พลังประชารัฐเคลียร์ปมเงินบริจาค 3 ล้าน ยืนยันดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมส่งข้อมูลให้ กกต.ตรวจสอบมั่นใจไม่ถูกยุบพรรคแน่ นายทุนจีนโต้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวสุจริต ขู่ฟ้องหมิ่นประมาทคนป้ายสี ฝ่ายค้านเตรียมยื่นซักฟอก ไม่ลงมติกลางเดือน พ.ย.นี้ ประสานเสียงรัฐบาลไปไม่รอด ล่มก่อนอยู่ครบวาระ ก้าวไกลคาดไทม์ไลน์ “บิ๊กตู่” ยุบสภาช่วงปีใหม่ อ่านไต๋เตรียมวางแผนทำโครงการแจกเงินช่วงโค้งสุดท้าย จูงใจประชาชนเลือกเข้ามาใหม่ “บิ๊กป้อม” เปิดนโยบายสังคมประชารัฐ ขับเคลื่อนสังคมสงบสุข เข้มแข็ง แบ่งปัน เพื่อไทยร่อนแถลงการณ์ประณามมติ ครม.ออกกฎกระทรวงเอื้อประโยชน์ต่างชาติซื้อที่ดินประเทศ ไทย เฉ่งไม่ปกป้องแผ่นดินให้ลูกหลานหลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมตั้งเรื่องตรวจสอบกรณีนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ นายทุนจีนที่ได้รับสัญชาติไทย บริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐ 3 ล้านบาท อาจเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ถึงขั้นถูกยุบพรรค ล่าสุดนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันขั้นตอนรับเงินบริจาคพรรคพลังประชารัฐ ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมให้ กกต.ตรวจสอบพปชร.ยันเงินบริจาค 3 ล้านถูก ก.ม.เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 29 ต.ค. นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ นายทุนจีนที่ได้รับสัญชาติไทย มีชื่อบริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐ 3 ล้านบาท เมื่อปี 2564 ว่า เบื้องต้นพรรคพลังประชารัฐตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว ยืนยันดำเนินการตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองทุกประการ ไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย ขั้นตอนการรับบริจาค กฎหมายพรรคการเมืองเขียนไว้อย่างเคร่งครัด เมื่อได้รับบริจาคมาแล้ว ต้องทำรายงานจัดส่งเอกสารหลักฐานต่างๆ รวมทั้งสำเนาบัตรประชาชนผู้บริจาค รายงานให้ กกต.รับทราบ กรณีนี้ได้รับบริจาคเดือน พ.ค.2564 พรรคพลังประชารัฐระวังการกระทำต่างๆ ยืนยันทำทุกอย่างถูกต้อง แต่ห่วงการแสดงความเห็นบางคน อย่าใส่ความให้พรรคเสียหาย เพราะพรรคพลังประชารัฐไม่ได้ทำผิดกฎหมายแน่นอน ไม่มีการยุบพรรคอยู่แล้ว ในฐานะฝ่ายกฎหมายตรวจสอบครบถ้วนแล้ว หาก กกต.จะขอข้อมูลเอกสาร หรือเรียกไปสอบ ก็พร้อมส่งข้อมูลให้ เชื่อว่า กกต.คงตรวจสอบกระบวนการรับบริจาคปี 2564 มาบ้างแล้ว พรรคพลังประชารัฐมั่นใจไม่มีปัญหาอะไรซัด “นิพิฏฐ์” จ้องสร้างความสับสนนายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษา รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊กวิจารณ์นายกรัฐมนตรีไม่สง่างามกรณีพรรคพลังประชารัฐรับเงินบริจาค 3 ล้านบาท จากบุคคลต่างด้าวว่า เรื่องการจับกุมผับชาวจีนที่แปลงสัญชาตินั้น ปลัดกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังตรวจสอบอยู่ นายนิพิฏฐ์ไม่ควรแสดงความเห็นในลักษณะที่มีนายกรัฐมนตรี รมว.