เรื่องนรกสวรรค์ เรื่องอิทธิฤทธิปาฏิหาริย์ มีบันทึกไว้ในคัมภีร์พุทธศาสนา ครั้งหนึ่ง มีศิษย์คนหนึ่ง ถามสมเด็จอาจารย์ประยุทธ์ (ป.อ.ปยุตโต) ว่า ควรสังคายนาพุทธประวัติให้เหลือแต่เรื่องที่เห็นว่าเป็นจริงหรือไม่?คำตอบจากอาจารย์ “ยังไม่ควร” อ่านไปๆค่อยๆเรียนรู้ไป ยุคสมัยหนึ่ง ก็เล่าเสริมเติมต่อกันไปอย่างหนึ่ง อีกยุคสมัยก็เล่ากันไปอีกอย่างหนึ่งอย่างเรื่อง “เทโวโรหณะ” สมเด็จอาจารย์ เล่าไว้ในพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ว่า หมายถึงการที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลกโดยปกติ สมเด็จอาจารย์ท่าน จะอ้างที่มา จากปิฎกไหน แต่เรื่องนี้ท่านใช้คำ “ตำนานเล่าว่า”ในพรรษาที่ 7 แห่งการบำเพ็ญพุทธกิจ พระพุทธเจ้าเสด็จไปประทับจำพรรษาในดาวดึงส์เทวโลก ทรงแสดงพระอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา พร้อมทั้งหมู่เทพเมื่อถึงเวลาออกพรรษาในวันมหาปวารณา วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ได้เสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ กลับคืนสู่โลกมนุษย์ ณ ประตูเมืองสังกัสสะ โดยมีเทวดาและมหาพรหมทั้งหลายแวดล้อมลงมาส่งเสด็จฝูงชนจำนวนมาก ก็ได้ไปคอยรับเสด็จ กระทำมหาบูชาเป็นการเอิกเกริกมโหฬาร พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรม มีผู้บรรลุคุณวิเศษจำนวนมากชาวพุทธในภายหลังได้ปรารภเหตุการณ์พิเศษครั้งนี้ ถือเป็นกาลกำหนดสำหรับบำเพ็ญการกุศล ทำบุญตักบาตรคราวใหญ่แด่พระสงฆ์ เป็นประเพณีนิยมสืบมาดังปรากฏในประเทศไทย เรียกกันว่า ตักบาตรเทโวโรหณะ หรือนิยมเรียกสั้นๆว่า ตักบาตรเทโวในวันเทโวโรหณะ ที่เล่าขานถึงเรื่องปาฏิหาริย์ พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ ซึ่งหากพูดในสมัยนี้ เป็นเรื่องเกินจริง จึงมีเรื่องแบบเดียวกัน เรื่องนี้พระอรรถกถา (เรื่องเล่าต่อเติม จากพระอาจารย์รุ่นต่อๆมา) เล่าว่า เกิดก่อนเสด็จไปจำพรรษาบนสวรรค์ คือ ยมกปาฏิหาริย์เหตุเกิดจาก พระมหาโมคคัลลานะ กับพระปิณโฑลภารทวาชะ เข้าไปบิณฑบาต ในกรุงราชคฤห์ ถูกพวกนักเลงเยาะเย้ยว่า เป็นพระอรหันต์ทำไมไม่เหาะขึ้นไปเอาบาตรไม้จันทน์แดง ที่เศรษฐีผูกไว้ปลายไม้ไผ่ (สูง 30 วา)พระบิณโฑลภารทวาชะ เหาะขึ้นไปเอาบาตรได้ ผู้คนแตกตื่นตามแห่ส่งเสียงอื้ออึงกันมาถึงวัด พระพุทธเจ้าได้ทรงสดับ ทรงให้ประชุมสงฆ์ ทรงตำหนิว่าการที่พระแสดงอิทธิปาฏิหาริย์อวดคฤหัสถ์ เปรียบเหมือนสตรียอมเปิดเผยของสงวนแก่ชาย เพราะอยากได้ทรัพย์...ทรงบัญญัติสิกขาบท ห้ามพระสงฆ์แสดงฤทธิ์อีกพวกเดียรถีย์ ใช้เป็นเรื่องโจมตีพุทธศาสนา พระเจ้าพิมพิสาร ทรงเป็นห่วง พระพุทธเจ้าตรัสว่า สิกขาบทที่ทรงบัญญัติห้ามพระภิกษุ แต่พระองค์เอง หากต้องการแสดง ก็แสดงฤทธิ์ได้ในวันเพ็ญเดือน 8 ปีนั้น พระพุทธเจ้าก็ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ บนต้นมะม่วง ใกล้ประตูเมืองสาวัตถีทรงทำให้เปลวไฟกับสายน้ำ พวยพุ่งออกจากพระวรกายส่วนต่างๆ ต่างด้านพร้อมกันเป็นคู่ๆ และทรงเนรมิต เป็นพระพุทธรูป ปางประทับ ยืนบ้าง ปางประทับนั่งบ้าง ปางไสยาสน์บ้าง และปางจงกรมบ้างทั้งเรื่องเทโวโรหณะ ทั้งเรื่องยมกปาฏิหาริย์...จะเป็นได้จริง แค่ไหน แต่สำหรับชาวพุทธทั่วไป ไม่ได้ใช้เป็นสาระ เท่ากับการกำหนดเป็นวันเข้าวัดทำบุญ แล้วได้ฟังธรรมตัวอย่าง พระพุทธเจ้าสอนว่า ธรรมเป็นโลกบาลคุ้มครองโลก มีสองข้อ ข้อแรก หิริ ความละอายต่อบาป โอตตัปปะ ความเกรงกลัวต่อบาป ถ้ามนุษย์โลกยังอายยังเกรงบาปอยู่บ้าง คงหวังได้ว่าโลกน่าจะรอด.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ "ชักธงรบ" เพิ่มเติม