ม้วนเดียวจบ เรียบร้อยโรงเรียนวาดะห์ตามพิธีกรรมที่ “หนุ่มทิม” นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะพรรคอันดับหนึ่ง ลุกขึ้นเสนอชื่อ “แบนอร์” นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชาติ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่ ยืนหนึ่งเพียงคนเดียว โดยไม่มีการเสนอชื่อโหวตแข่งแต่อย่างใดนั่นหมายถึงเป็นชื่อที่ “คลิก” จังหวะลงล็อกพอดิบพอดี ไม่มีข้อกังขาในความเหมาะสม ตามโปรไฟล์ของนายวันนอร์ที่สะสมชั่วโมงบินทางการเมืองมาจนสูงลิ่วเป็นอดีตประธานรัฐสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร พ่วงรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่“ตาอยู่” มาแรงแซงโค้ง ปาดหน้าเข้าป้ายใน 24 ชั่วโมงสุดท้าย ตามเงื่อนไขสถานการณ์ “คล้ายกับว่า” เป็นการพบกันครึ่งทางระหว่างพรรคก้าวไกลกับค่ายเพื่อไทยแต่จริงๆกองทัพส้มโดนทีมเขี้ยวพรรคเพื่อไทย รุกจนเกือบสุดกระดานตามสถานะทางการเมืองที่ไม่อาจปฏิเสธความเชื่อมโยงได้ “วันนอร์” ก็คือคนในเครือข่ายของพรรคเพื่อไทย ที่ “นายใหญ่” แตกแบงก์พันออกมาโควตาประธานสภาฯของ “วันนอร์” จึงก้ำกึ่งๆไปทางฟากเพื่อไทยมากกว่าดุลอำนาจต่อรองไหลไปอยู่กับพรรคอันดับสองแทนที่จะเป็นพรรคอันดับหนึ่งตามเนื้อผ้า ยิ่งถ้าเทียบความจำเป็นของพรรคก้าวไกล ในการต้องยื้อเก้าอี้ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อเป้าหมายในการผลักดันกฎหมายสำคัญตามนโยบายที่ได้ “สัญญา” ไว้ในการเลือกตั้งโดยเฉพาะการเดินหน้าแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112แค่ก้าวแรกก็เดินแต้มพลาดเป็นรอง จึงไม่ต้องพูดถึงก้าวต่อไปที่ต้องฝ่าเกมเขี้ยวกว่านี้กองทัพด้อมส้มน่าจะต้องเอะใจแล้วว่า ทีมงานของ “พิธา” เสียหายอย่างแรง ที่ยอมถอย ปล่อยโควตาประธานสภาผู้แทนราษฎรให้หลุดมือไปเพียงเพื่อแลกกับ “ความหวังลมๆแล้งๆ”อย่างที่ “หนุ่มทิม” รับหน้าที่แถลงเอง ข้อตกลงร่วมระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยในการยกเก้าอี้ประธานสภาฯให้นายวันนอร์ เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลแห่งความฝันของฝ่ายประชาธิปไตยเดินหน้าล็อก 312 เสียงของ 8 พรรคเสียงข้างมาก กอดคอมัดข้าวต้มต้องรวมพลังหามแห่หัวหน้าพรรคก้าวไกลขึ้นแท่นนายกรัฐมนตรี แท็กทีมโหวตให้นายพิธาขึ้นสวรรค์ สมดังเจตนาของมติประชาชนเสียงส่วนใหญ่ในการเลือกตั้ง หวังข้ามขั้น ล็อกหลักประกันไปถึงช็อต 2 ในการเลือกนายกรัฐมนตรีกับเส้นทางถึงสวรรค์ที่ดูจะ “เลือนราง” เต็มทีด้วยสารพัดคดี “ปักชนัก” ดักหน้าดักหลังของ “พิธา” ทั้งหุ้นสื่อเศษซากไอทีวี ปมขายที่ดินมรดกที่ปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ไหนจะปมโดนร้องนโยบายแก้มาตรา 112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขจะโดนกระตุกเมื่อไหร่ ในเครื่องหมายคำถาม “พ่อส้ม” จะมีโอกาสเข้าสภาวันโหวตเลือกนายกฯหรือไม่ เพราะมันมีเงื่อนไขขอให้ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้วยสถานะของ “พิธา” ยังเต็มไปด้วยปมชนักและนั่นก็จะโยงไปถึงโอกาสในการควานหาแต้มอีก 64 เสียง เพื่อเติมสมการบวกกับ 312 ให้ครบ 376 เสียง ในการโหวตเลือกนายกฯ ในที่ประชุมรัฐสภายังขาดอีกตั้ง 64 เสียง จะไปไล่เก็บเบี้ยใต้ถุนร้านจากไหนภายใต้ “สมการติดล็อก” พรรคก้าวไกลที่บล็อกตัวเอง “ย้ายข้าง” สลับขั้วไม่ได้ ตามอาการที่ “250 ส.ว.ลากตั้ง” ก็ยืนกราน ไม่มีทางโหวตให้พรรคก้าวไกลที่มีนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือจะหันไปหาแต้ม ส.ส. พรรคตัวแปรอาชีพอย่างค่ายเซราะกราว ภูมิใจไทย กับพรรคชาติไทยพัฒนา ก็ล็อกประตู ไม่จับมือกับคนรื้อมาตรา 112เหมือนกันครั้นจะพลิกตาลปัตร “หน้ามืด” หันไปหาค่ายพลังประชารัฐกับรวมไทยสร้างชาติ พรรคก้าวไกลก็ประกาศไว้แล้ว “มีเรา ไม่มีลุง” ปิดสวิตช์ 3 ป.เส้นทางไปต่อของ “พิธา” ตีบตัน ก้าวไกลลากไปไม่นานก็หมดระยะสุดท้ายก็จำเป็นต้องเปลี่ยนสมการ สลายขั้ว 8 พรรค 312 เสียง เปิดทางให้ไปจับติ้วรวมเสียงกันใหม่และเมื่อตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่ใช่คนของพรรคก้าวไกล การจะเล่นเหลี่ยมยื้อ โหวตนายกรัฐมนตรีไปเรื่อยๆก็ทำไม่ได้แล้วแนวโน้ม “วันนอร์” ก็คงจะแข็งใจยื้อให้โอกาสแค่ 2–3 รอบ เท่านั้น.ทีมข่าวการเมือง