มหาดไทยไปเกี่ยวข้องให้เกิดความสับสน เรื่องเงินบริจาค 3 ล้านบาทให้พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และประธานยุทธศาสตร์พรรค ระบุ พรรคชี้แจงกับ กกต.ไปแล้ว ใครจะบริจาคเงินเข้าพรรคไม่สามารถรู้รายละเอียดส่วนลึกแต่ละบุคคลได้ แต่ตรวจดูเงินมาในรูปแบบที่ กกต.กำหนดไว้ถูกต้องครบถ้วน นายนิพิฏฐ์ไม่ควรทำลายความน่าเชื่อถือผู้อื่น หวังผลประโยชน์การเมือง เล่นการเมืองไม่สร้างสรรค์ เริ่มสงสารพรรคสร้างอนาคตไทยเอาคนแบบนี้เป็นรองหัวหน้าพรรค เป็นพรรคใหม่เน้นทำประโยชน์ให้ประเทศ แต่เอาเวลามาโจมตีคนอื่น ยังไม่ทันได้เข้าสภา ประชาชนจะเบื่อพรรคนี้แล้วนายทุนจีนยันทำอาชีพสุจริตนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ ผู้บริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐ 3 ล้านบาท ปี 2564 กล่าวถึงกรณีถูกกล่าวหาเป็นเจ้าของอาคารสถานบันเทิงจินหลิงที่ถูกตำรวจเข้าตรวจค้นพบยาเสพติด ว่า ข่าว ทั้งหมดเป็นเท็จ เป็นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวโดยสุจริต ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆกับการกระทำตามรายงานข่าวแน่นอน สถานที่ประกอบการดังกล่าว เป็นของสมาคมใหหนำ ให้เช่าแก่ผู้อื่น ทราบว่าผู้เช่านำสถานที่ดังกล่าวให้เช่าช่วงแก่ผู้อื่นไปตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2564 ผู้เช่าช่วงซึ่งเป็นผู้ประกอบการสถานที่ดังกล่าวได้ต่อสัญญาครั้งที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2565 เป็นเวลา 3 ปี ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทราบว่าผู้เช่าช่วงมีตัวตนเป็นหลักแหล่ง การเสนอข่าวดังกล่าวถือว่าหมิ่นประมาท จะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่ง คาดว่าจะดำเนินคดีได้ภายในสัปดาห์หน้า ขอให้สื่อยุติการกระทำผิดซ้ำ แขวะ พปชร.ไขสือที่มาเงินบริจาคนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่ กกต.เตรียมตรวจสอบพรรคพลังประชารัฐ ทำผิดมาตรา 74 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง รับเงินบริจาคจากบุคคลไม่ได้ถือสัญชาติไทยนั้น พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้ตรวจสอบ เพราะเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้น แต่หลักการรับเงินบริจาคของพรรคการเมืองระบุไว้ใน พ.ร.บ.พรรคการเมืองชัดเจน ต้องปฏิบัติตาม ผู้บริหารพรรคต้องรู้และแสวงหาข้อมูลว่าผู้บริจาคและเงินบริจาคมีที่มาอย่างไร เมื่อถามว่าพรรคพลังประชารัฐจะถูกยุบพรรคจากกรณีเงินบริจาคหรือไม่ นพ.ชลน่านตอบว่า พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับช่องทางร้องยุบพรรคตามกฎหมายปัจจุบันที่มี 13 ช่องทาง แบ่งเป็นตามรัฐธรรมนูญ 3 ช่องทาง และกฎหมายลูก 10 ช่องทาง พรรคเพื่อไทยประกาศชัด ไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคโดยไม่มีเหตุผล เคยเสนอแก้กฎหมายและแก้รัฐธรรมนูญว่าการยุบพรรคควรมีเหตุเดียวคือการล้มล้างการปกครองเท่านั้นยื่นซักฟอกไม่ลงมติกลาง พ.