไม่อยากไปกดดันใครทั้งสิ้น เดี๋ยวจะหาว่า หลุดจากตำแหน่งแล้วจะมาบอกว่าใครควรเป็นไม่เป็น นายกฯ ให้เกียรติกัน เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะช่วยงาน พรรค พท.ต่อไปหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ยังไม่ทราบ จริงๆ แต่อยากช่วยเหลือบ้านเมืองต่อไปในบทบาทอื่น ไม่จำเป็นต้องเป็น สส.หรือนายกฯ เมื่อถามว่า น.ส. แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค พท. แคนดิเดตนายกฯ พร้อมจะสานต่อหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ทุกท่านที่อยู่ในรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ มีความพร้อมรู้ตั้งแต่วันแรกเข้ามาต้องเจออะไรเมื่อถามว่า เจอแบบนี้จะสร้างกำลังใจให้ตัวเอง อย่างไร นายเศรษฐาตอบว่า ไม่มี ก้าวเข้ามาวันแรก ก็รู้อยู่แล้วว่าจะออกอย่างไรได้หลายๆหน้า จะครบ 4 ปี หรือไปตั้งแต่ปีที่หนึ่ง ต้องพร้อมหมดในทุกฉากทัศน์ เมื่อถามว่า วันที่ 15 ส.ค. สิ่งแรกที่อยากทำหลังตื่นนอน คืออะไร นายเศรษฐานิ่งคิดสักครู่ก่อนกล่าวว่า ยังไม่แน่ใจ เหมือนกัน คิดว่าคงได้ไปลอยอังคารคุณแม่เร็วขึ้น ทีแรกว่าจะไปลอยวันที่ 24 ส.ค. ขอถามญาติๆดูก่อน แต่หากทีมงานอยากพูดคุยไม่ว่าเป็นเรื่องอะไร หรือเรื่องส่งต่องาน ก็พร้อม เดิมวันที่ 15 ส.ค. ต้องบินไป เชียงใหม่ เพื่อเตรียมกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 9 ที่ จ.เชียงใหม่ แต่สปีดที่เตรียมไว้สามารถส่งต่อไปยังรักษาการนายกฯ ไม่ว่า จะเป็นนายภูมิธรรม หรือนายสุริยะว่างๆแวะไปจิบกาแฟ “นายใหญ่”เมื่อถามอีกว่า อยากกล่าวอะไรถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ไม่มี รู้จักกันอยู่แล้ว ว่างๆจะหาเวลาไปกินกาแฟกัน ไม่มี อะไร เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรถึงประชาชน นายเศรษฐา ตอบว่า “ผมเชื่อว่าการที่ผมทำงานมา อยากบอกว่า ตั้งใจทำงานจริง ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร พยายามทำงานให้สุจริตดีที่สุดสำหรับประชาชนเท่านั้นเอง ส่วนใครจะเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต หรือไม่เอาดิจิทัล วอลเล็ต ทำแลนด์บริดจ์หรือไม่ทำแลนด์บริดจ์ และซอฟต์พาวเวอร์จะทำต่อหรือไม่ทำต่อ เป็นหน้าที่ของคน ที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้ต่อไป รวมทั้ง ครม.ใหม่ด้วย ขออำนวยพรให้ทุกๆท่านที่จะมาทำงานตรงนี้” สำหรับ คนในครอบครัวยังไม่ได้คุยกับใคร ลูกๆยังไม่ได้โทรศัพท์มาเพราะเพิ่งจะตัดสินยอมรับเสียใจถูกชี้ “ขาดจริยธรรม”เมื่อถามว่าประชาชนที่ลงทะเบียนโครงการดิจิทัลวอลเล็ตกังวลว่าโครงการดังกล่าวจะเป็นอย่างไร ต่อไป นายเศรษฐายอมรับว่า เข้าใจถึงความกังวล แต่เป็นหน้าที่ของรักษาการนายกฯ หรือนายกฯ คนใหม่ และขึ้นอยู่กับสภาผู้แทนราษฎรว่าจะเลือกนายกฯ ได้เร็วขนาดไหน เมื่อถามว่า ที่นายกฯ บอกว่าเสียใจต่อคำตัดสินที่ระบุว่าขาดจริยธรรม นายเศรษฐาตอบว่า “เพราะผมมั่นใจว่าเป็นคนมีจริยธรรม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการถูกร้องทำให้คำตัดสินออกมาเป็นอย่างนั้น ผมเสียใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่เห็นด้วย ผมน้อมรับคำตัดสิน และบอกมาตลอดเวลา ไม่ได้มีการ วิ่งเต้นอะไร และไม่เคยโทรศัพท์หาใคร เมื่อส่งเอกสาร ปิดคดีไปแล้วก็ถือว่าจบแล้ว” เมื่อถามว่า หลายคนสงสัยว่าทำไมนายกฯ จึงกล้าเสี่ยงส่งชื่อนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายเศรษฐาตอบว่า “ผมไม่แน่ใจ คำว่ากล้าเสี่ยงหรือเปล่า แต่ผม ดูข้อกฎหมายแล้วและสอบถามไปแล้ว แต่วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินออกมาแล้วว่าผมผิด ก็ต้องออกจากหน้าที่ไป”เสียใจไม่มีโอกาสช่วยประชาชนผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงการแก้ต่างนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกฯ ได้บอกหรือไม่ว่าอาจสู้ทางข้อกฎหมายได้ นายเศรษฐาตอบว่า ทุกคนก็มั่นใจ แต่เป็น เรื่องของกฎหมายและอำนาจอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อถามว่า สิ่งที่ประทับใจในการทำหน้าที่นายกฯ และจะเก็บไว้ในความทรงจำคืออะไร นายเศรษฐาตอบว่า การได้ไปแก้ปัญหาให้กับประชาชน ลงพื้นที่ ได้รับความรู้ และข้อมูลใหม่ๆในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน วันนี้เมื่อก้าวออกไปแล้ว ส่งที่จะผิดหวังหรือขาดออกไปแล้วคือเรื่องที่เราจะไม่มีโอกาส ถ้าไม่นั่งอยู่ตรงนี้ ก็มองไม่เห็น อย่างไรก็ตาม เราต้องไว้ใจระบบรัฐสภา ที่จะสรรหานายกฯ คนใหม่ “ผมไม่มีอะไรจะพูด ยกเว้น แต่มีความปรารถนาดีกับนายกฯ คนต่อไป หรือแม้ในช่วงรองนายกฯ ทำหน้าที่รักษาการ เชื่อว่าจะพยายาม สืบสานเจตนารมณ์โดยไม่ต้องพูดถึงนโยบายอะไร แต่นำพาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้า นี่คือความ ตั้งใจสูงสุดที่อยากจะให้เป็นไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม”มี 2 เส้นทางทำงานกับเพื่อไทยเมื่อถามว่า อนาคตทางการเมืองจะใช้ความรู้ ความสามารถช่วยพรรคเพื่อไทยต่อหรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า ถนนมีสองทาง ขึ้นอยู่กับว่าเขาอยากให้ช่วยต่อ หรือเปล่า ไม่ใช่ว่าเราอยากจะช่วยแต่เขาอยากจะได้ คนรุ่นใหม่เข้ามาเปลี่ยนผ่าน น้อมรับตรงนี้ไม่ได้คิดอะไร เมื่อถามว่า เป็นห่วงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวยอมรับว่า เป็นห่วงอยู่ เข้าใจถึงความซับซ้อนที่มีอยู่ในการบริหารจัดการของประเทศ ก็ต้องยอมรับว่ามันจบสิ้นไปแล้ว ฉากนี้ มันจบไปแล้ว แต่เพิ่งอายุ 62 ปี คงจะทำอะไรได้อีกเยอะ หลังให้สัมภาษณ์นายเศรษฐายกมือไหว้ขอบคุณและ เดินไปขึ้นรถยนต์ส่วนตัว ทะเบียน ศฐ 30 กรุงเทพ มหานคร มีบุคคลใกล้ชิดเดินไปส่งด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ก่อนที่นายเศรษฐาจะปิดประตูรถเดินทางกลับออกไปจากทำเนียบรัฐบาลในเวลา 16.13 น. ภูมิธรรม เวชยชัย“ภูมิธรรม” บินด่วนกลับไทยทันทีผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ประเทศคาซัคสถาน จะเดินทางกลับถึงประเทศไทยช่วงเช้าวันที่ 15 ส.ค. โดยเที่ยวบิน KC 931 ถึงสนามบิน สุวรรณภูมิ เวลา 08.55 น. นัดประชุมคณะรัฐมนตรีชุดรักษาการในเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อ หารือข้อกำหนดและข้อปฏิบัติในการปฏิบัติหน้าที่ นายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ว่า ทราบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ได้พูดคุยแสดงความเสียใจกับนายเศรษฐาแล้ว เสียดายในความตั้งใจของท่าน แต่เคารพคำวินิจฉัย ขั้นตอนต่อไปในฐานะรองนายกฯอันดับหนึ่ง จะทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี วันนี้ได้เปลี่ยนเที่ยวบินเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯทันที สิ่งที่ต้องรีบดำเนินทันที 3 ด้าน คือ การประชุม ครม. ประชุมพรรคเพื่อไทย และหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อหารือแนวทางการทำงานหลังจากนี้ เป็นห่วงต่อนโยบายที่ค้างอยู่ไม่ว่าจะเป็นโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และการจัดทำงบประมาณปี 2568 จะไปหารือกับพรรคในรายละเอียดต่อไป ชัยเกษม นิติสิริยัน “ชัยเกษม” สุขภาพแข็งแรงนายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า ส่วนการประชุมสมาชิก พรรคเพื่อไทยหาแคนดิเดตนายกฯ ตอนนี้มีอยู่ 2 รายชื่อ คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และนายชัยเกษม นิติสิริ ทราบว่านายชัยเกษมมีสุขภาพกลับมาแข็งแรงแล้ว ที่ผ่านมาเข้ามาช่วยทำงานกับพรรคมาตลอด ส่วนการประชุม ครม. จะวางแนวทางการทำงาน และเดินหน้า ทำงานต่อไป สัปดาห์หน้าจะมีการประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่ในฐานะรัฐบาลรักษาการ จะทำภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลจะมีการหารือสานต่อถึงนโยบายที่จะทำร่วมกันต่อไป เมื่อถามว่า นายกฯ คนใหม่มาจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า อย่าเพิ่งคิดไปไกลเกินขนาดนี้ ขึ้นอยู่กับประชุม รัฐสภา เมื่อถามว่า ต้องหารือเรื่องนี้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า คนละเรื่องกัน ทุกอย่างต้องรอมติกรรมการบริหารพรรค จากนี้ไปเป็นการบริหารจัดการร่วมกันของพรรค นายกฯคนใหม่ก็ต้องให้สภาเป็นคนตัดสินใจเพราะเป็นกลไกตามกฎหมายเรียกประชุม ครม. รักษาการ 15 ส.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 15 ส.ค. นายภูมิธรรม เวชยชัย เรียกประชุม ครม.รักษาการ เวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ทันทีที่เดินทางกลับถึงไทย ขณะที่กำหนดการที่นายสอนไซ สีพันดอน นายกฯสปป.ลาว จะเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของนายกฯในวันที่ 15 ส.ค. ต้องถูกเลื่อนกำหนดการออกไปก่อนจนกว่าได้นายกฯคนใหม่ ขณะที่การที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 9 ระหว่างวันที่ 15-16 ส.ค. ที่โรงแรมแมริออท เชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ยังคงดำเนินการต่อไปตามกำหนดเดิม โดยนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รักษาการ รมว.ต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุม แพทองธาร ชินวัตร“อิ๊งค์” บินด่วนจากจีนกลับไทยขณะที่ความเคลื่อนไหวของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อยู่ระหว่างศึกษาดูงานในหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หรือมินิ วปอ. ที่ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 12-15 ส.ค. ล่าสุด น.ส.แพทองธาร มีกำหนดการเดินทางกลับจากประเทศจีน เดินทางกลับถึงไทยเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 14 ส.ค. ทำให้เป็นที่จับตาความเคลื่อนไหวการเตรียมความพร้อมเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทยสส.เพื่อไทยชูกำปั้นลั่นสู้ต่อผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาถึงบรรยากาศการประชุมสภาผู้แทนราษฎร หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกฯ และ ครม. สิ้นสุดลงทั้งคณะ ทำให้บรรดาสส.เพื่อไทยต่างมีอาการตกใจและตื่นตระหนก ทันทีที่ปิดการประชุมสภาฯได้เดินมาจับกลุ่มหารือและวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บางส่วนหันมาทางช่างภาพสื่อมวลชน พร้อมชูสองนิ้วและชูกำปั้นเป็นสัญลักษณ์ว่า “สู้”พท.