คดีเหมืองทองคำอัคราของบริษัท คิงส์เกต ออสเตรเลีย ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียกค่าเสียหายเป็นมูลค่ากว่าสามหมื่นล้านบาท ยืดเยื้อคาราคาซังมาแล้วกว่า 5 ปีโดยบริษัทคิงส์เกตยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ ต่ออนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ กรณีใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ ม.44 สั่งปิดเหมืองทองอัครา เป็นการละเมิดสนธิสัญญาการค้าการลงทุนและข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลียทำให้เอกชนผู้ได้รับสัมปทานเหมืองแร่ทองคำได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงคดีนี้ฝ่ายจำเลยคือนายกฯลุงตู่ เสียเปรียบเต็มประตูเพราะอำนาจ ม.44 ไม่เป็นที่ยอมรับตามหลักสากลโอกาสที่จะแพ้คดีสูงเกิน 80 เปอร์เซ็นต์ถ้าแพ้คดีจะต้องเอางบประมาณแผ่นดินไปจ่ายค่าเสียหายให้บริษัทคิงส์เกตอีกอานตะไทรัฐบาลไทยจึงต้องเจรจาเกี้ยเซียะ ขอให้บริษัทคิงส์เกตถอนฟ้องคดีก่อนรัฐบาลชุดนี้จะครบเทอมโดยฝ่ายไทยยินยอมคืนสัมปทานเหมืองทองคำที่ถูกปิดไปให้กลับมาผลิตได้ตามเดิมยอมให้ขนแร่ทองคำที่ถูกยึดไว้นำออกไปขายได้เงินอีกก้อนโตแต่บริษัทคิงส์เกตได้คืบจะเอาศอก ได้ศอกจะเอาวาตั้งแง่ต่อรองผลประโยชน์จากรัฐบาลไทยแลกเปลี่ยนกับการยอมถอนฟ้องคดี“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า รัฐบาลลุงตู่ กลัวแพ้คดีจึงต้องยอมประเคนใบอนุญาตสำรวจแร่ทองคำเพิ่มอีก 44 แปลงรวมเป็นเนื้อที่เกือบ 400,000 ไร่ ตามที่ฝรั่งต้องการแค่นั้นยังไม่หนำใจ รัฐบาลลุงตู่ยังไฟเขียวให้ออกใบอนุญาตให้บริษัทคิงส์เกตสำรวจและผลิตแร่เพิ่มอีก 66 แปลง รวมเป็นเนื้อที่เกือบ 600,000 ไร่ทั้งๆที่สัมปทานเดิมเหมืองทองคำอัครามีพื้นที่เพียง 2,400 ไร่เท่านั้นเองเท่ากับรัฐบาลยอมให้บริษัทคิงส์เกตสำรวจผลิตแร่เพิ่มอีก 1 ล้านไร่ แลกกับการถอนฟ้องนายกรัฐมนตรี!!เป็นบทเรียนราคาแพงของนายกฯลุงตู่ต้องรับไปเต็มๆ“แม่ลูกจันทร์” มั่นใจว่า บริษัทคิงส์เกตจะยินยอมถอนฟ้อง นายกฯลุงตู่ ก่อนสิ้นปีนี้ตามข้อตกลงยื่นหมูยื่นแมวโดยบริษัทเหมืองทองอัคราได้กลับมาซ่อมแซมเครื่องจักรกลและโรงถลุงแร่ทองคำที่ถูกปิดไป 5 ปี ให้มีสภาพพร้อมเดินเครื่องใหม่ ตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไปแถมเปิดรับสมัครพนักงานใหม่ไปแล้ว 160 คนสรุปว่า คดีนายกฯลุงตู่ใช้ ม.44 สั่งปิดเหมืองทองคำอัคราได้ย้อนกลับมาตรงจุดเดิม!!สัมปทานเหมืองทองคำที่หยุดการผลิต 5 ปี จะได้รับการขยายเพิ่มให้เท่าเดิมหรือยาวยิ่งกว่าเดิมส่วนข้อกล่าวหาเหมืองแร่ทองคำก่อมลพิษทำลายสิ่งแวดล้อมก็ไม่ต้องพูดถึงให้กระเทือนซางเรื่องมันแล้วไปแล้วจะฟื้นฝอยหาตะเข็บทำไมล่ะโยม??“แม่ลูกจันทร์”