ย.นพ.ชลน่านยังกล่าวถึงความคืบหน้าการยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 โดยไม่มีการลงมติว่า เดิมฝ่ายค้านเห็นเป็นเรื่องด่วน จะยื่นตั้งแต่เปิดสภา แต่มีเรื่องด่วนมากกว่าคือ ญัตติด่วนโศกนาฏกรรม จ.หนองบัวลำภู และปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก จำเป็นต้องเลื่อนการยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 เป็นกลางเดือน พ.ย. คาดว่า เป็นวันที่ 15-16 พ.ย. จะได้อภิปรายกลางเดือน ธ.ค. ญัตติดังกล่าวจะตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน สอบถามปัญหา เสนอแนะแนวทางให้ผู้บริหารนำไปปรับใช้ เนื้อหาที่จะอภิปรายคือ นโยบายเร่งด่วน 12 ข้อของรัฐบาล จะเจาะลึกข้อเท็จจริงต่างๆ โดยเฉพาะยาเสพติด บ่อน การปราบปรามผู้มีอิทธิพล แต่กังวลการอภิปรายช่วงเวลาดังกล่าวอาจไม่ได้รับความสนใจ จากประชาชน เพราะเป็นช่วงเทศกาลท่องเที่ยวปลายปีเชื่อเรือเหล็กจมก่อนครบวาระนพ.ชลน่านกล่าวว่า เมื่อดูสถานการณ์ปัจจุบัน ถ้าไม่ยื่นอภิปรายช่วงนี้จะไม่มีโอกาสอภิปราย อาจมีอุบัติเหตุทางการเมืองหลังการประชุมเอเปก เช่น การยุบสภาเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 24 ธ.ค.ตามกระแสข่าว แต่เป็นเพียงคาดการณ์ ไม่มีใครรู้ เพราะผู้มีอำนาจยุบสภาคือ นายกรัฐมนตรี แต่การประมวลสถานการณ์การเมือง น่าจะยุบสภาเกิดขึ้นก่อนครบวาระ มีความมั่นใจ 90% เนื่องจากเป็นช่วงที่รัฐบาลได้ประโยชน์มากสุด ทั้งการเลือกตั้งที่ประชาชนไว้วางใจให้ทำหน้าที่ต่อ และมีมาตรการทำให้ประชาชนเชื่อมั่น เช่น ของขวัญปีใหม่จากงบประมาณแผ่นดิน จัดโครงการแจกแถม เช่น เร่งลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เมื่อโครงการเหล่านี้ดำเนินการแล้ว จะเป็นประโยชน์กับรัฐบาลช่วงยุบสภาอ่านไต๋แจกดะแล้วยุบสภานายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการยื่นญัตติอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ของพรรคร่วมฝ่ายค้านช่วงกลางเดือน พ.ย.ว่า การอภิปรายครั้งนี้เข้าใกล้การเลือกตั้งใหม่ จะหยิบยกประเด็นต่างๆ เช่น เหตุกราดยิงที่ จ.หนองบัวลำภู กลุ่มทุนจีนบริจาคเงิน 3 ล้านบาทให้พรรคพลังประชารัฐ และการบริหารจัดการน้ำท่วมหลายจังหวัดที่ไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากรัฐบาลขาดเสถียรภาพ นี่คือความล้มเหลวรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากดูสถานการณ์จะพบว่า รัฐบาลกำลังวางแผนแจกเงินประชาชนช่วงโค้งสุดท้าย และมีแผนยุบสภาช่วงปีใหม่ เป็นช่วงเดียวกับการแข่งขันฟุตบอลโลก ทำให้ประชาชนเปลี่ยนความสนใจจากการเมืองมาสนใจกีฬา อีกทั้งช่วงเทศกาลปีใหม่ รัฐบาลกำลังปูทางแจกของขวัญปีใหม่ เปิดรับลงทะเบียนบัตรคนจนรอบใหม่ เป็นการซื้อเสียงล่วงหน้าให้พรรคแกนนำรัฐบาลหรือพรรคพลังประชารัฐ ไทม์ไลน์จะเป็นการแจกปุ๊บยุบสภา ให้ประชาชนจดจำการแจกครั้งนี้ และเลือกเข้ามาอีก แต่ไม่เชื่อประชาชนจะเป็นแบบนั้นค้านหัวชนฝาสกัดต่างชาติซื้อที่อีกเรื่อง กรณี ครม.