มีคนอาชีพหนึ่ง...อยู่แม่พิมพ์เห็นร้านอาหารซุ้มดอกเห็ด 23 ร้าน บนชายหาดบังวิวทะเลมาแต่แรกเริ่ม เขาผู้นี้ขับรถมอไซค์สามล้อพ่วงข้างรับจ้าง มีหลังคาและเบาะที่นั่งโดยสาร รถแบบนี้มีให้ชูการ์แดดดี้ (ป๋า) เลดี้ไทยเช่าขับในแม่พิมพ์ได้ส่วนซุ้มดอกเห็ดที่ว่านั้นก็ค่อยๆพัฒนาเป็น “สตรีทซีฟู้ด” แต่ไม่มีห้องสุขา อ้างขัดกฎหมายบนหาดสาธารณะ เออแน่ะ...ทีร้านกลับให้มีได้โดยไม่ห้าม?“ร้านได้สิทธิ์เช่าคนละล็อกหน้ากว้าง 3.5 เมตร ลึกจากริมถนนคร่อมชายหาด 36 เมตร จ่ายค่าเช่าให้ใครไม่รู้ 5,000 บาทต่อเดือน... ต่อมาเพิ่มเป็น 10,000 บาท มีเงื่อนไขห้ามเซ้งเปลี่ยนมือ ตั้งอ่างเลี้ยงปู ปลา กุ้งเป็นๆ...เคยได้ยินหลายคนพูดคล้ายย่านซีฟู้ดฮอกไกโดญี่ปุ่นไม่มีผิด”คนขับมอไซค์เล่าให้ฟังแบบนี้...แต่ไม่บอกชื่อหน่วยงานให้เช่า “สมัยก่อนตอนเย็นๆจะได้ผู้โดยสารนิยมให้ไปส่งร้านชื่อดังตรงโค้งมุมหาด ร้านนี้ขายดีจนร้านอื่นบ้งกับเชื่อว่าเล่นของ” หากยังพอจำกันได้ในคืนส่งท้ายปีเก่า 2555 อีก 15 นาทีจะย่างปีใหม่อยู่แล้ว จู่ๆมีฝรั่งจุดโคมไฟหมายจะลอยขึ้นฟ้า โคมเกิดตกใส่หลังคาร้านดังลุกไหม้พึ่บเดียวกว่ารถดับเพลิงจะมา วอดไป 11 ร้าน ที่เหลือ 12 ร้านสกัดได้ทัน เลยลือกันแซ่ด...ร้านที่เหลือเล่นเส้นสายเจ้านายหนุนหลังเหยื่อ (ร้าน) ทั้ง 11 ถูกห้ามบุกรุกชายหาดขายอีก คงสำนึกผิดเอาที่ดินโค้งนั้นจัดแลนด์สเคปเป็นสวนสาธารณะ เห็นเกาะขี้ปลาห่างฝั่ง 500 เมตรตรงหน้า ดีไซน์รูปปั้นตัวละครพระอภัยมณีให้นักท่องเที่ยวเซลฟี่ที่อุตส่าห์มาทัวร์ถึงแม่พิมพ์ปาร์คบีช เอ๊ะ...ก็คิดเป็นเหมือนกันนี่?คนขับมอไซค์พูดติดตลกบอกอีกว่า สำหรับ 12 ร้านที่เหลือ คนแถวนี้พูดกันว่าเพราะร้านดังทีเดียวทำ “บุญหล่นทับ” ถึงทำให้ลูกค้าไม่มีทางเลือก นอกจากกระจายไปกินกันตามร้านที่ไม่ถูกเพลิงเผาทว่า...ร้านชื่อดังเหยื่อเพลิงก็กลับโชคดีด้วยซื้อที่ดินริมถนนบ้านกร่ำไว้ก่อน จึงหันไปเปิดร้านใหม่ใหญ่กว่าเก่า ลูกค้าแน่นทุกวันมีห้องน้ำบริการด้วย รายอื่นจะแอบเซ้งฝืนข้อห้ามก็ทำได้อยู่แล้วประเด็นสำคัญมีว่า...สู้ราคาล็อกละล้านไหวมั้ย ปัจจุบันขยับเป็นสองล้านเซ้งต่อให้นักธุรกิจจากที่อื่นและต่างชาตินอมินีไทยเข้ามาทำ ไม่เห็นมีใครห้าม...