การประกาศของผู้นำสหรัฐฯ โจ ไบเดน พร้อมที่จะใช้กำลัง เพื่อปกป้องอธิปไตยในไต้หวัน เด็ดดอกไม้สะเทือนไปถึงดวงดาว สถานการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ความขัดแย้งบนหมู่เกาะทะเลจีนใต้ รวมทั้งความพยายามของรัฐบาลปักกิ่งที่จะรวมจีน เป็นจีนเดียว กำลังจะเป็นคลื่นใต้น้ำ ที่ต้องจับตาผู้นำสหรัฐฯ ให้ความสำคัญในภูมิภาคนี้เป็นพิเศษ การประชุมสุดยอดผู้นำระดับภูมิภาคที่กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น ไม่ต่างจากสนาม ประลองกำลังระหว่าง สหรัฐฯ กับ จีน หลังจากที่ สหรัฐฯมีการจัด ประชุมอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ ที่กรุงวอชิงตันสำเร็จเรียบร้อยในทางปฏิบัติแม้สหรัฐฯยอมรับ นโยบายจีนเดียวไปแล้ว เป็นการรับประกันว่าจะไม่เข้าไปแทรกแซงเรื่องเหล่านี้ แต่ในความ เป็นจริง สหรัฐฯก็ต้องการที่จะปักหมุดเอเชีย ให้สะเด็ดน้ำเช่นกันก่อนหน้าที่ ไบเดน จะเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดที่ โตเกียว ได้เปิดกรอบ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก เพื่อความมั่งคั่ง หรือ IPEF อย่างเป็นทางการ และได้มีการเข้า หารือกับนายกฯ ฟุมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ในนามของกลุ่ม Quad ซึ่ง ไบเดน ก็ยอมรับตรงๆว่า เป็นความมุ่งมั่นที่สหรัฐฯต้องการทำงานกับเพื่อนสนิทและหุ้นส่วนในภูมิภาค เพื่อสร้างหลักประกันความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจในศตวรรษที่ 21สมาชิก IPEF ประกอบด้วย ออสเตรเลีย บรูไน อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ เวียดนาม รวมทั้งประเทศไทยด้วยซึ่ง เจค ซาลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ยืนยันว่า สมาชิกไอพีอีเอฟ เมื่อรวมกันแล้วคิดเป็นร้อยละ 40 ของ จีดีพีโลก และจะเป็นการร่วมมือที่สำคัญต่อภูมิภาคนี้ โดยมีประเทศที่ สนใจจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกอีกเป็นจำนวนมาก เนื่องจากความรับผิดชอบ ร่วมกันไม่เฉพาะเรื่องของเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความปลอดภัย การเติบโตของสันติภาพ และความมั่นคงอย่างต่อเนื่องด้วยสถานการณ์ในเอเชียและอาเซียน ตอนนี้ก็คงไม่ต่างจากที่ ฟินแลนด์ ต้องตัดสินใจเข้าร่วมกับ นาโต เพราะ ฟินแลนด์มีพื้นที่ ติดกับรัสเซีย และบางส่วนก็ใช้ภาษารัสเซีย เกรงว่าจะตกที่นั่ง เดียวกับ ยูเครน เลยต้องหาคนคุ้มครองเอาไว้ก่อน ภูมิภาคนี้หนีไม่พ้นที่จะต้องตัดสินใจหา ผู้คุ้มครอง ในการสร้างพันธมิตรทางทหารและการค้าการเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจ TPP กับ สหรัฐฯ และการเข้าร่วม เป็นสมาชิก IPEF น่าจะเป็นทิศทางการตัดสินใจของ ชาติอาเซียน ในเบื้องต้น อย่างน้อยก็จะพอที่จะซื้อเวลาในการกันตัวเองที่จะต้องเข้าร่วมกับความขัดแย้งของ สงครามเย็น ให้ช้าลงไม่เฉพาะภัยด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจเท่านั้น ภัยจากโรคระบาดก็จะเป็นอาวุธที่สำคัญ การสาธารณสุขจะถูกยกมาเป็นข้อต่อรองด้านยาและยุทธปัจจัยทางการแพทย์ โควิดยังไม่สะเด็ดน้ำ ฝีดาษลิงอาละวาดอีกแล้วมีแต่กองไฟอยู่รอบตัว.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.th