มีมติออกกฎกระทรวงให้คนต่างด้าวซื้อที่ดินในประเทศไทยได้ 1 ไร่ หากนำเงินมาลงทุนในประเทศ 40 ล้านบาท ต่อเนื่อง 3 ปีนั้น พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับกฎกระทรวงดังกล่าว ระบุว่า การถือครองที่ดินของคนต่างด้าวกระทบต่อชีวิตคนไทย แทนที่จะคำนึงการช่วยคนไทยที่ไม่มีบ้าน ที่ดินของตัวเองในปัจจุบัน และอนาคตต้องซื้อบ้าน ที่ดินในราคาสูงขึ้นจากกลไกการตลาด พรรคเพื่อไทยเห็นว่า เนื้อหากฎกระทรวงปี 2545 ในเรื่องเดียวกัน มีความเข้มงวด กำหนดเงื่อนไขคนต่างด้าวซื้อที่ดินได้ยากกว่า มีบริบทแตกต่างจากปี 2565 เนื่องจากรัฐบาลปี 2545 ภายใต้การนำพรรคไทยรักไทยเพิ่งมาบริหารประเทศปี 2544 หลังวิกฤติต้มยำกุ้ง ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขต่างๆ ตามข้อตกลงกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) โดยเฉพาะเงื่อนไขต้องแก้ไขกฎหมายบางเรื่อง และชำระหนี้ไอเอ็มเอฟ แต่การจะออกกฎกระทรวงของรัฐบาลขณะนี้ เพื่อแก้วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดจากความล้มเหลวการบริหารงานของรัฐบาล ถือเป็นหลักฐานชี้ชัดความล้มเหลวการบริหารงานรัฐบาลนี้เฉ่งไม่ปกป้องที่ดินให้ลูกหลานแถลงการณ์ระบุว่า พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับการลดเงื่อนไขให้คนต่างด้าวซื้อที่ดินได้ง่ายขึ้น ทั้งการลดเงื่อนไขระยะเวลาลงทุนลงจาก 5 ปี เหลือ 3 ปี และเพิ่มประเภทการลงทุนที่ไม่ก่อให้เกิดการลงทุนในภาคธุรกิจ แต่เปิดโอกาสให้นักลงทุนในตลาดการเงินเข้ามาหาประโยชน์ระยะสั้น และถอนทุนออกได้ง่าย ทุกคนมีหน้าที่รักษาทรัพยากรที่ดินไว้ให้ลูกหลานในอนาคต แต่รัฐบาลล้มเหลวในการเข้าใจเจตนารมณ์นี้ ถ้ารัฐบาลออกกฎกระทรวงดังกล่าว พรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าคัดค้าน ถ้าพรรคได้รับความไว้วางใจเป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง จะแก้ไขกฎกระทรวงการซื้อที่ดินของคนต่างด้าวให้สอดคล้องกฎกระทรวงที่ใช้บังคับตั้งแต่ปี 2545 ที่มีเงื่อนไขเข้มงวด ตั้งแต่ใช้บังคับมา มีการถือครองที่ดินตามกฎกระทรวงดังกล่าวไม่กี่ราย ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์กฎหมาย ลักไก่แก้กฎกระทรวงหนีสภาวันเดียวกัน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า ดูลึกๆเกี่ยวกับมติ ครม.ให้ต่างชาติครอบครองที่ดินได้ 1.การออกเป็นกฎกระทรวงเป็นไปตาม พ.ร.บ.ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 96 ทวิ อนุญาตให้ต่างชาติถือครองที่ดินตามหลักเกณฑ์ในกฎกระทรวง 2.การเสนอเข้าที่ประชุม ครม.วันที่ 25 ต.ค.2565 เสนอให้แก้ระดับกฎกระทรวงไม่ใช่แก้ พ.ร.บ.หลีกเลี่ยงการเสนอเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา 3.