รอดูคำวินิจฉัยละเอียดอีกที นายสรวงศ์ เทียนทองนายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ขอดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างละเอียดก่อนว่า นายเศรษฐายังมี คุณสมบัติจะถูกเสนอชื่อกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้งได้หรือไม่ พรรคเพื่อไทยยังมีแคนดิเดตนายกฯอีก 2 คน คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายชัยเกษม นิติสิริ เมื่อถามว่าหากนายเศรษฐาไม่สามารถกลับมาเป็นแคนดิเดตนายกฯได้ เป็นไปได้ที่จะเป็น น.ส.แพทองธารใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ตอบว่า เป็นไปได้ทั้ง 2 คน เรายังมีพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ คงต้องหารือเรื่องการเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯคนต่อไป ส่วนโควตาจะเป็นของพรรคเพื่อไทยเหมือนเดิมหรือไม่ ต้องคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลอีกครั้ง เมื่อถามย้ำว่าหากดูเรื่องของสุขภาพแล้ว น.ส.แพทองธารมีความเป็นไปได้มากกว่าใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ตอบว่า ต้องประชุมในพรรคก่อน คณะกรรมการบริหารพรรคต้องเรียกประชุมด่วน ขอให้กำลังใจนายกฯ พรรคเพื่อไทยยังทำงานเต็มที่ ไม่ใช่ครั้งแรกที่พรรคเพื่อไทยมีจุดเอนนาบแบบนี้แกนนำพรรคร่วมเข้า “จันทร์ส่องหล้า”ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นายเศรษฐาพ้นจากตำแหน่ง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้เรียกหัวหน้าพรรค แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค มาหารือที่บ้านจันทร์ส่องหล้าเป็นการด่วน ตั้งแต่เวลา 17.00 น. พบว่ามีรถเข้าออกหลายคัน มีทั้งรถของบุคคลในบ้านจันทร์ส่องหล้า รวมถึงรถของแกนนำพรรคร่วมที่เข้าไป อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภูมิใจไทย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ รมช.สาธารณสุข มาเป็นตัวแทนพร้อม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ด้านพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ หัวหน้าพรรค รทสช. พร้อมนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รทสช. ใช้เวลาหารือประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนที่เวลา 19.16 น. นายอนุทินจะเดินทางออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้าไปเคาะชื่อ “ชัยเกษม” นายกฯคนที่ 31ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อที่จะมีการเสนอโหวตเป็นนายกฯคนที่ 31 โดยหัวหน้าพรรคร่วมทุกพรรคร่วมกันเซ็นเอ็มโอยู สนับสนุนนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย และในวงหารือมีการพูดคุยถึงโควตารัฐมนตรีแต่ละพรรคยังยึดตามเดิม อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้พรรคเพื่อไทยมีการนัดหมายประชุมพรรค ที่อาคารรัฐสภา ในเวลา 09.00 น. ก่อนจะเข้าร่วมประชุมวิปรัฐบาลในเวลา 10.00 น.สภารีบบรรจุวาระเลือกนายกฯต่อมาเวลา 19.10 น. ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ทำหนังสือด่วนที่สุดถึง สส.ทุกคน ที่ สผ 0014/ผ 49 ลงวันที่ 14 ส.ค.2567 ระบุว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรมีคำสั่งให้ยกเลิกการนัดประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 16 ส.