เหลือคนแม่พิมพ์ทำสตรีทซีฟู้ดจริงๆไม่กี่รายโหมดนี้มีคนสังเกตเห็นวิชันผู้ให้เช่ากำหนดร้านดอกเห็ดสร้างติดกัน 2-3 ล็อก แล้วเว้นระยะห่าง 3 เมตร เปิดเป็นทางเดินลงหาดสลับกันไปจนครบ 12 ล็อก โมเดลนี้เหมือนแผนเมืองพัทยาทำไว้แต่แรก ที่ห้ามพัทยาใต้ ผุดตึกแถวพาณิชย์ขึ้นมาทำลายบรรยากาศวอล์กกิ้งสตรีทแต่ผ่อนผันให้สร้างตึก 2 คูหาเว้นช่องว่าง 2 เมตร แล้วสร้างเพิ่มอีก 2 คูหาได้จนสุดสองฝั่งถนนพัทยาใต้ เพื่อเลี่ยงบาลีต้องไม่มีตึกแถว...ตลกสามช่าขำ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ว่ากันไปนั่น เพียงแต่ “แม่พิมพ์” ไม่ตลกเช่นนั้น...เมื่อคนขับมอไซค์ชี้ให้ดูแผงตั้งขายสินค้าสารพัดตรงช่องทางให้คนพอเดินผ่านต่อไปได้ โดยคนขายไม่เห็นต้องง้อใครก็เท่านั้นเอง อิ อิเกมนี้เล่นเอานักวางแผนเมืองตากอากาศริมทะเลอดไม่ได้ที่จะเมนต์...“ถ้าจะส่งเสริมแม่พิมพ์สู่สมาร์ทซิตี้รับยุคท่องเที่ยวเป็นหัวใจฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นสู่ระดับประเทศ เสนอว่า...สิ่งแรกควรสร้างคอนเทนต์กำหนดโซนนิงอย่างเป็นระบบ แล้วจัดระเบียบบริเวณชายหาดที่ถูกบุกรุกคืนกลับสู่ธรรมชาติ...ปลอดสิ่งปลูกสร้างแปลกปลอมใดๆทุกชนิด ยกเว้นศูนย์บริการนักท่องเที่ยว พร้อมปักหมุดเป็นโซนร้านขายอาหารและนันทนาการใหม่ สร้างห้องสุขาสาธารณะบริการกับลานจอดรถ โดยทั้งหมดต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมเป็นสำคัญ รวมถึงการจัดเก็บขยะและกำจัดน้ำเสียอย่างถูกวิธี”นักวางแผนชี้อีกว่า “แม่พิมพ์”...ขัดกระดุมผิดรังตั้งแต่ครั้งแรกเม็ดต่อไปถึงบิดๆเบี้ยวๆ ปล่อยให้สร้าง “สตรีทซีฟู้ด” ขึ้นมารกชายหาดสวนทางการพัฒนาเมืองริมทะเล ตามด้วยขบวนการร่มเก้าอี้ผ้าใบวางเต็มชายหาดแล้วอุปโลกน์ตัวเองเป็นเจ้าของที่ ใครเอารถมาจอดหน้าร้านแล้วเผ่นไปอีกร้านรับรองถูกด่า “เช่ด”...คำนี้ระยองหมายถึง “มาก”ส่วนช่วงปลายแหลมทำท่าจะลงตัวดี มีดีไซน์แลนด์สเคปเป็น “ทัวริสต์วอล์กกิ้งเวย์” ปูพื้นด้วยอิฐตัวหนอนมีศาลาพักทุก 100 เมตร แต่ไร้คนดูแลตัวหนอนชำรุดกับขยะที่เกลื่อนกลาดอีกประเด็นที่เป็นปัญหาเน่าเท่าการบุกรุกชายหาด ถึงขนาด “ช็อตฟีล” ผู้คนให้หมดความตั้งใจมาเที่ยวแม่พิมพ์ คงจำแผลเก่าได้...ย้อนไปเมื่อครั้งโควิดระบาดปี 2562 น้ำมันรั่วทะเลครั้งแรกปลายปี 2556 อีกครั้งสองต้นปี 2565...ทำเอาผู้ค้าทั่วประเทศรวมหาดแม่พิมพ์น้ำตาตกเหมือนตายทั้งเป็น น่าเวทนาตรงแม่พิมพ์ยังมีข่าวลบทุกช่องทาง เรื่องการคิด “ราคาค่าอาหารทะเล” เกินจริงซ้ำซากจนใครก็ไม่อยากจะมากิน บัดนี้...