ระฆังหมดยกสุดท้าย จบศึกอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ส่งท้ายก่อนปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ และนับไปอีกไม่กี่วันก็จะครบเทอมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 23 มีนาคม 2566แต่ก็เล่นกันสมราคาแมตช์ทิ้งทวน เชือดกันเลือดโชกนองสภาและแน่นอน คนที่สาหัสกว่าใครก็คือทั่นผู้นำทหารอาชีพอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ว่าที่แคนดิเดตนายกฯในบัญชีพรรครวมไทยสร้างชาติเป้ายุทธศาสตร์ของพรรคร่วมฝ่ายค้านโดนรุมถล่มเป็นบ่อน้ำมัน ทั้งประจานฝีมือบริหาร 8 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาลล้มเหลว พาเศรษฐกิจประเทศชาติดิ่งเหว ปล่อยบ้านเมืองเต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชัน ข้าราชการโกงกันโจ๋งครึ่ม ฯลฯ “บิ๊กตู่” เจอกระหน่ำ ลืมทางกลับบ้านแทบไม่ถูกเลยก็แล้วกันโดยเฉพาะดอกที่เข้าตากรรมการ เรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมทางบ้านมากสุดก็คือคิวของตัวจี๊ดอย่างนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ฉายหนังรอบดึกแต่เล่นเอาคนดูตาสว่าง กระตุกท่านผู้นำตาค้างกับข้อมูลลึกๆที่มากับลีลาการอภิปรายได้เร้าอกเร้าใจ ในการแฉประจานขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ แก๊ง “จีนเทา” ที่แทรกซึมเข้ามาบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศไทยพฤติการณ์เหิมเกริมถึงขั้นอ้างผู้มีอำนาจเอื้อประโยชน์ในการกระทำความผิดทั้งฟอกเงินจากการค้ายาเสพติด การเปิดบ่อนพนันออนไลน์ การค้ามนุษย์ หลอกลวงแรงงานผิดกฎหมาย สร้างความเสียหายมูลค่ามหาศาล ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคงเฟื่องฟูในยุครัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ในจุดที่เจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เพราะสาวลึกไปพบว่า ขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติมีเส้นสายโยงใยกับฝ่ายคุมอำนาจในประเทศไทยแบ็กอัปใหญ่โตคับเมืองจนไม่มีใครกล้าแตะต้องเปิดโพยเบื้องหลังเป็นคนระดับสมาชิกวุฒิสภา ที่แต่งตั้งโดย พล.อ.ประยุทธ์ พฤติการณ์อหังการสุดๆถึงขั้นถอนหมายจับได้ แถมตำรวจที่มีผลงานไล่จับ ต้องโดนเด้งจากนครบาลไปอยู่พื้นที่ไกลปืนเที่ยงใหญ่คับบ้านคับเมือง และเรื่องมัน “โป๊ะแตก” ไปกันใหญ่ เมื่อพบว่า “ส.ว.