ค. และมีคำสั่งให้นัดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นพิเศษ ในวันที่ 16 ส.ค. เวลา 10.00 น. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลที่สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภาพปชร.ขยับเชิญสื่องาน “ลุงป้อม”ขณะที่ความเคลื่อนไหวพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กลุ่มไลน์สื่อพรรค พปชร.มีการแจ้งกำหนดการของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศ ไทยฯ เชิญสื่อมวลชนร่วมทำข่าวเลี้ยงต้อนรับและแสดงความยินดีให้แก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอน สมาคมกีฬา และคณะเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมครั้งที่ 33 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ในวันที่ 16 ส.ค.เวลา 09.30-12.30 น. ที่ห้องรับรองคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ถนนศรีอยุธยา กทม. สมชาย แสวงการ“สมชาย” ดี๊ด๊ายันทำหน้าที่ไร้ใบสั่งนายสมชาย แสวงการ นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม และนายประพันธ์ คูณมี อดีต สว. ตัวแทนอดีต 40 สว. ที่เข้าร่วมฟังคำวินิจฉัยพากันเดินทางออกจากสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายสมชาย กล่าวว่า ขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายเศรษฐาจะปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้ เพราะผู้บริหารประเทศต้องรู้ และต้องมีความรับผิดชอบต่อการแต่งตั้งนายพิชิตเป็นรัฐมนตรีเมื่อถามถึงกรณีส่วนการยื่นร้องถอดถอนนายกฯครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นใบสั่งจากผู้มีอำนาจเก่าหรือไม่ นายสมชายตอบว่า ไม่มี เป็นการทำหน้าที่ของพวกเราเอง ยืนยันไม่มีใบสั่งจากใครทั้งสิ้น เชื่อว่าไม่เกิดสุญญากาศทางการเมือง สส.สามารถเลือกนายกฯตามบัญชีที่มีอยู่ เชื่อว่าการเลือกนายกฯจะไม่มีความวุ่นวายใดๆเกิดขึ้น ไม่มีอะไรน่ากังวล ยกนิ้วศาล รธน.ไม่สองมาตรฐานเมื่อถามว่าคำวินิจฉัยในวันนี้ อาจทำให้ประชาชนจะกังวลเรื่องนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต นายสมชายตอบว่า ไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ เมื่อถามอีกว่า มีความกังวลหรือไม่ว่านายทักษิณ ชินวัตร จะหนีออกนอกประเทศ นายสมชายตอบว่า ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ย้ำว่าคำตัดสินครั้งนี้ถือเป็นบรรทัดฐานที่ถูกต้องและยุติธรรม ไม่มีสองมาตรฐาน ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยชัดเจนถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 2560 โดยเฉพาะเรื่องของการยกระดับที่มากกว่า สส.ด้วยซ้ำว่า ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม หรือประพฤติผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขณะที่ นพ.พรหมินทร์ เลิศ สุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตัวแทนนายเศรษฐาที่เข้าร่วมฟังคำวินิจฉัย ได้เดินทางออกอีกด้านของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน“หนิม” พับเงินดิจิทัลรอนายกฯใหม่เมื่อเวลา 15.45 น. ที่กระทรวงการคลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตต้องชะลอออกไปก่อนจนกว่าจะได้นายกฯคนใหม่ ส่วนจะเดินหน้าต่อหรือไม่นั้น หากเป็นพรรคเพื่อไทยเชื่อว่ายังคงเดินหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ตต่อไป คาดว่า การโหวตนายกฯจะชัดเจนภายใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า เหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นกระทบต่อความเชื่อมั่น การเติบโตของเศรษฐกิจแน่นอน เพราะหลายโครงการต้องชะลอไป แต่การเมืองยังไม่ถึงทางตันเมื่อมีความชัดเจนขึ้นสถานการณ์จะคลี่คลาย ต่อมานายจุลพันธ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ครม.