ในหนังสือการเมืองไทย สมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี (มติชน พิมพ์ครั้งที่ 7 พ.ศ.2547) อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ ขึ้นต้น ตอนเขียนถึง “ชุมนุมเจ้าพิมาย” ไว้ว่า ดูเผินๆประหนึ่งว่า กรมหมื่นเทพพิพิธ เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดของพระเจ้ากรุงธนบุรีแต่ความจริง ศักยภาพในการเป็นคู่แข่งนี้ มีอยู่ประการเดียว คือเป็นเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ ที่เหลือรอดจนเป็น “นายชุมนุม” ได้อยู่เพียงองค์เดียวและความเป็นเจ้าก็ไม่สามารถช่วยพระองค์ได้มากนัก เพราะมีแต่ความยกย่องแต่ปราศจากอำนาจจริงก่อนเสียกรุง กรมหมื่นเทพพิพิธ เคยร่วมมือกับขุนนางใหญ่ๆ ก่อกบฏกับพระเจ้าเอกทัศน์ ตอนต้นรัชกาล แม้ไม่สำเร็จ ถูกลงโทษแค่เนรเทศไปอยู่ลังกา มีผู้คนนับถือกันมาก จนพระเจ้าแผ่นดินลังกากลัวเมื่อเสด็จหนีไปเมืองมะริด ข่าวมาถึงอยุธยาทำให้พระเจ้าเอกทัศน์ตระหนกตกใจอยู่ต่างประเทศเสียหลายปี ตอนกลับไทย กำลังที่เคยมีก็ร่วงโรยไปมาก ขณะพม่าล้อมกรุงมีขุนนางหลายคนหนีไปเป็นกำลัง จึงทรงลองแทงหวยการเมือง ยกทัพมา แต่ถูกทั้งพม่าและกรุงตีแตกกระจายทรงฝ่าดงและทิวเขาขึ้นไปโคราช เจ้าเมืองโคราชคุมคนมาสี่ร้อย ก็จับตัวท่านได้ง่ายๆ อาศัยพระเกียรติ ทรัพย์ และความเป็นเชื้อสายโคราช ไม่เพียงรอดจากการถูกส่งตัวเข้ากรุงเทพฯ ยังเกลี้ยกล่อมผู้คนจนเอาเมืองโคราชไว้ได้แต่ไม่นาน หลวงแพ่งก็นำกำลังมาแย่งโคราชคืน บังเอิญเจ้าเมืองพิมาย คิดจะตั้งตัวเป็นใหญ่ เห็นประโยชน์ทางการเมือง จึงเชิดพระองค์ขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินความวิตกของพระเจ้ากรุงธนฯ กรณีกรมหมื่นเทพพิพิธเป็นทางการเมืองมากกว่าทางทหาร ทรงเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงย่อมมีสิทธิ์เหนือพระองค์ทุกประการ ในการสืบสันตติวงศ์ในขณะที่ยังไม่ได้ปราบชุมนุมใหญ่ใดๆเลย นอกจากชุมนุมโพธิ์ สามต้น ชุมนุมพิมายจึงเป็นศัตรูทางการเมืองที่น่าวิตกอยู่พอสมควรอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ เขียนว่า กองทัพพระเจ้ากรุงธนฯ ยึดนครราชสีมาและพิมายได้ไม่ยากพระยาศรีสุริยวงศ์เจ้าเมืองพิมายเก่าถูกจับประหารชีวิต ข้าราชการกรมหมื่นเทพพิพิธ เข้าใจว่าคงถูกกวาดล้างไปหมดสิ้นด้วย หลักฐานร่วมสมัยกล่าวตรงกัน กรมหมื่นเทพพิพิธถูกจับนำตัวมายังกรุงธนบุรีพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงค้นคว้าประวัติศาสตรช่วงนี้ระบุว่า เมื่อโคราชแตก กรมหมื่นเทพพิพิธได้หนีไป และทรงผนวชใหม่อีกครั้ง แต่ก็ถูกจับตัวได้หลักฐานจีนกล่าวว่า กรมหมื่นเทพพิพิธหนีไปอยู่แดนลาว ถูกเจ้าเมืองลาวจับตัวส่งหลักฐานร่วมสมัยของไทยกล่าวว่า ในตอนแรกพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงปฏิบัติต่อพระกรมหมื่นเทพพิพิธด้วยความเคารพ โปรดให้ประจำอยู่วัดแจ้งแต่ปรากฏว่า มีผู้คนมาเฝ้ากันมาก ล้วนเป็นคนที่รู้จักจากอยุธยา คนเหล่านี้รับราชการกับพระเจ้ากรุงธนบุรี ที่ไม่จำเป็นต้องภักดีต่อพระเจ้ากรุงธนบุรีอย่างจริงใจนักอาจารย์นิธิ ยกงานเขียนชิ้นหนึ่ง ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ พรรณนาว่า “ปฤกษามุลลิกาทุกคน ให้ฆ่าภูวมล? กรมเทพพิพิธวายปราณ แม้ไว้จะเกิดวิกาล ไพร่พลมากมาน จะกลับจะกลายราวี”ด้วยเหตุที่กรมหมื่นเทพพิพิธ ยังมีศักยภาพที่จะก่อให้เกิดจลาจลในราชอาณาจักรได้...จึงจำเป็นต้องประหารเรื่องเจ้าพิมาย จบแค่นี้ล่ะครับ ผมย้อนไปอ่านที่อาจารย์นิธิ เขียนวรรคเริ่มต้น...ความเป็นเจ้า ไม่สามารถช่วยอะไรพระองค์ได้มากนัก...และได้ความคิดต่อว่า...ก็ความเป็นเจ้าเป็นนายคนนั่นล่ะหนา! นำเภทภัยมาให้ชีวิตพระองค์เอง.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ "ชักธงรบ" เพิ่มเติม