นิทานไทย คุณตาคุณยายเล่าไว้ (ยุทธ เดชคำรณ รวบรวม ยุพเรศ วินัยธร เรียบเรียง สำนักพิมพ์รวมทรรศน์ พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ.2536) เรื่องที่ 1 ม้ามาจากไหนลองอ่านกันดู เผื่อจะคิดถึงใคร ที่กำลังจะลาจากไป ในวันสองวันครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว คนเรายังไม่มีม้าไว้ขี่ เหตุเพราะครั้งนั้นม้ายังเป็นสัตว์สวรรค์ ก็แน่ล่ะ! ม้าสวรรค์แม้ไม่มีปีก มันก็เหาะได้วันหนึ่งม้าเหาะลงมาเที่ยวเมืองมนุษย์ มันเห็นสัตว์นานาพันธุ์ ไม่มีสัตว์ใดรูปร่างเหมือนมันเลย มองไปสัตว์ที่อยู่ใกล้ วัวสาวตัวนั้นรูปพรรณคล้ายมันมากอารมณ์นั้นม้าอยากจะแพร่เชื้อสายไว้ในเมืองมนุษย์บ้างม้าเข้าไปคลอเคลีย...ไม่นาน มันก็ได้สมสู่กับวัว เสร็จสมอารมณ์หมาย มันก็เหาะกลับสวรรค์ต่อมาแม่วัวก็ตั้งท้อง ตกลูกออกมา รูปร่างเหมือนม้าทุกอย่าง เจ้าของวัวได้สมาชิกหน้าใหม่ แม้หน้าตาไม่เหมือนวัว เพิ่มในคอก แต่ก็ดีใจอยู่ได้พักเดียวพอลูกม้าเตาะแตะยืนได้ มันก็เหาะกลับไปสวรรค์ไม่นาน ม้าสวรรค์ตัวพ่อ ก็คิดถึงคู่รักนางวัวตัวเก่าเจ้าเดิม มันก็เหาะแว่บเข้ามาจู๋จี๋ดู๋ดี๋ แม่วัวก็ตั้งท้อง พอตกลูกตัวที่สอง สถานการณ์ยังอยู่ในขั้นเดิมพอลูกวัวยืนได้ มันก็เหาะหายลิบทะลุกลีบเมฆ ขึ้นไปบนสวรรค์อีกแม่วัวตั้งท้องตกลูกครั้งที่สาม ครั้งนี้เจ้าของวัวเตรียมตัวดี ไปหาแหผืนใหญ่มาคลุมตัวแม่วัวเอาไว้ ทั้งยังลงแรงลงจากบ้านมานอนเฝ้าแม่วัวทั้งวันทั้งคืนได้เวลาแม่วัวตกลูกออกมา เจ้าของวัวดีใจได้พักเดียว เมื่อลูกม้ายืนได้มันก็เหาะทะลุแห...หายขึ้นสวรรค์เป็นครั้งที่สามถึงเวลาแม่วัวตั้งท้อง รอบที่สี่ คราวนี้ เจ้าของวัวดิ้นรนไปปรึกษาฤาษี...ฤาษีไม่ว่าอยู่ในป่าหิมพานต์ อยู่ในเรื่องรามเกียรติ์ หรือในนิทานไทย...มีตบะแก่กล้าเหมือนกันพอหลับตา ฤาษีก็รู้แจ้ง กระซิบให้เจ้าของวัวรีบกลับไปบ้าน ลับดาบให้คมกริบ รอท่า จนลูกม้าตกลูกจากท้องแม่วัวยังนอน เตาะแตะอยู่กับดิน ก็เอาดาบเชือดเดือยทั้งสี่ที่อยู่บนกีบม้าทิ้งความลับของสวรรค์ ที่ฤาษีรู้ ก็คือ เดือยที่อยู่เหนือกีบม้า คืออานุภาพจากฟ้าทำให้ม้าแม้ไม่มีปีกก็เหาะได้นับแต่นั้นมา ลูกม้าก็เหาะไม่ได้ มันเติบโตเป็นพ่อพันธุ์ม้า แพร่พันธุ์ม้าให้มนุษย์ได้ใช้ขี่ ได้เร็วรี่กว่าสัตว์สี่เท้าด้วยกัน จนถึงทุกวันนี้นิทานไทยเรื่องนี้ จบลงตรงนี้แหละครับ...ไม่เหมือนนิทานอีสป มีคำสอนต่อท้ายพวกเราชาวบ้านพวกที่ยังสนิทเสน่หา ติดใจกันมาตั้งแต่สโลแกน บ้านเมืองสงบ จบที่ลุงตู่ ก็ต้องคิดหาวิธีช่วยให้ท่านอยู่ต่อกันเอาเองนายกฯคนนี้ บ่นๆเบื่อๆ ท่านอยู่มานาน...แต่พอถึงเวลาที่รู้ว่าจะต้องไป ก็ใจหายพูดก็พูดกันเถิด...เรื่องงานที่ทำให้บ้านเมือง ถือว่าดีพอแก่หน้าที่ แต่เรื่องที่ไม่ค่อยพูดกัน ก็คือทำงานมาแปดปีไม่มีเรื่องด่างพร้อย หน้าบ้านก็สะอาดเรียบร้อย หลังบ้านก็สงบร่มรื่นส่วนเรื่องของพวกพ้องบริวาร...ท่านผู้นำคนไหนๆ ผมว่านะ ก็ไม่ต่างกัน มีดีมีเลวสำหรับเรื่องคนที่ว่าจะมาแทน...ผมนึกแทบตาย ก็นึกไม่ออก ไม่มีความหวังว่าใคร จะทำให้บ้านเมืองดีขึ้น ก็รู้ๆกัน เหตุปัจจัยมันมาจากนอกบ้านมากกว่าในบ้าน.กิเลน ประลองเชิง