ยังคงรักษาการต่อไป เมื่อถามว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะทำอย่างไรต่อ นายจุลพันธ์ตอบว่า ทำตามหน้าที่เท่าที่ทำได้ตามกรอบกฎหมายปชช.จี้แก้ รธน.ลดอำนาจศาล รธน. นายพริษฐ์ วัชรสินธุที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชช.) แถลงจุดยืนพรรคหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นายเศรษฐาพ้นจากตำแหน่งนายกฯว่า ขอแสดงความกังวลและไม่เห็นด้วยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พรรค ปชช.ยืนยันการดำรงตำแหน่งทางการเมืองควรมีจริยธรรม ซื่อสัตย์สุจริต แต่จริยธรรมต่างคนต่างตีความไม่เหมือนกัน เรื่องจริยธรรมควรเป็นความรับผิดชอบทางการเมืองที่ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน พรรคไม่เห็นด้วยที่รัฐธรรมนูญปี 2560 ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระผูกขาดการตีความเรื่องมาตรฐานจริยธรรมตามดุลพินิจจนเสี่ยงถูกใช้เป็นเครื่องมือถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ทำให้สังคมและทุกพรรคการเมืองเห็นชัดถึงความจำเป็นเร่งด่วนจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และความจำเป็นทบทวนขอบเขตอำนาจหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ รวมถึงกำหนดให้มาตรฐานทางจริยธรรม เป็นเรื่องความรับผิดชอบทางการเมือง สส.พรรคปชช.จะเดินหน้าผลักดันต่อไป ส่วนนายกฯคนต่อไปควรมาจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลคุยกัน ไม่ว่าเสนอชื่อใคร พรรค ปชช.จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาลต่อไปม็อบต้าน “ทักษิณ” เฮ “เศรษฐา” ร่วงเวลา 13.00 น. ที่ห้องประชุมอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และกองทัพธรรม สันติอโศก นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล นายอานนท์ กลิ่นแก้ว และนายใจเพชร กล้าจน นัดมวลชนร่วมฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ทันทีที่ศาลฯวินิจฉัยให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯพ้นจากตำแหน่ง มวลชนและแกนนำต่างพากันโห่ร้องยินดี โดยนายพิชิตกล่าวว่า ยกแรกถือว่าไม่เหนื่อยเท่าไร วันนี้ใครเห็นนายทักษิณ ชินวัตร บ้างให้คอยดูว่าวันที่ 22 ส.ค. นายทักษิณจะไปทอล์กโชว์ หรือจะออกไปโดยเส้นทางธรรมชาติเลย ตอนแรก คปท.ประกาศชุมนุมใหม่ในสัปดาห์หน้าคงต้องงดเพราะไม่มีนายกฯและ ครม.ให้ด่า แต่การเอานายทักษิณกลับไปติดคุกยังเดินหน้าต่อ และต้องขับเคลื่อนในช่วงที่นายทักษิณอ่อนแรงไม่มีอำนาจอยู่ในสภาวะสูญญากาศ วันที่ 22 ส.ค. เวลา 11.00 น. จะไปติดตามเรื่องที่เคยยื่นไว้กับ ป.ป.ช.ให้เอาผิดหน่วยงานที่ใช้อำนาจหน้าที่ช่วยนายทักษิณ ส่วนวันที่ 17-18 ส.