เปิดฟลอร์กับสื่อหัวเขียว โชว์วิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรีบนเวทีแรก สังเกตว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เลือกใส่ “เนกไทสีเขียว” ร่วมเวที “THAIRATH FORUM 2023” ให้ความกลมกลืนกับเจ้าภาพจัดงาน บ่งบอกความเป็นคนใส่ใจใน “รายละเอียด” ไม่มองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยๆมันคือปม “ปลีกย่อย” ที่สะท้อนไปถึง “ภาพใหญ่” บ่งชี้ความเป็นตัวตนของผู้นำป้ายแดง ที่จะมีผลไปถึงวิธีการทำงาน ชั้นเชิงบริหาร รวมไปถึงวิธีคิดทางการเมืองเมื่อให้ความสำคัญเรื่องเล็ก นั่นก็ย่อมไม่พลาดเรื่องใหญ่ง่ายๆในอารมณ์แบบที่นายเศรษฐา ยอมรับสไตล์ “ซีอีโอ” คิดไว ทำไว พูดไว ต้องพยายามปรับตัวใหม่ เพราะเพิ่งเสียฟอร์มสะดุดตั้งแต่เริ่มสตาร์ต จากเรื่องเงินเดือนข้าราชการแบ่งจ่าย 2 งวดบทเรียนแรก ระบบราชการไม่กดปุ่มง่ายเหมือนบริษัทเอกชนแต่ในฟอร์มของซีอีโอ นายเศรษฐาก็โชว์ “ลูกล่อลูกชน” ของมือบริหารอาชีพที่ข้าราชการประจำทำไม่เป็น แบบที่เห็นลีลา “มัดคอ” นิ่มๆ เล่นมุกบีบกันเบาๆ ทำเป็นแกล้งแหย่ผู้บริหารบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่นั่งฟังอยู่ในงาน ให้รับมุกมาตรการปรับลดราคาน้ำมันงาน “ด่วนจี๋” ที่รัฐบาลเพื่อไทยโดนกระแสจี้ให้ทำตามประกาศบนเวทีหาเสียงหรือเหลี่ยมเก๋าๆของนักการตลาดที่ชี้ช่องเป็นนัยขอความร่วมมือให้ผู้บริหารห้างสรรพสินค้าชื่อดัง รีบอัดโปรโมชันราคาล่วงหน้า รองรับนโยบาย “ดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท”ล่อใจเครือข่ายเอกชน เสริมมาตรการเรือธงของรัฐบาลเวทีแรกฟอร์มเข้าตา ประเมินลีลา หยั่งวิธีคิด สะท้อนกึ๋นของนายเศรษฐา โชว์ชั้นเชิงการบริหารเศรษฐกิจ ได้สมราคาที่เป็น “จุดขาย” ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะกับการย้ายจากคฤหาสน์หรู มานอนที่ทำเนียบรัฐบาลอย่างน้อย 3-4 วันต่อสัปดาห์ เพื่อความสะดวกในการทำงานแบบ 24 ชั่วโมงแยก “โลกส่วนตัว” กับ “โลกส่วนรวม” ออกจากกันในระดับความตั้งใจเต็มเปี่ยม ตามที่ประกาศจะเป็นนายกฯที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยแต่ไฮไลต์จริงๆที่สะท้อนผู้นำรัฐบาลใส่ใจในรายละเอียด ไม่มองข้ามเรื่องปลีกย่อย ตามท้องเรื่องที่โยงไปถึงปม “อภิสิทธิ์ชน” บนเวทีวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.)จุดที่นายเศรษฐาได้ถือโอกาสขยายความต่อประเด็นร้อนฉ่า ปฏิบัติการนายกฯคนใหม่ “เลกเชอร์” วิพากษ์วิจารณ์หลักสูตรยอดฮิตในหมู่ทหาร บิ๊กข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ นักธุรกิจใหญ่ ใช้เป็นที่สร้าง “คอนเนกชัน” วางสายสัมพันธ์เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจและอำนาจในหมู่พรรคพวกไม่ได้ทำประโยชน์ต่อการพัฒนาสังคมในวงกว้างมากพอ“เศรษฐา” เป็นนายกฯคนแรกที่กล้าซัด วปอ.แบบไม่สนทุบหม้อข้าวชนชั้นนำด้วยกันตามอาการผู้นำมือใหม่หนักใจที่ต้องเดินหน้ารื้อระบบคอนเนกชัน แต่ไม่กลัว “เพื่อนงอน” สะท้อนเบื้องลึกของนายเศรษฐา มองลึกไปถึงแก่นแท้ของปัญหาที่มาของความแตกแยกในสังคมไทยต้นตอมาจากความ “เหลื่อมล้ำ” ไม่เท่าเทียมโดยเฉพาะอารมณ์ของนายกฯมือใหม่ บ่นออกอากาศ แฉโพยโยกย้ายข้าราชการยัดผ่านทีมที่ปรึกษา ทั้งที่ตั้งทีมกุนซือมาคอยให้คำแนะนำ ไม่ใช่ให้มาเป็นช่องฝากคนประจานคนกันเองเป็นเชิงให้เป็นที่รับรู้กันว่า “เศรษฐา” ไม่นิยมระบบเส้นสาย เบื้องต้นเลยแสดงให้เห็นว่า ผู้นำป้ายแดงพยายามเข้าใจพลวัตของ “คนรุ่นใหม่” ที่ปฏิเสธสังคมจารีตแบบไทยๆ มองว่าระบบอุปถัมภ์ของชนชั้นนำทำให้ประเทศล้าหลังไม่ขวางลำเด็ก พร้อมไหลตามน้ำไปกับกองทัพก้าวไกลแม้แต่การทำใจยอมรับการด้อยค่า “นายกฯส้มหล่น”ตามฟอร์มของ“เศรษฐา” ไม่ท้าทาย เพราะต้องเริ่มต้นทุนติดลบกับการตั้งรัฐบาลสูตรพิสดารอย่างไรก็ตาม “บทเขี้ยว” ก็ไม่ธรรมดา ตามลีลาตีกรรเชียงนายเศรษฐาไม่ตอบรับเต็มปากเต็มคำ กรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและทีมงาน ประกาศไว้ชัดถ้อยชัดคำ ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ให้เป็นประชาธิปไตยพร้อมยุบสภาเลือกตั้ง ภายใต้กติการัฐธรรมนูญใหม่โบ้ยนิ่มๆเวลา 1 ปีครึ่งถึง 2 ปีที่พูดกัน นั่นมันเป็นแค่กระบวนการทำประชามติเท่านั้นผู้นำตัวสูง ตั้งการ์ดสูง ลุ้น “ตีตั๋วยาว” ครบเทอม 4 ปี.ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ "วิเคราะห์การเมือง" เพิ่มเติม