หนังเก่าก็ยังคงกลับมาฉายใหม่กับพฤติกรรมไม่รู้จบ?มีผู้ประกอบการน้ำดีรายหนึ่งแอบกระซิบ...ดอกเห็ดซุ้มหนึ่งได้ลูกชายเป็นคนมีสีระดับหางแถวเหมือนพี่ชายเจ้าของซุ้มอีกร้านคิดว่ามีคนคอยคุ้มครอง พี่กับน้องจึงพากันอหังการเช่นราชสีห์ถึงวันหยุดทำเงินได้มากกว่าปกติ รู้กัน...ลูกค้าเคยกินประจำร้านอื่นครั้นเปลี่ยนมาลองร้านตนจะถูกฝืนต้อนรับแบบเสียไม่ได้ ยิ่งมาคนเดียวด้วยแล้วเป็นต้อง “เหวอ” ก่อนถูกขับไล่ เพราะร้านประเภทนี้ต้องการคนกินแล้วจ่ายทีละพันถึงหมื่นมากกว่า ไกด์ไทยทำทัวร์จีนอีกราย เล่าให้ฟังด้วยว่า...ถึงจีนจะยังเข้มงวดคนออกทัวร์นอกประเทศ ไทยยังติวเข้มวีซ่ากลัวจีนเทาแอบปนมา กระนั้นตลาดจีนก็ไม่ถึงกับวายกล้อมแกล้มมาพัทยาถึงแม่พิมพ์“กรุ๊ปทัวร์จีนฟินสุดๆกับร้านสตรีทซีฟู้ดริมทะเลแม่พิมพ์ การโค้ดราคาขายอาหารทัวร์มื้อนี้จึงจำต้องแพงเว่อร์ตามเมนูถึงได้เศษกำไรเหลือบ้าง”ไกด์แจงราคาขายตามเมนู เช่น กั้งแก้วกิโลกรัมละ 2,500 บาท ถ้ากั้งกระดาน 1,300 ปูม้านึ่ง 850 ปูดำไข่ 1,500 เท่ากุ้งแชบ๊วยเผา กรรเชียงปูผัดผงกะหรี่ 550 ปลาเก๋าทอดหรือนึ่ง 750 กะพงทอด 450 ต้มยำ 300 หอยหวานเผา 1,200 ...สูงเท่าราคาเมนูโรงแรมหรู แต่มาตรฐานบริการต่ำเตี้ยเรี่ยดินเท่าเพิงอาหารตามสั่ง “คิดดูต้นทุนขายส่งจากแหล่งประมงที่อยู่ใกล้ เช่น บ้านพงษ์ไสวหรือตลาดเพขายส่งปูม้ากิโลละ 400-500 ปูไข่ 600 ปลากะพง 200 และวัตถุดิบชนิดอื่นๆจะพบส่วนต่างห่างเมนู 50 ถึง 100% คนเสิร์ฟก็ใช้ต่างด้าวสื่อกันไม่รู้เรื่อง...ทั้งยังเคยเกิดเหตุทัวร์จีนกรี๊ดลั่นกลางโต๊ะอาหารทันทีที่พบศพแมลงวันตกในชามต้มยำ”ส่วนห้องน้ำโน่น...ต้องข้ามถนนไปบ้านเช่าเหม็นหึ่งเท่ารังหนู ฝ่ายชายนั้นง่ายๆปีนบันไดลงชายหาดยิงกระต่ายที่นั่น...นึกภาพบรรยากาศตามแล้วก็ชวนให้น่าสังเวชพิลึกกับสตรีทซีฟู้ดแม่พิมพ์เหล่านี้คือปัญหารอการแก้ไข...ขั้นแรกจัดระเบียบให้เป็นเมืองตากอากาศที่สมบูรณ์ ควบคุมเรื่อง “ราคาอาหาร” ที่เป็นธรรม...เร่งจัดเก็บภาษีเข้ารัฐไม่ให้ตกหล่น ใส่ใจอนามัยในโภชนาการ ใช้บริกรบริการคุณภาพหากเริ่มแก้ไขกันอย่างจริงๆจังๆ คาดหวังได้ว่ามิตินี้จะทำให้ “ส่วยท่องเที่ยว” หาดแม่พิมพ์จะค่อยๆสูญสลายหายไปในที่สุด คงเหลือไว้แต่หาดเก๋ไก๋ไฉไลกว่าเก่าเสียที ถึงตรงนี้คงได้แต่รอลุ้นกันว่า...ไม่รู้ “พ่อเมืองระยอง” จะเอาด้วยหรือเปล่า?คลิกอ่านคอลัมน์ "สกู๊ปหน้า 1" เพิ่มเติม