ทรงเอ” จอมฉาว ส่อเกี่ยวข้องเป็นเจ้าของที่ดินและตึกที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติเจ้าภาพใหญ่หนุน “บิ๊กตู่” ชิงเก้าอี้นายกฯรอบสามตามเงื่อนไขที่โยงใยนัวเนีย “บิ๊กตู่” เคลียร์ยังไงก็ลบรอยเปื้อนไม่ออก ยิ่งให้ “เสี่ยแด๊ก” นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ออกมาแก้ตัวแก้ต่างแบบข้างๆคูๆ มันยิ่งสีข้างถลอกไปกันใหญ่ยังไม่นับปม “3 ป. จันทร์โอชา” ที่ฝ่ายค้านช่วยกันขุดคุ้ยพฤติกรรมหลานชายทั่นผู้นำ เปิดบริษัทในค่ายทหาร ฟันงานประมูลโครงการกองทัพ รวยกันสะดือปลิ้นตั้งแง่สงสัยในพฤติการณ์ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้คนรอบตัวกระชาก “หน้ากากคนดี” หลุดหน้าบูดหน้าเบี้ยวเลย และไม่ใช่แค่ “บิ๊กตู่” เท่านั้นที่แสบๆร้อนๆ ระเบิดของ “รังสิมันต์ โรม” ยังเด้งกระดอนไปถึง “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมช.เกษตรฯคนดัง ฟาดหางไปถึง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าค่ายพลังประชารัฐ ที่มีหลักฐานมัดด้วยภาพถ่ายร่วมกับ “ตู้ห่าว” หัวโจกแก๊งจีนเทานั่นไม่เท่ากับเงินบริจาคเข้าพรรคพลังประชารัฐ 2 ล้านบาท ที่มาจากบัญชีของ “ตู้ห่าว”สถานการณ์สุ่มเสี่ยง อาจลามถึงขั้นยุบพรรคได้ทุนจีนเทาเขย่ารัฐบาลทหารเฒ่า 3 ป. สะเทือนกันทั้งแผงและแน่นอน โดยแรงกระเพื่อมจากศึกอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ถือว่าเข้าเหลี่ยมตามน้ำ ฝ่ายค้านต้องลากไปเขย่าต่อในสนามเลือกตั้ง ฝังคราบเทาๆให้รัฐบาล โดยเฉพาะทีมผู้นำทหารเฒ่าลากไปเขย่านอกสภากันได้อีกหลายยก ไม่จำกัดเวทีตามสัญญาณล่าสุดอย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ แบะท่ายอมรับ ได้คิดวันดีเดย์ “ยุบสภา” ไว้ในใจแล้ว โดยแนวโน้มท่านผู้นำเลือกกดปุ่มล้มกระดานนั่นหมายถึงยังเปิดโอกาสให้ “นักเลือกตั้งอาชีพ” ได้เปิดตลาดนัดประมูลค่าตัวย้ายพรรค แข่งกับตลาดนัดวัวควาย โก่งราคาได้จนนาทีสุดท้ายยุบสภาไปแล้วก็ยังย้ายพรรค เปลี่ยนใจได้ทันแถมมันยังมีจุดส่อเค้าจะสะดุด ในกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความปมปัญหาการแบ่งเขตเลือกตั้งและการคำนวณประชากรทำให้เกิดความไม่แน่นอนในการกำหนดวันเลือกตั้งที่ กกต.วางไทม์ไลน์ไว้แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น โดยเงื่อนไขรัฐธรรมนูญล็อกไว้ ประกอบกับความเหมาะสมตามเงื่อนไขสถานการณ์ทุกฝ่ายก็ยังเชื่อว่า การเลือกตั้งใหญ่จะเกิดขึ้นภายในเดือนพฤษภาคมปีนี้แน่และก็เป็นอะไรที่เดินเกม วางหมากข้ามช็อตกันไปไกลแล้วตามแนวโน้มความเคลื่อนไหวร้อนแรงในศึกชิงพลิกขั้วอำนาจ เปิดไพ่แบยุทธศาสตร์กันตั้งแต่หัววัน กับปฏิบัติการตีปี๊บของนายวันชัย สอนศิริ ส.ว.ลากตั้ง ตัวจี๊ด ออกมาโยนทุ่น “ส.ว.แลนด์สไลด์” เคลมเสียง 250 ส.ว.ต่อต้าน “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยว่าที่แคนดิเดต “นายกฯนอมินี” ทีมนายห้างดูไบ“เต็งหาม” นายกฯโพลทุกสำนัก คะแนนนำโด่งตั้งแต่ยังไม่เข้าโค้งสู่ทางตรง“อุ๊งอิ๊ง” อุ้มท้อง ถือธงนำยุทธการแห่ “แลนด์สไลด์” ทำได้ตามเป้าของพ่อ กระแสเข้าเหลี่ยมโคตรเซียนการตลาดยี่ห้อ “ทักษิณ ชินวัตร” กวาดแต้มได้เป็นกอบเป็นกำแต่ก็ระส่ำเลยเหมือนกัน เมื่อเจอมุก “ส.ว.แลนด์สไลด์” ขวางลำทำเอาลูกข่ายพรรคเพื่อไทยต้องออกมากระแทกกลับนายวันชัย ปลุกกระแสกองเชียร์ กระตุ้นแนวร่วมต่อต้านอำนาจ “ส.ว.ลากตั้ง” กันขนานใหญ่สะท้อนอาการหวั่นไหว สะดุ้งกับ “กำแพงใหญ่” ที่ขวางอยู่ข้างหน้าตามรูปการณ์ที่พรรคเพื่อไทยรู้เลยว่า ต้องเจอโจทย์ยากซ้อนโจทย์ยาก นอกจากปั่นแต้มแลนด์สไลด์ โกยแต้ม ส.ส.ในสนามเลือกตั้งใหญ่แบบเหมาทั้งแผ่นดินให้ได้ยังต้องไปติดด่าน “ส.ว.ลากตั้ง” ที่ตั้งด่านสกัดเต็มที่“อุ๊งอิ๊ง” นำโด่ง แต่ต้องผ่าน 2-3 ด่าน ไม่ใช่งานง่ายเลยมันคือความชัดเจนที่เปิดไพ่เล่นกันตั้งแต่หัววัน ยุทธการชิงพลิกขั้วอำนาจ ทีมนายห้างดูไบยังต้องลุ้นหนักในการผ่านด่าน “ความมั่นคง”ธงต้าน “อุ๊งอิ๊ง” ถูก “ส.ว.ลากตั้ง” ชูขึ้นยอดเสา เขย่าเพื่อไทยแลนด์สไลด์เป็นช็อตต่อเนื่อง จากที่ก่อนหน้ามีการโยนหินชื่อของ “สุรเกียรติ์ เสถียร ไทย” อดีตรองนายกฯในรัฐบาลไทยรักไทย มาถามทาง แต่หายต๋อมที่แน่ๆตามสัญญาณที่พรรคเพื่อไทยต้องยอมรับ แรงต้าน “ทักษิณ” ยังหนาแน่นแผนการกลับบ้านโดยอาศัยชัยชนะในสนามเลือกตั้ง ยังถูกดักไว้ด้วยค่ายกลของรัฐธรรมนูญฉบับ “ซือแป๋” มีชัย ฤชุพันธุ์ ให้ “ส.ว.ลากตั้ง” เป็นด่านสกัด หรือแม้แต่การเตรียม “ทางลัด” โดยยุทธการฮั้วข้ามขั้ว ดีลข้ามค่าย เปิดสูตรรัฐบาลเพื่อไทยแท็กทีมพลังประชารัฐ ดัน “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขึ้นแท่นนายกรัฐมนตรีนำขบวนรัฐบาลข้ามความขัดแย้ง ผ่านด่านความมั่นคงมันก็ยังหนีไม่พ้นพงหนาม ตามเสียงขู่คำรามของ “ตุ๊ดตู่” นายจตุพร พรหมพันธุ์ หัวโจก นปช. พร้อมปลุกม็อบแดงแปรพักตร์ แท็กทีมสลิ่ม กปปส. ขวางทางเกมฮั้วของ “บิ๊กบราเธอร์” กับ “นายใหญ่”ดักหน้า ดักหลัง ขวางมันทุกทิศทุกทาง“อุ๊งอิ๊ง” นำโด่ง พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ก็ไม่มีหลักประกันว่าจะตั้งรัฐบาลได้และโดยเงื่อนไขสถานการณ์ที่สลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน มันก็ไม่แปลกใจที่ “บิ๊กตู่” ยังดูมั่นอกมั่นใจ ในเส้นทางที่จะได้ไปต่อ สร้างประวัติศาสตร์เบิ้ลเก้าอี้นายกฯรอบ 3สวนทางกับสภาพร่อแร่ ค่ายรวมไทยสร้างชาติยังต้องไล่เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน มีแต่พวกแกนนำม็อบ กปปส. “ตีนลอย” กับ ส.ส.ดาวกระจาย ไร้กองกำลังบ้านใหญ่ ไล่ดูด ส.ส.จากป้อมค่ายอื่นก็ไม่เข้าเป้าล่าสุดโดนฝ่ายค้านขึงพืดประจานมอมแมม “หน้ากากคนดี” หลุดลุ่ยแต่ถ้าบุญพาวาสนาส่งซะอย่าง อะไรก็ขวาง “บิ๊กตู่” ไม่ได้.“ทีมการเมือง”