กรณีมีการแชร์และส่งต่อข้อมูลในโซเชียลมีเดียว่าเตรียมพร้อมรับมือ “โควิด-19” ระลอกใหม่สายพันธุ์ XBB.1.16* “อาร์คตูรุส” อาการใหม่...ไม่มีไข้ ตาแดง มีผื่นขึ้น หรือน้ำมูกไหลจากผลการวิเคราะห์ข้อมูล “สายพันธุ์” ของ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระหว่างเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน 2566 พบเป็นสายพันธุ์ XBB.1.16* จำนวน 83 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 16.4จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อมูลลักษณะอาการทางคลินิกจากประวัติที่ผู้ติดเชื้อ SARS-CoV-2 สายพันธุ์ XBB.1.16* พบว่า ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูก เสมหะ ปวดเมื่อย บางรายประมาณร้อยละ 10 มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อย...หอบร่วมด้วยไม่พบลักษณะอาการตาแดง มีผื่นขึ้น หรือน้ำมูกไหล...ข่าวลือข้างต้นนี้จึงไม่เป็นความจริงน่าสนใจว่าช่วงนี้มีจำนวน “ผู้ป่วย” เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนๆเล็กน้อย เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่จะพบผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเพิ่มขึ้น ซึ่งการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ยังคงเป็นมาตรการการป้องกันที่ได้ผลดี การเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 และสายพันธุ์ที่เฝ้าติดตามในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ถึง 2 ธันวาคม 2566 จากการถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อก่อโรคโควิด-19 จำนวน 253 ราย พบสายพันธุ์ XBB.1.9.2* มีสัดส่วนมากที่สุด คิดเป็น 24.5%ถัดมาคือ EG.5*, XBB.1.16* และ XBB.2.3 พบสัดส่วน 23.3%, 17.80% และ 11.90% ตามลำดับสำหรับสถานการณ์โดยรวมของประเทศไทยในปัจจุบัน พบว่า สัดส่วนของสายพันธุ์ EG.5* และ XBB.1.92* มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในขณะที่สัดส่วนของสายพันธุ์ XBB.1.16* กับ XBB.2.3* มีแนวโน้มลดลง เมื่อเทียบกับช่วงสองเดือนก่อนหน้าอีกข้อมูลสำคัญที่ไม่ใช่ข่าวลือข่าวลวง แต่เป็นพิษภัยที่เกี่ยวกับ “บุหรี่ไฟฟ้า”เมื่อไม่นานมานี้ กรมควบคุมโรค รายงานพบสารพิษในน้ำยา “บุหรี่ไฟฟ้า” เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ มีผลทำลายปอด ประชาสัมพันธ์เตือนประชาชนควรเลิกสูบบุหรี่ไฟฟ้าพุ่งเป้าไปที่สารปรุงแต่งกลิ่นและรสในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ามีมากถึง 16,000 รสชาติ เช่น กลิ่นผลไม้ ขนมหวาน ลูกอม เพื่อสร้างแรงดึงดูดและเย้ายวนใจให้นักสูบหน้าใหม่ เด็กและเยาวชน ชื่นชอบผลการศึกษาในสหรัฐอเมริกา ตรวจพบสารพิษในสารปรุงแต่งกลิ่นข้างต้นที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจและปอด โดยเฉพาะ “สารไดอะซิทิล (Diacetyl)” ที่อยู่ในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการหลอดลมฝอยอักเสบนอกจากนี้ สารกลุ่มฟอร์มาลดีไฮด์ซึ่งพบมากในยาฆ่าแมลง เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะส่งผลให้เกิดพิษต่อเซลล์ เกิดความผิดปกติในเยื่อบุผิว...ส่งผลให้เกิดการอักเสบของระบบทางเดินหายใจและปอดได้“ขอเตือนประชาชนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า ควรเลิกการสูบบุหรี่ไฟฟ้า เนื่องจากเป็นสินค้าเสพติดทำลายสุขภาพ มีสารพิษ ก่อให้เกิดโรคอันตรายร้ายแรงทั้งต่อตนเองและคนใกล้ชิด” รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)” บอกว่า “บุหรี่ไฟฟ้า อันตราย...