หลักเกณฑ์ที่แก้ไขเป็นเรื่องใหญ่คือ เปลี่ยนกฎเกณฑ์ลงทุนของต่างชาติ เดิมลงทุนผ่านการส่งเสริมจากบีโอไอ เป็นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล กองทุนรวมบางประเภท มีกำหนด 3 ปี 4.ตัวเลขเงินลงทุน 40 ล้านบาท เป็นไปตามที่กำหนดใน พ.ร.บ.ที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2542 หรือ 23 ปีที่แล้ว ค่าของเงินในอดีตกับปัจจุบันเปลี่ยนไปมาก สมควรแก้ แต่รัฐบาลกลับเลือกไม่แก้ หากแก้ต้องเสนอเป็นร่าง พ.ร.บ.เข้าสภาใช้เวลาพิจารณา 5.ข้อสรุปเรื่องนี้คือ รัฐบาลเลือกเอาสิ่งที่ทำง่าย ไม่สนใจขั้นตอนนิติบัญญัติต้องผ่านสภา ไม่รักษาประโยชน์ประเทศถึงที่สุด 6.สิ่งที่รัฐบาลพึงทำคือ เปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชน ก่อนออกเป็นกฎกระทรวง ไม่ต้องรีบเร่ง มิฉะนั้น สิ่งที่ประชาชนสงสัย รัฐบาลคิดเอื้อประโยชน์ต่างชาติจะเป็นจริง ไม่เหลือความเชื่อถือ หรือกลัวเลือกตั้งจะแพ้น้อยไปครป.ต้าน ก.ม.ขายแผ่นดินชาติที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) แถลงว่า ครป.และภาคประชาชนขอคัดค้านมติ ครม.อนุญาตให้ต่างชาติครอบครองที่ดินในเมืองไทยได้ หากมีการนำเงินมาลงทุนมากกว่า 40 ล้านบาท เท่ากับเป็นนโยบายขายชาติ ขายแผ่นดิน แม้จะกำหนดระยะเวลาแค่ 5 ปี ก็เพียงพอทำให้เมืองไทยไร้แผ่นดิน เพราะนายทุนโลกที่มีศักยภาพสามารถมาช้อนซื้อที่ดินได้จำนวนมาก ทั้งยังมีสอดไส้ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่ 6/2565 อนุญาตนิติบุคคลต่างด้าวที่มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท ถือกรรมสิทธิ์ถาวรที่พักอาศัยและสำนักงานได้ถึง 35 ไร่ ขอเรียกร้องรัฐบาลและบีโอไอเปิดเผยข้อมูลส่งเสริมการลงทุนแก่กลุ่มทุน ต่างๆทั้งหมดอย่างโปร่งใส และให้ ป.ป.ช.และป.ป.ท.ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจังจุดยืนเปลี่ยนทำ ปชป.เลือดทะลักนายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตกรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ว่า เคารพนายไตรรงค์เหมือนพี่ชายแท้ๆ เป็นผู้อาวุโสพรรค มีชื่อเสียงทางการเมือง ข้อความที่ระบุลาออกทั้งที่ยังรักพรรคประชาธิปัตย์ แปลว่าการลาออกครั้งนี้ นายไตรรงค์มองอุดมการณ์พรรคเปลี่ยนไป เป็นเหตุที่สมาชิกพรรคที่มีชื่อเสียงและรัฐมนตรีหลายคนลาออกจากพรรคกว่า 30 คน สิ่งที่นายไตรรงค์ระบุสอดคล้องสิ่งที่ตนคิด และใกล้ถึงเวลาที่ตนต้องจากพรรคนี้เช่นกัน ต่างกันที่นายไตรรงค์เลือกลาออก แต่ตนถูกบีบให้ออก ด้วยการไม่ส่งลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส. เพราะเตือนพรรคด้วยความหวังดี แต่ผู้บริหารพรรคไม่ฟัง ส่วนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อยากให้ไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐนั้น นายนิโรธ สุนทรเลขา ประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ประสานมาแล้ว จะคุยกันสัปดาห์หน้า ผลเป็นอย่างไรจะแจ้งให้ทราบ พปชร.เปิดนโยบายสังคมประชารัฐพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายขับเคลื่อน “สังคมประชารัฐ สงบสุข เข้มแข็ง แบ่งปัน” เป็น 1 ใน 3 พันธกิจหลักที่มีเป้าหมาย 4 ด้านประกอบด้วย 1.กระจายความเจริญสู่ภูมิภาค สร้างเมืองน่าอยู่ใกล้บ้าน เป็นแหล่งสร้างงาน สร้างอาชีพด้วยแนวคิด 30 เมืองน่าอยู่ ประชาชนมีส่วนร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างที่อยู่อาศัย พัฒนาย่านธุรกิจ นวัตกรรม 2.ชุมชนประชารัฐ ร่วมพัฒนาบ้านเกิด “ชุมชนเข้มแข็ง” ให้ทุกคนอยากกลับไปพัฒนาบ้านเกิด มีกองทุนพัฒนาชุมชนประชารัฐ แหล่งน้ำชุมชน โครงการป่าไม้มีค่า สร้างวิสาหกิจชุมชน 3.เมืองอัจฉริยะสีเขียว เพื่อความสุขทุกคน ปรับเป็นเมืองอัจฉริยะสีเขียว ใช้เทคโนโลยีเหมาะสม ให้คนอยู่กับสภาพแวดล้อมอย่างมีความสุข 4.สังคมประชารัฐสีขาว สังคมจะสงบสุข เข้มแข็ง แบ่งปันได้ ต้องเป็นประชารัฐสีขาว ที่ปลอดภัย ปลอดโรค ปลอดยาเสพติด ส่งเสริมจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อสังคม พัฒนาศักยภาพชุมชน รัฐทำหน้าที่ออกมาตรการส่งเสริมให้เกิดการจัดตั้งกองทุน เข้าไประดมทุนจากนักลงทุนในตลาดทุนทั้งในและต่างประเทศ คณะกรรมการที่คัดเลือกจากนักลงทุนด้วยกันพท.เชียร์สุรา–ขยี้กัญชาเสรีนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรว่า พรรคเพื่อไทยสนับสนุนกัญชาเพื่อการแพทย์ แต่ไม่เห็นด้วยกับกัญชาเสรีเพื่อสันทนาการ จึงคาดหวังกฎหมายนี้ต้องควบคุมไม่ให้มีกัญชาเสรี แต่ร่างกฎหมายหละหลวมมาก ไม่มีมาตรการควบคุมกัญชาเสรีได้ เปิดช่องใช้กัญชาอย่างแพร่หลาย แม้วาระ 2 จะปรับปรุงแก้ไขเนื้อหาได้ แต่ถ้าเสียงข้างมากดันทุรัง พรรคเพื่อไทยต้องมีมติไม่เห็นด้วย ส่วนร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ที่รัฐบาลส่งสัญญาณคว่ำนั้น ร่างที่กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว เปิดช่องให้ผลิตสุราชุมชน ให้ผู้ผลิตมาขึ้นทะเบียน เพื่อความหลากหลายมากขึ้น หลักการนี้พรรคเพื่อไทยทำมาตลอดตั้งแต่สมัยไทยรักไทย ผลักดันสุราชุมชน แต่ไม่สำเร็จยุคนั้น ดังนั้น พรรคเพื่อไทยเห็นด้วยร่างกฎหมายนี้ สนับสนุนเต็มที่ ไม่เห็นด้วยคว่ำร่างนี้จี้รัฐรื้อโครงสร้างพลังงานช่วย ปชช.นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้าหารือประเด็นมติ ครม.วันที่ 25 ต.ค.2565 อนุมัติให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกู้เงิน 1.5 แสนล้านบาท มีรัฐบาลค้ำประกันเป็นหนี้สาธารณะ ทำให้ประชาชนร่วมใช้หนี้ทุกครั้งที่จ่ายเงินเติมน้ำมันเป็นเวลา 7 ปี ทุกคนเห็นตรงกัน ราคาพลังงานผันผวน ประเทศไทยไม่สามารถบริหารโครงสร้างพลังงานแบบเดิมได้ พรรคชาติพัฒนากล้าจะมุ่งปรับโครงสร้างพลังงานที่เป็นต้นเหตุให้ราคาสินค้าแพง ลดภาระประชาชน ถ้าใช้โครงสร้างราคาพลังงานแบบเดิม ประชาชนจะรับภาระมากไป รัฐบาลควรแก้ปัญหาจากโรงกลั่น กำหนดสัดส่วนค่าการกลั่นที่เหมาะสม ถ้ารัฐบาลรับฟังข้อเสนอจะลดภาระประชาชน ใช้หนี้กองทุนน้ำมันได้เร็วขึ้น ไม่ถึง 7 ปีฝ่ายค้านถอดบทเรียนกราดยิงเมื่อเวลา 09.30 น. ที่โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กรุงเทพฯ พรรคร่วมฝ่ายค้านจัดเสวนา “ถอดบทเรียนเหตุการณ์หนองบัวลำภู” โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวเปิดเสวนาว่า ฝ่ายค้านไม่ต้องการตอกย้ำการสูญเสียหรือพูดหาเสียง แต่เป็นการหาทางออก ถอดบทเรียนให้ประเทศ ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติด่วนเหตุการณ์ จ.หนองบัวลำภู วันที่ 3 พ.ย. สาเหตุการใช้อาวุธปืนมาจาก 2 เถื่อน คือ ปืนเถื่อนกับคนเถื่อน ถ้าปืนถูกกฎหมายแสดงว่า ปืนไม่เถื่อน แต่คนกราดยิงคือ คนเถื่อน สิ่งที่ไม่อาจละเลยได้คือ สภาพจิตในสังคมไทย 20 ปีที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ความอดทนหรือตอบสนองต่อสิ่งบีบคั้น คนรุ่นใหม่เปลี่ยนไปจากอดีตไม่ยับยั้ง ชั่งใจ ใจคิดอย่างไรกายเป็นเช่นนั้น ปกติใช้แรงบันดาลใจ แต่มีใครคนหนึ่งบอกใช้ใจบันดาลแรงพิสูจน์ชัดตอนเป็นรักษาการนายกฯ ดูมีแรง กำลังใจฮึกเหิม จากอยู่ในขวดซีอิ๊วดีๆกลายเป็นแหนมป้าย่น ใส่กางเกงยีนส์ เป็นเด็กสมบูรณ์ในขวดซีอิ๊ว มีแรงขึ้นเห็นได้ชัด แต่พอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้คนเดิมกลับมาทำหน้าที่ ทุกอย่างก็แผ่ว จิตใจจึงเป็นสำคัญ กระตุ้นปฏิรูปโครงสร้าง ตร.-ทหารนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เหตุความรุนแรง จ.หนองบัวลำภู จะปล่อยไปไม่ได้ มีโอกาสเกิดอีก หากไม่จัดการโครงสร้างจากคนขาดสติ เป็นผลจากยาเสพติด ยิ่งถ้าอาวุธอยู่ในมือคนเสียสติ มีโอกาสเกิดเหตุรุนแรง องค์กรที่เป็นบ่อยสุดคือ องค์กรสีกากีกับสีเขียว ทั้ง 2 องค์กร ถ้ายังไม่จัดการปัญหาแบบนี้จะเกิดอีก ทางออกต้องแก้โครงสร้างทั้งเรื่องยาเสพติด อาวุธปืน ถึงเวลาทบทวนระหว่างให้มีปืนทุกคนกับไม่มีปืนสักคน อะไรดีกว่ากัน ถ้ายังกวาดล้างไม่ให้มีปืนไม่ได้ ควรให้ปืนไปอยู่ในมือคนมีสตินายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ประเทศไทยมีปืนเถื่อน 6 ล้านกระบอก ปัญหายาเสพติดเข้าถึงง่ายมาก การคอร์รัปชันทำให้สภาพแวดล้อมตำรวจและทหารเละเทะ เกิดความเครียดแล้วจบปัญหาด้วยปืน มีอยู่ 7 ข้อ ต้องแก้ปัญหาไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยคือ 1.โครงสร้างตำรวจบิดเบี้ยว เจ้าหน้าที่ รัฐวิ่งเข้าสู่อำนาจ บางส่วนจ่ายเงินเข้าสู่ตำแหน่ง 2. จัดการคอร์รัปชันเรื่องตั๋วช้าง 3.ดูแลสวัสดิการให้เจ้าหน้าที่มีเงินพอเลี้ยงตัวเอง ครอบครัว 4.กำหนดเวลาครอบครองปืน ตรวจสอบการต่อใบอนุญาต 5.สร้างกลไกให้ตำรวจเข้าถึงการปรึกษานักจิตวิทยาได้ 6.จัดลำดับความสำคัญการทำหน้าที่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารไปอยู่ในภารกิจไม่จำเป็น เช่น คุมม็อบ 7.การดำเนินคดีที่มีมาตรฐานไม่เท่ากัน 7 เรื่องนี้คือสิ่งที่ต้องปฏิรูปแก้ปัญหาโครงสร้างตำรวจ ทหารฟุ้งล้อมคอกจับปืน-ยาเสพติดอื้อนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายก รัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มีมาตรการ สำคัญแก้ปัญหาอาวุธปืน และยาเสพติดอย่างจริงจังว่า ผลการระดมกวาดล้างยาเสพติดช่วงวันที่ 10-19 ต.