ถอยฉากการเมืองไล่กับ “3 ป.” ก็คงหายใจสะดวกปอดมากขึ้น หลังจากที่จมจ่อมในแวดวงนี้มาอย่างยาวนานเห็นไส้เห็นพุงนายกรัฐมนตรีมาเขียนตำราว่าด้วยตำนานแต่ละคนที่อ่านแล้วชวนให้เห็นแง่มุมได้เป็นอย่างดีเพราะตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายจึงต้องใกล้ชิดแบบหายใจรดต้นคอ ที่ต้องให้คำปรึกษาในแง่กฎหมาย กฎกติกาและระเบียบปฏิบัติต่างๆเป็นจุดเด่นที่รัฐบาลไหนได้ใช้บริการถือว่าคุ้มค่าอย่างรัฐบาล “บิ๊กตู่” ที่ทำให้เจ้าตัวรู้สึกเปลืองตัวมากที่สุดขนาดในฐานะรัฐบาลรักษาการยังต้องชี้แนะเป็นรายวันไม่ได้หยุดหย่อน เพราะมีประเด็นให้ตีความชี้แนะตลอดที่สุดต้องประกาศปิดเทอมยาวไม่ขอข้องแวะอีกแล้วแต่ก็ไม่วายที่ฝ่ายการเมืองยังคิดถึงเสมอ ล่าสุดก็ขอให้ช่วยแนะทางสว่างเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เจ้าตัวบอกยินดีให้ความเห็นแต่ไม่ยินดีที่จะไปร่วมเป็นกรรมการด้วยรัฐธรรมนูญปี 60 นั้นถือเป็นนวัตกรรมทางการเมืองที่ปรุงแต่งอย่างวิจิตรพิสดารสุดก็ว่าได้ แม้แต่การแก้ไขก็ทำได้ยาก นับประสาอะไรก็ฝีมือเจ้าสำนัก “มีชัย ฤชุพันธุ์” เดียวกันนี่แหละ ดังนั้นการถอดสลักจึงจำเป็นที่จะต้องหารือกับศิษย์สำนักเดียวกันในฐานะผู้มีประสบการณ์ยังได้แผ่อานิสงส์ไปถึงนายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” น้องใหม่ เป็นหลักคิดในการบริหารประเทศด้วย “4P”P1 อยากทำแต่ทำไม่ได้เพราะไม่มีอำนาจ เหตุที่ไม่มีอำนาจเพราะติดขัดข้อกฎหมายP2 อยากทำ มีอำนาจ แต่ติดที่งบประมาณP3 อยากทำ แต่ติดที่ไม่มีคนที่มีความรู้เรื่องนั้นๆ เช่นเรื่องดิจิทัลทั้งหลายP4 ติดที่ความเห็นของประชาชน มีเงิน มีงบประมาณและมีอำนาจตามกฎหมายรวมถึงมีบุคลากรที่จะทำ แต่ประชาชนยังไม่ยอมรับจึงทำไม่ได้นี่คือสิ่งที่นายกรัฐมนตรีจะต้องเจอ!ก็เป็นข้อคิดที่เป็นปัจจัยสำคัญในการบริหารราชการแผ่นดินในสภาพความเป็นจริงที่ไม่ว่าใครต่างก็ต้องเจอดังนั้นก็ต้องแก้ปัญหาทั้ง 4 ข้อนี้ให้ไปทีละเปลาะเพื่อถอดสลัก เพื่อที่จะสามารถดำเนินการได้ตามต้องการถึงวันนี้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจแล้วจนผ่านขั้นตอนนี้ไปได้แม้จะต้องเผชิญอุปสรรคมากพอสมควร จากนี้จึงเป็นเรื่องของความสามารถส่วนบุคคลที่จะบริหารจัดการอย่างไร เพื่อให้ได้มาซึ่งงบประมาณ บุคลากรและที่สำคัญก็คือทำอย่างไรให้ประชาชนพึงพอใจ ยอมรับในนโยบายและแผนการดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเดียวกันความจริงแล้วรัฐบาลชุดนี้แม้จะได้มาซึ่งการสลายขั้วการเมืองแต่ “เพื่อไทย” ซึ่งเป็นแกนนำก็มีนโยบายซึ่งเป็นจุดขายสำคัญจนคนไทยส่วนหนึ่งให้การยอมรับมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลไทยรักไทยรัฐบาลชุดนี้ก็มีจุดขายอีกอันหนึ่งคือการแจกเงินดิจิทัลหัวละ 10,000 บาท ที่กำลังรอกันอยู่ว่าจะออกเมื่อใดท่ามกลางความห่วงกังวลว่าจะคุ้มหรือไม่คุ้ม!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม