ออกจากกรุงเทพฯแปดโมงครึ่ง 5 ก.พ. ไหว้พระธาตุพนมแล้ว ห้าโมงเย็นถึงกำหนดการ มอบรางวัลโพธิคยานาคาธิบดี ที่สวนฯพญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช แก่งกะเบา อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหารทำไม? พิธีมอบรางวัล บุคคล และองค์กร ผู้บริหารองค์กร ด้วยแนวทางพุทธศาสนา อย่างคุณขรรค์ชัย บุนปาน คนระดับตำนานสื่อประเทศไทย 1 ใน 11 จึงต้องไปทำกันไกลถึงริมแม่น้ำโขง...ผมว่านะ ไม่ใช่ผมคนเดียว หลายคนคงมีคำถามผมสงบใจดูพิธีพราหมณ์ บวงสรวงพญานาคและทวยเทพลุ่มน้ำโขง มีเสียงลั่นฆ้องเป่าสังข์ประโคม ฯลฯ ตามด้วยพิธีพุทธศาสนา บนเวทีที่มีฉากหลังพญานาคใหญ่ สีขาว มีแสงไฟส่องแว่บวาบ ผมเผลอเห็นพญานาคขยับไหวชื่อพญาศรีภุชงค์มุกดาฯ บอกนัยให้นึกถึง ชื่อสกุล “วีระภุชงค์” เจ้าของมูลนิธิ รวมกับคำ “มุกดา” ชื่อจังหวัดที่ตั้งสถานที่...นี่น่าจะเป็นเหตุผลใหญ่ ทำให้พวกเรามาถึงระหว่างผู้รับรางวัลแต่ละท่านถูกขานชื่อ ขึ้นรับรางวัลบนเวทีมีคำประกาศเกียรติคุณพร้อมๆกับเสียงพระสวดชยันโต...เป็นพิธีที่อบอวลด้วยกลิ่นอายงานบุญบรรยากาศงานมอบรางวัลแปลกใหม่ ที่สังคมไทยส่วนอื่น...อาจไม่คุ้นเคยมาก่อน แต่ผู้คนในสังคม ธรรมยาตรา 5 แผ่นดิน...เคยชินเพราะทำกันมาเนิ่นนาน จนเห็นเป็นธรรมดาตอนจบงาน...ด้วยการจุดพลุ...เฉลิมฉลอง ผมก็ยังคงเก็บปมคำถามทำไม ไว้ในใจสถานที่ริมแก่งกะเบา ริมแม่น้ำโขง ดินแดนที่ตำนานกล่าวขานว่า เกิดจากพญานาคใหญ่ เลื้อยออกจากหนองแส เมืองน่านเจ้า...ออกมาทางใต้ เกิดเป็นทางแม่น้ำใหญ่...ไม่แปลกที่ความเชื่อบั้งไฟพญานาค ตั้งแต่หนองคาย...เรื่อยมาถึงนครพนม...มุกดาหารและยิ่งไม่แปลกที่ถึงวันนี้ไปที่ไหนๆ ในละแวกริมฝั่งแม่น้ำโขง จะพบพญานาคใหญ่ ชูหงอน ตวัดหาง ในท่วงท่าลีลาต่างๆ พญานาคตัวจริง จะมีจริงหรือไม่?แต่หากเป็นพญานาคตามความเชื่อทางพุทธศาสนา สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 สนับสนุนให้มีงานวิจัย...โดยสงฆ์ผู้ทรงปัญญา จากคณะพุทธศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ไม่นานเกินรอเราคงได้อ่านความเชื่อนั้น...หากปรากฏในใจ...ใช้เป็นคุณ เชื่อมโยงให้เข้าใจคำสอนของพระพุทธศาสนา...ก็เป็นคุณยิ่งใหญ่ ในการดำเนินชีวิตไปข้างหน้าแต่หากใช้โน้มน้าว ให้หลงไปในทางอภินิหารนำไปสู่ความงมงายไร้เหตุผล...ก็จะเข้าข่ายศิลพตปรามาส...ความยึดมั่นในศีลพรต ความเชื่อมงคลตื่นข่าวเหลวไหลไม่ว่านาคหรือพญานาค ในโลกความจริงจะเป็นเช่นไรแต่นาคในโลกเหนือจริง ชัดเจนในใจคนโบราณนับเนื่องมาแต่สมัยพุทธกาล คำ “นาค” และ “ภุชงค์” ใช้ผกผันถึงสองสิ่งยิ่งใหญ่ ระหว่างงูกับช้างคำหนึ่ง ภุชงคประยาต...ชื่อฉันท์ ใช้จังหวะคำ ลหุ (เบา) 1 ครุ (หนัก) 2 เดินแบบช้าง งามสง่า หนักแน่นมั่นคงอีกคำ นาคาวโลก เชื่อเรียกพระพุทธรูป ปางพระพุทธเจ้าผินหลัง ดูเมืองไพศาลี...มีคำอธิบาย เป็นกิริยาเหลียวหลังเสมือนกิริยาพญาช้าง ถอดรหัสเป็นคำสอนธรรม...ระหว่างการเดินทาง มองไปข้างหน้า ก็ควรตั้งสติระวังหลังไม่ว่าคน บริษัท องค์กร พรรคการเมืองไปถึงรัฐบาล ผมอยากให้ใช้ประโยชน์จากความเชื่อเรื่องนาค ท่องคาถาสองคำ ภุชงค ประยาต นาคาวโลกแล้วระลึกว่า ระหว่างการเดินทาง ควรรู้จักจังหวะเบาหนัก รู้จักมองหลัง...จะก้าวหน้าไปถึงความสวัสดีมีชัย.กิเลน ประลองเชิง