ค.2565 ภาพรวมการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จับกุมบุคคลตามหมายจับคดีอาญาได้ 3,884 หมายจับ ผู้ต้องหาคดียาเสพติด 15,710 คดี ได้ผู้ต้องหา 15,866 คน ของกลางยาบ้า 18,314,853 เม็ด ยาไอซ์ 297,690 กรัม เฮโรอีน 30,735 กรัม ยาอี 6,550 กรัม ความผิดอาวุธปืน ระเบิด และเครื่องกระสุน 3,984 คดี ยึดอาวุธปืนสงคราม 27 กระบอก ปืนไม่มีทะเบียน 2,438 กระบอก มีทะเบียน 452 กระบอก วัตถุระเบิด 600 รายการ เครื่องกระสุน 16,168 นัดทอ.คุมเข้มกำลังพลก่อเหตุรุนแรงพล.อ.ต.บุญเลิศ อันดารา โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผบ.ทอ. มีความห่วงใยถึงการดูแลกำลังพลกองทัพอากาศให้ปฏิบัติตนเหมาะสม ไม่ก่อเหตุรุนแรงกระทบความน่าเชื่อถือของสถาบันทหาร จึงกำชับหัวหน้าหน่วยร่วมเฝ้าระวังสาเหตุการก่อเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมกำหนดแนวทางป้องกันแก้ไขปัญหา 3 ข้อคือ 1.จัดสุ่มตรวจสารเสพติดในร่างกายกำลังพลที่มีพฤติกรรมหรือแนวโน้มเสพสารเสพติด หากตรวจพบส่งตัวบำบัดรักษาโดยด่วน 2.กำหนดมาตรการด่วนภายใน 1 เดือน ให้กรมสรรพาวุธทหารอากาศจัดทำทะเบียนอาวุธปืนในครอบครองของกำลังพลกองทัพอากาศทั้งหมด ให้หัวหน้าหน่วยกำกับดูแลมิให้พกพาอาวุธปืนในสถานที่ราชการ 3.ให้ตรวจสอบกำลังพลในหน่วยที่มีภาวะสุ่มเสี่ยงด้านสุขภาพจิต พร้อมให้คำปรึกษาแนะนำอย่างใกล้ชิด ตามนโยบายรัฐบาลให้ทุกองค์กรจัดตั้งหน่วยงานดูแลสุขภาพจิตกำลังพลในหน่วย ร่วมขจัดปัญหาเหตุความรุนแรง สร้างเกราะป้องกันให้สังคมต่อไปรัฐบาลชวนชิมเมนูอาหารอนาคตที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ พร้อมด้วยนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมงาน Plate to Planet Festival จานนี้เพื่อสิ่งแวดล้อม ในโครงการ APEC Future Food for Sustainability โดยร่วมชิม “เมนูอาหารอนาคต” เพื่อแสดงศักยภาพซอฟต์เพาเวอร์อาหารไทย ที่มีการเฟ้นหาเมนูอาหารอนาคตจากผู้ประกวดกว่า 2,000 ทีม คัดเหลือ 21 ทีม จากการแข่งขันประลองฝีมือทำอาหาร ตัดสินโดยเชฟและนักชิมระดับมิชลิน เพื่อค้นหาสุดยอดเมนูอาหารอนาคตไปต่อยอดทางธุรกิจ และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารอนาคตไทยสู่ตลาดโลก ทั้งนี้ภายในงานมีเมนูอาหารอนาคตของทั้ง 21 ทีม มาให้ผู้ร่วมงานชิม อาทิ ขนมไข่ผำชูกำลัง ขนมชั้นสูตรลดน้ำตาลเสริมใยอาหารและโพรไบโอติกส์คาโบนารา Vegan ครอกเก็ตพะแนงแพลนต์เบส ซาชิมิคอลลาเจนสกัดจากเกล็ดปลา ปูไร้เนื้อ ข้าวถั่วลูกไก่ยำปักษ์ใต้ผัก 5 สี ข้าวเขียวหวานแห้งโพรไบโอติกส์ ไอศกรีมจากแมลง ทีมผู้ชนะจะได้รางวัล 1 ล้านบาท พร้อมเป็นตัวแทนเสนอเมนูอาหารอนาคตต้อนรับผู้นำเอเปก เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของไทยในการเป็นครัวแห่งอนาคตของโลก