ค. จะเดินสายปราศรัยในต่างจังหวัดสื่อต่างชาติโฟกัสขั้วรัฐบาลใหม่วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศ เช่น รอยเตอร์ของอังกฤษ บีบีซีของอังกฤษ เอเอฟพีของฝรั่งเศส และซีเอ็นเอ็นของสหรัฐอเมริกา รายงานว่า รัฐสภาไทยต้องจัดการประชุมเพื่อเลือกนายกฯคนใหม่แทนที่นายเศรษฐา ทวีิสิน ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ยังไม่ถึง 1 ปี ขณะเดียวกันต้องจับตาดูว่า ประเทศไทยจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ และเกิดการจับขั้วพรรคแนวร่วมรัฐบาลกันใหม่หรือไม่ ขณะที่รอยเตอร์ระบุว่า พรรคเพื่อไทยจะยังคงมีอิทธิพลการนำรัฐบาลต่อไปได้ โดยผู้ที่มีแนวโน้มขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นนายกฯคนใหม่ ได้แก่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.พลังงาน และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมระบุด้วยว่า คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญยังมีขึ้นท่ามกลางช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไทยกำลังประสบปัญหา เช่น การส่งออกต่ำ หนี้สิ้นครัวเรือนพุ่งสูง ธุรกิจขนาดเล็กกว่าล้านแห่งไม่สามารถกู้ยืมเงินได้ อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังมีการตัดสินยุบพรรคก้าวไกล ด้วยเช่นกัน“แสวง” แจง ปชช.เดินการเมืองต่อนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีมีผู้ยื่นตรวจสอบบัญชีรับบริจาคของพรรคประชาชน (ปชช.) และจำนวนสาขาพรรคของพรรคถิ่นกาขาวชาววิไลว่า กรณีพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล เมื่อวันที่ 4 เม.ย.2567 มีหนังสือแจ้งนายทะเบียนฯขอยกเลิกสาขาพรรค 3 แห่ง เหลือเพียงสาขาภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ เมื่อกฎหมายให้เวลาจัดตั้งสาขาให้ครบภายใน 1 ปี คือภายในวันที่ 3 เม.ย.2568 ดังนั้น ความเป็นพรรคยังคงอยู่ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล สมาชิกย้ายมาอยู่พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นพรรค ปชช. ไม่ว่าพรรคจะมีสาขาพรรคครบหรือไม่ ยังคงดำเนินกิจการต่อไปได้ โดยผู้บริหารพรรคชุดใหม่ต้องมาจัดตั้งสาขาพรรคให้ครบตามเงื่อนไขภายใน 1 ปี และมีแจ้งการจัดตั้งสาขาพรรคเพิ่มเติมมายังนายทะเบียนฯแล้ว นายทะเบียนฯจะรู้อยู่ตลอดเวลาว่าพรรคไหนมีการเพิ่มลดสมาชิก จัดระดมทุน หรือสาขาพรรคขาด มีการแจ้งเตือนก่อนครบกำหนดเวลาไม่ต้องมาตรวจสอบย้อนหลังรอตรวจบัญชีธนาคารที่รับบริจาคนายแสวงกล่าวถึงการตั้งข้อสังเกตว่าพรรค ปชช.ยังไม่มีบัญชีธนาคาร ผู้รับเงินบริจาคจึงไม่ใช่พรรค และรับบริจาคโดยวิธีออนไลน์อาจผิดกฎหมายว่า ต้องดูข้อเท็จจริงก่อน กฎหมายกำหนดว่าเมื่อพรรครับบริจาคต้องรายงานนายทะเบียนฯทราบภายใน 15 วัน ส่วนบัญชีธนาคารพรรค ธนาคารจะไม่ออกเล่มบัญชีให้จนกว่าพรรคนั้นจะได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษา พรรค ปชช.เปลี่ยนชื่อมาจากพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล จึงมีบัญชีธนาคารของพรรคเดิมอยู่แล้ว ต้องดูข้อเท็จจริงว่าเขารับบริจาคผ่านเข้าบัญชีนี้หรือไม่ หรือเงินบริจาคเข้าบัญชีชื่ออื่นเพราะอะไร รวมถึงต้องดูว่าข้อบังคับพรรคเขียนอย่างไร ถ้าได้รับบริจาคไม่น้อยกว่า 5,000 บาท ต้องออกใบเสร็จภายใน 7 วัน และแต่ละเดือนต้องติดประกาศรายชื่อผู้บริจาคให้ประชาชนทราบ และแจ้งนายทะเบียนฯ ไม่ว่าจะรับเงินสดหรือออนไลน์ เงินมากหรือน้อย พรรคต้องตรวจสอบคุณสมบัติ ผู้บริจาคด้วยว่าเป็นบุคคลที่กฎหมายห้ามพรรคการเมือง รับบริจาคหรือไม่ เพราะตรงนี้มีโทษถึงขั้นยุบพรรคอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่