แม้ไร้ควัน” เพราะมีสารเคมีอื่นอีกหลายชนิดที่อันตรายต่อสุขภาพ“น้ำยาในบุหรี่ไฟฟ้า” ประกอบด้วย...นิโคติน ทำให้เสพติดการสูบ, โพรพิลีนไกลคอล ระคายเคืองตา ทางเดินหายใจ ทำให้ไอ ปวดหัว คลื่นไส้อาเจียน, กลีเซอรีน เมื่อผสมกับโพรพิลีนไกลคอล ยิ่งทำให้ไอ หลอดลมตีบ หอบเหนื่อย, สารประกอบอันตราย เช่น สารหนู โลหะหนัก ฟอร์มัลดีไฮด์ เบนซีน ซึ่งอาจก่อมะเร็งนอกจากนี้ สารปรุงแต่งกลิ่น รส และอื่นๆบางตัวอาจทำให้ปอดอักเสบรุนแรง อาทิ วิตามินอี อะซีเตท“ไอระเหยจากบุหรี่ไฟฟ้ามีขนาดเล็กกว่าบุหรี่ธรรมดาจึงถูกสูดเข้าไปในปอดได้ลึกกว่า จับเนื้อเยื่อปอด และดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้เร็ว ยากที่ร่างกายจะขับออกมาได้หมด”การสูบบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด มะเร็ง และส่งผลต่อพัฒนาการของสมองทั้งต่อทารกในครรภ์ เด็ก และวัยรุ่นหลายปีที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยปอดอักเสบรุนแรงหลังสูบบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก ทั้งเด็ก...ผู้ใหญ่ และทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้น...จึงควรรู้เท่าทัน ไม่เสพบุหรี่ทุกประเภทเพื่อตัวคุณเอง และคนที่คุณรักปัจจุบันมีบุหรี่ไฟฟ้ากลาดเกลื่อนสังคม เด็กๆในโรงเรียนตกเป็นเหยื่อได้ง่าย เพราะมีการผลิตออกมาในรูปแบบที่ดึงดูดใจ มีการปรับแต่งกลิ่นนานาชนิด นอกจากนี้ยังมีการผสมส่วนประกอบอื่นๆ รวมถึง “น้ำมันกัญชา” ก็ยิ่งทำให้เสี่ยงต่อการเสพติดมากขึ้นได้ “การรับมือภัยบุหรี่ไฟฟ้าจึงยากขึ้นเป็นทวีคูณ ทุกคนคงต้องช่วยกันครับ”“บุหรี่ไฟฟ้า” เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับการสูบบุหรี่ สร้าง... “ความร้อน” และ “ไอน้ำ” ด้วยแบตเตอรี่จึงไม่มีควันจากกระบวนการเผาไหม้ส่วนประกอบสำคัญคือ “น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า” ที่มีส่วนผสมหลัก คือ “นิโคติน” ที่เป็นพิษร้ายต่อร่างกาย ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดหดตัว เหนื่อยง่าย ระดับน้ำตาลเพิ่มขึ้นเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ทั้งยังสามารถทำให้เกิดมะเร็งปอด รวมไปถึงโรคระบบทางเดินหายใจอื่นๆด้วยนอกจากนี้ยังมีสารโพรไพลีนไกลคอล และสาร Glycerol/Glycerin และสารประกอบอีกมากมายในไอของบุหรี่ไฟฟ้า เช่น โลหะหนัก สารหนูจึงกล่าวได้ว่าการสูบ “บุหรี่มวน” และ “บุหรี่ไฟฟ้า” ล้วนมีสารพิษที่ให้โทษต่อร่างกายสำหรับแนวทางการลด ละ เลิก สิ่งที่สําคัญที่สุดในการเลิกบุหรี่ คือ ตัวผู้สูบเอง ด้วยการตั้งเป้าหมาย เช่น การลดปริมาณการสูบบุหรี่ให้น้อยลง ปฏิเสธเมื่อถูกชวนหากมีอาการอยากสูบสิ่งที่ต้องทำคือเบี่ยงเบนความสนใจ เพื่อไม่ให้มีการหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ เช่น การหักดิบ ออกกำลังกาย เล่นกีฬาหรือหากิจกรรมอื่นๆทำ ขณะที่สภาพแวดล้อมก็มีส่วนต่อการช่วยให้เลิกสูบบุหรี่ประสบความสำเร็จ รวมไปถึงกำลังใจจากคนในครอบครัวและคนรอบข้างสถาบันโรคทรวงอก ย้ำเตือนทิ้งท้ายว่า “บุหรี่ไฟฟ้า” นอกจากจะทำลายสุขภาพ ยังเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคต่างๆอันตรายไม่น้อยไปกว่าการดูด “บุหรี่มวน”ตอกย้ำความเชื่อผิดๆที่ว่า...บุหรี่ไฟฟ้าจะช่วยลดอัตราการสูบบุหรี่ธรรมดา ปลอดภัย...อันตรายต่อสุขภาพน้อยกว่าการสูบบุหรี่แบบเดิมๆ เพราะความจริงแล้วสารประกอบในน้ำยา “บุหรี่ไฟฟ้า” มีสารพิษที่อันตรายไม่ต่างกัน แถมมีสารนิโคตินเหลวเข้มข้นมากกว่า “บุหรี่มวน” เสียอีก.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม