เรียบร้อยโรงเรียนรัฐบาล มติ กมธ.ท่วมท้น 32 ต่อ 14 ล็อก บัตรเลือกตั้งสองใบคนละเบอร์ “อัครเดช” อ้างเบอร์เดียวกัน ซื้อเสียงง่าย ต้องทำให้คนจ้องโกงยุ่งยาก พท.โอดใบสั่ง ผู้มีอำนาจจัดแถวบล็อกโหวต ฝ่ายค้านสงวนความเห็นสู้ต่อในวาระ 2 “บิ๊กตู่” ฉุนถูกมองลุยตลาด หาเสียง ครวญถ้าหมดโอกาสทำต่อก็แค่กลับบ้านนอน “บิ๊กป้อม” การันตี “นายกฯตู่อยู่กับผม” “ทักษิณ” อวย “อุ๊งอิ๊ง” หัวใจประชาธิปไตย นั่งแคนดิเดตนายกฯ แล้วแต่ลูก ท้าทายไม่กลัวชะตากรรมซ้ำรอยพ่อ-อา ฟุ้งเครื่องบินส่วนตัวพร้อม มีบ้านอีกหลายประเทศฝ่ายรัฐบาลคุมเกมเบ็ดเสร็จในการโหวตลงมติในคณะกรรมาธิการกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. โดยมติเสียงท่วมท้น 32 ต่อ 14 เสียง ให้บัตรเลือกตั้ง ส.ส.เขตและ ส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นคนละเบอร์กันปชป.มีมติหนุน 2 บัตรเบอร์เดียวเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 มี.ค. ที่รัฐสภา นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. กล่าวถึงกรณี กมธ.ซีกรัฐบาลไม่ต้องการบัตรเลือกตั้ง 2 ใบที่ใช้หมายเลขเดียวกันทั้ง ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพราะกังวลพรรคเพื่อไทยจะได้คะแนนแลนด์สไลด์ว่า ที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์มีมติใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบหมายเลขเดียวกัน เพื่อให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง ประชาชนเข้าใจ มีบัตรเสียน้อยที่สุด ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 50 ล้านคน รวมผู้สูงอายุ ผู้อยู่ในชนบท อาจสับสนไม่เข้าใจ ควรทำให้การเลือกตั้งตรงเจตนาประชาชนมากที่สุด พรรคใดจะมาเป็นสมมติฐาน แต่วันเลือกตั้งเป็นอีกเรื่อง กมธ.ชี้ขาดระบบบัตรเลือกตั้งเมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มีนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข เป็นประธาน เพื่อพิจารณาการแก้กฎหมายลูกประเด็นหมายเลขผู้สมัคร ส.ส.เขต กับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะใช้เป็นหมายเลขเดียวกันหรือไม่ ก่อนการลงมติที่ประชุมเปิดให้ กมธ.ได้ถกเถียงเหตุผล โดย กมธ.ฝ่ายค้านจากพรรคเพื่อไทย พรรคเสรีรวมไทย อภิปรายยืนยันให้ใช้บัตรเลือกตั้ง ส.ส.เขตและ ส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นเบอร์เดียวกัน เพื่อง่ายต่อการจดจำของประชาชน ลดจำนวนบัตรเสีย อาทิ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กมธ.พรรคเสรีรวมไทยและอดีต กกต.กล่าวว่า บัตรเบอร์เดียวกันเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ช่วยให้ไม่สับสน เลือก ส.ส.ได้ตรงเจตนารมณ์ พรรคหาเสียงง่าย และ กกต.จัดการเลือกตั้งง่าย ไม่ต้องพิมพ์บัตรเลือกตั้ง 401 แบบ ไม่ต้องส่งบัตรเลือกตั้งทั้ง 401 แบบไปยังการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ไม่ใช่เรื่องสนุก ส่วนข้อจำกัดการขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 90 ต้องถามที่ประชุมรัฐสภาก่อนหน้านี้เหตุใดไม่ยอมแก้มาตรา 90 จนกลายเป็นเงื่อนปมที่ต้องมาตามแก้ แต่หาทางออกได้อย่าไปกลัวผิดรัฐธรรมนูญ ถ้ากลัวผิดรัฐธรรมนูญ พอผ่านวาระ 3 แล้วส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความได้ซีกรัฐบาลหัวชนฝาค้านเบอร์เดียวขณะที่ กมธ.ฝ่ายรัฐบาลต่างยืนกรานว่าบัตรเลือกตั้ง ส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อต้องเป็นคนละเบอร์กัน ป้องกันไม่ให้ทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 90 ที่ให้เปิดรับสมัคร ส.ส.เขตในวันแรกก่อน จากนั้นค่อยสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อีกทั้งหมายเลขคนละเบอร์ยังช่วยป้องกันการซื้อเสียงให้ทำได้ยากขึ้น อาทิ นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า บัตรเลือกตั้งเบอร์เดียวซื้อเสียงง่ายมาก ต่างจากคนละเบอร์ซื้อยาก ไม่ได้สร้างความยุ่งยากให้ประชาชน แต่สร้างความยุ่งยากให้คนที่คิดจะทุจริตมากกว่า ขณะที่นายคารม พลพรกลาง กมธ.พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า มั่นใจถ้าใช้บัตรเลือกตั้งเบอร์เดียวกัน จะมีคนไปยื่นเรื่องว่าทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 90 แน่นอนมติท่วมท้น 32 ต่อ 14 คนละเบอร์ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่ กมธ.ถกเถียงแสดงความเห็นครบทุกคนแล้ว กระทั่งเวลา 13.10 น. ที่ประชุมจึงลงมติชี้ขาด พบว่า กมธ.ลงมติเสียงข้างมากด้วยคะแนน 32 ต่อ 14 เสียงและงดออกเสียง 1 ให้ใช้บัตรเลือกตั้ง ส.ส.เขตและ ส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นคนละเบอร์กัน โดยเสียง กมธ.ฝ่ายรัฐบาลแพ็กกันเหนียวแน่น 32 เสียงจาก ส.ว.14 เสียง ครม.7 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 5 เสียง พรรคภูมิใจไทย 3 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ 1 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 1 เสียง และพรรคเศรษฐกิจไทย 1 เสียง ส่วน กมธ.ฝ่ายค้าน 14 เสียง คือพรรคเพื่อไทย 8 เสียง พรรคก้าวไกล 3 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง รวมถึงเสียง กมธ.พรรคประชาธิปัตย์แบ่งมาให้ 2 เสียง จากนั้นนายสาธิต ปิตุเตชะ ประธาน กมธ.เปิดเผยว่า ที่ประชุมให้คณะทำงานกลับไปทำต่อเรื่องการแก้เขตประเทศเป็นเขตเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ จะมีผลกระทบต้องไปแก้รายมาตราในส่วนอื่นอีกหรือไม่ ส่วนการใช้บัตรเลือกตั้งสองใบเป็นเบอร์เดียวกันหรือไม่ ที่ประชุมลงมติ 32 ต่อ 14 เสียง ให้บัตรเลือกตั้งสองใบเป็นคนละเบอร์ ตนงดออกเสียงจากองค์ประชุม 47 เสียง โดย กมธ.พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกลและอีกหลายคนขอสงวนความเห็นไว้ เชื่อใบสั่ง รบ.โหวตทางเดียวกันนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเสนอให้ใช้บัตรสองใบเบอร์เดียวกัน เพื่อความสะดวกกับผู้ใช้สิทธิ ไม่สร้างความสับสนกับประชาชน แต่การใช้บัตรคนละเบอร์ยิ่งทำให้ผู้สมัครหาเสียงเลือกตั้งไม่ยอมหาเสียงให้พรรคการเมืองและจะยิงลูกโดด การลงมติครั้งนี้เสียงออกมาเป็นกลุ่มเป็นก้อน เชื่อว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับข้อกังวลจะขัดรัฐธรรมนูญ แต่น่าจะกลัวแลนด์สไลด์จากพรรคเพื่อไทยมากกว่านายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ดูผลลงมติที่ออกมา 32 เสียงของฝ่ายรัฐบาลแล้ว เชื่อว่ามีการสั่งการจากผู้มีอำนาจในรัฐบาลให้ลงมติทิศทางเดียวกัน คะแนนเป็นกลุ่มก้อนเนื้อเดียวกัน เป็นไปได้ยากหากไม่สั่งการมา พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยังสู้ต่อไป จะไปอภิปรายคัดค้านในวาระ 2 พท.ขู่หลังซักฟอก “บิ๊กตู่” อยู่ยากนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มั่นใจว่าการใช้หมายเลขสมัครเป็นเบอร์เดียวกันทั้ง ส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อ ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 90 หากจะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญตีความ เชื่อว่าไม่มีน้ำหนักพอจะรับไว้พิจารณา ลงพื้นที่พบประชาชนลำบากมากอยากเปลี่ยนรัฐบาล ได้พรรคที่ทำให้อยู่ในสังคมอย่างมีศักดิ์ศรี เชื่อว่านายกฯอยู่ไม่ครบเทอมแน่ หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจจะอยู่ยาก ไม่ยุบสภาก็ลาออก อยู่ไม่ได้ ประชาชนไม่เอาแล้ว ประชาชนส่งข้อมูลมาให้ชี้ถึงความล้มเหลวรัฐบาล สร้างปัญหาทุกมิตินายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ถ้าฝ่ายค้านมีข้อมูลเด็ดจริงอย่างที่โม้รายวัน คงเก็บไว้เป็นหมัดเด็ดมากกว่า ไม่มาโหมโรงพร่ำเพรื่อ นายกฯอยู่บริหารประเทศจนครบเทอมแน่นอน ยิ่งหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลยิ่งทำงานง่ายขึ้น ประชาชนได้รับฟังคำชี้แจงจากรัฐบาลจนหายสับสน“บิ๊กตู่” ฉุนถูกมองไปตลาดหาเสียงเมื่อเวลา 10.30 น. ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม เข้าร่วมประชุมผู้นำความกรอบความร่วมมือความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (บิมสเทค) ครั้งที่ 5 ผ่านระบบการประชุมทางไกล จัดโดยประธานาธิบดีศรีลังกา ที่เป็นประธานบิมสเทค จากนั้นเข้าร่วมพิธีรับตำแหน่งประธานบิมสเทค พร้อมผู้นำและผู้แทนสมาชิกบิมสเทคต่อมาเวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ตลาดสะพานขาว เขตดุสิต กทม. เมื่อเย็นวันที่ 29 มี.ค. ว่า พอมีเวลาจึงลงไปเยี่ยม สอบถามผู้ค้าหลายรายบอกเข้าใจสถานการณ์ เจอโควิดเข้าไปใครเคยเจอบ้าง สถานการณ์สู้รบกระทบทุกมิติหลายประเทศเชื่อมโยงกัน ต้องเข้าใจและให้ความเป็นธรรมรัฐบาลด้วย ไม่เคยนิ่งดูดายทุกงาน จะหาโอกาสไปเยี่ยมเยียนอีก มีทั้งคนที่พอใจและไม่พอใจเป็นธรรมดา จะให้ใครรักเราทุกคนคงเป็นไปไม่ได้ เมื่อถามว่ามีการมองว่านายกฯลงพื้นที่ช่วยบางคนหาเสียง พล.อ.ประยุทธ์ตอบอย่างมีอารมณ์ว่า “ทำไมต้องมองไปเรื่องหาเสียงด้วย ไปหาเสียงให้ใครหรือ มันช่วงหาเสียงหรือเปล่า แล้วผมไปเลือกให้ใคร พูดกับใคร ให้เครดิตใครหรือ พอไม่ไปก็ว่า พอไปก็ว่าอีก เป็นนายกฯประเทศไทยมันไม่ใช่แบบนี้มาก่อน เวลาจะไปไหนมีกลุ่มนั้นกลุ่มนี้มาต่อต้าน มาด่าว่า จะให้เกิดขึ้นอีกหรือ ไม่อยากให้ขัดแย้ง ไปไหนอะไรถ้าแจ้งล่วงหน้าเมื่อไหร่มีเรื่องทุกที”หมดโอกาสก็แค่กลับบ้านนอนนายกฯ กล่าวว่า “ผมพยายามทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุด ถึงแม้ว่าจะมีคนโจมตีว่าอะไรต่างๆ ผมไม่โกรธ เพราะโกรธไม่ได้หรอก ผมทำให้เขาถูกใจไม่ได้ทั้งหมด แต่ผมจำเป็นต้องทำเพื่อคนส่วนใหญ่ให้มากที่สุด ก็ถ้ามีโอกาสก็ทำต่อไป ไม่มีโอกาสก็กลับบ้านนอนเท่านั้นเอง ทั้งนี้ หวังอย่างยิ่งใครที่ได้เข้ามาแก้ปัญหาได้สำเร็จ อย่างที่ผมเจอมาหลายร้อยปัญหาและพยายามแก้ ฉะนั้นฝากถึงประชาชนเราต้องเลือกนักปฏิบัติที่ทำงานได้จริง ทำงานได้สำเร็จ เป็นสิทธิของท่าน 1 สิทธิ 1 เสียงอยู่แล้ว อย่าเอาผมเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลยนะ” จากนั้นนายกฯเดินออกจากโพเดียม พร้อมกล่าวว่า “กลับบ้านนอน”“บิ๊กป้อม” จองตัวนายกฯอยู่กับผมเมื่อเวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพปชร. ให้สัมภาษณ์กรณีจะแสดงความยินดีกับพรรครวมไทยสร้างชาติที่จะเปิดตัววันที่ 31 มี.ค. หรือไม่ว่า เปิดตัวแล้วค่อยว่ากัน ขอขอบคุณสื่อที่เตือน เมื่อถามว่ามีกระแสว่าในอนาคตนายกฯจะไปนั่งตำแหน่งสำคัญพรรครวมไทยสร้างชาติ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ไม่รู้ นายกฯจะไปไหนล่ะ ก็อยู่กับผมนี่แหละ” เมื่อถามว่าต่อไปพรรคนี้จะแย่งคะแนนกับพรรค พปชร.หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มี พปชร.ไม่มีให้ใครแย่งของเรามีตัวอยู่แล้ว เมื่อถามว่ามีแนวโน้มนายกฯจะสมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร.หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ไม่มา จะมาทำไม มีผมอยู่แล้ว” เมื่อถามว่าจะมาเป็นผู้เรียกคะแนนให้พปชร. พล.อ.ประวิตรตอบว่าทุกคนก็รู้อยู่แล้ว คุณถามแปลกๆ เมื่อถามย้ำว่า นายกฯไม่อยู่ พปชร. แต่จะไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรไม่ตอบคำถาม แต่ร้อง “โอ้โห...” ส่วนการเลือกตั้ง ส.ก.จะส่ง 50 คน ถ้าไม่มั่นใจคงไม่ส่ง จะได้หรือไม่ได้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แล้วแต่ประชาชน ไม่ได้ประเมิน “ทักษิณ” อวด “อุ๊งอิ๊ง” หัวใจ ปชต.เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 29 มี.ค. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมสนทนาในรายการ CARE Talk x CARE ClubHouse ตอนหนึ่งที่ผู้ร่วมสนทนาสอบถามถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เปิดตัวเข้าสู่เส้นทางการเมือง จนถูกมองว่าใกล้เป็นแคนดิเดตนายกฯและมีกระแสโจมตี นายทักษิณตอบว่า เขาติดตามตนมาตั้งแต่เด็กๆ หัวใจประชาธิปไตย อยากเห็นบ้านเมืองเจริญมีเต็ม 100 พยายามเอาแนวทางเทคโนโลยี ความคิดคนรุ่นใหม่มาเสริมให้เพื่อไทย แต่ยังไม่คิดว่าจะเป็นนักการเมือง ยังไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค ยังไม่รู้ว่าจะเล่นการเมือง จะเป็นแคนดิเดตนายกฯหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆคือใส่ความรู้ประสบการณ์เท่าที่มี บอกว่าจะประชุมพรรคเหมือนที่ จ.ขอนแก่น คราวที่แล้ว วันที่ 24 เม.ย. จะพูดเรื่องงานที่ได้รับมอบหมายว่าทำอะไรไปที่ไหน และจะแนะนำพรรคเพื่อไทยอย่างไรตามแนวคิดคนรุ่นใหม่ลั่นแล้วแต่ลูก–มีบ้านเครื่องบินพร้อมนายทักษิณกล่าวว่า “สมมติ แต่คิดว่าคงไม่ง่าย เพราะพรรคต้องคิดว่าจะเสนอใคร สมมติเขาเป็นแคนดิเดตจริงๆ ประชาชนเกิดเลือกแล้วได้เป็นจริง ถามว่ากลัวชะตากรรมเหมือนผมกับคุณปูไหม ผมว่าวันนี้ต้องถามประชาชน 16 ปีที่ผ่านมาช้ำพอหรือยัง ระบบพัง เศรษฐกิจพังไป ครอบครัวพังไป เป็นหนี้เป็นสินมหาศาล ล้มลุกคลุกคลานจากการปฏิวัติแล้วปฏิวัติอีก ประชาชนเข็ดไหม ถ้าไม่เข็ดก็ดี มีอีกไม่เป็นไร ผมมีบ้านอีกหลายประเทศ แต่ถ้าสมมติประชาชนเข็ด นักปฏิวัติจะได้เข็ดสักที ไม่ต้องมีแล้ว เลิกได้ ถ้าประชาชนเข็ดไม่เอาแล้ว ลงมากระทืบทีเดียวจบหมด หลักการคือแล้วแต่ลูก ถ้าลูกคิดว่าการที่ไปกับผม เห็นช่วยเหลือชาวบ้านมา ยังจำได้อยู่จนวันนี้ อยากสืบสานเจตนารมณ์ ช่วยชาวบ้านให้พ้นความยากจนก็เรื่องของลูก เป็นพ่อที่รักลูก ให้ความอบอุ่นและพร้อมปกป้อง ไม่มีปัญหา เครื่องบินส่วนตัวก็มี บ้านมีหลายประเทศ ไม่เคยกลัว เป็นพวกไม่เคยกลัว เรื่องกลัวไม่กลัว เหมาะสมหรือไม่ มีความสามารถหรือยังที่จะทำให้บ้านเมือง”สาบานได้ไม่เคยเจรจา 3 ป.เมื่อถูกถามถึงกระแสข่าวว่า 3 ป. ได้ส่งคนไปคุยกับนายทักษิณ ทั้งเรื่องบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และศึกซักฟอก นายทักษิณกล่าวว่าไม่มี สาบานได้ ลูกผู้ชายไม่มี ไม่มีใครมาคุยกับตน และไม่ได้คุยกับใคร มีแต่คุยเรื่องสถานการณ์การเมืองทั่วไปกับคนไทยที่มาเยี่ยม แต่ไม่เคยคุยกับใคร ไม่เคยขอร้องใคร ไม่เคยมีใครเอาคำพูดใครมาเจรจากับตน ไม่มีจริงๆ เมื่อถามว่าพร้อมเปิดเจรจาไหม นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่เข้าใจ ไม่มีสถานะอะไร เจรจาอะไร ถ้าเจรจากับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังมีโอกาสเป็นเรื่องเป็นราวมากกว่า ตนไม่มีสถานะ ไป over rule เขาไม่ได้ วันนี้เขาอยู่หน้างาน รู้สถานการณ์ดีกว่า ตนอยู่ไกลไปบอกเขาทำไม่ได้มีนิสัยประชาธิปไตย ไม่เคยไปสั่งใคร ครอบงำใคร ไม่มี อย่างที่ พ ล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯบอกให้เลือกตั้งเสร็จก่อนค่อยเจรจา นั่นเป็นหลักทั่วไปของการเมือง ประชาชนเลือกใครมาเท่าไหร่กี่ที่นั่งจะเริ่มคุย ตอนนี้พรรคใหญ่สุดคือพรรค ส.ว.เหน็บ “บิ๊กตู่” ยอดนักบริหารอำนาจนายทักษิณ ยังได้กล่าวถึงการเลือกตั้ง กทม.ว่า ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าดึงเกมเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. นู่นนี่ ยอมรับเลย ใครจะว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม อย่างไรแล้วแต่ แต่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นสุดยอดนักบริหารอำนาจ แต่ไม่ใช่สุดยอด นักบริหารบ้านเมือง บริหารบ้านเมืองอาจไม่เป็นเลย แต่บริหารอำนาจได้ดีมาก จัดการอำนาจสารพัด ทำรัฐธรรมนูญต้องยอมรับว่าเก่ง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง บอกไม่รู้จักกปปส.กปปส.แปลว่าอะไรรู้ไหม ถึงแม้จะมีแค่ 2 ป. แต่คือผู้มีพระคุณต่อ 3 ป.มาก ไม่เช่นนั้น ไม่ได้มีอำนาจแบบนี้“วรงค์” จวกหนีคดียังกล้าสอนคนอื่นนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ในเรื่อง “#วัฒนธรรมเฮงซวย” ใจความว่า ดูนายทักษิณพูดล่าสุดท่าทางจะไม่ค่อยสบอารมณ์ นายทักษิณที่พูดมานี่พูดถูกหรือผิดว่าวัฒนธรรมเฮงซวย หรือคนเฮงซวย ??? คนที่มาพร่ำสอนคนนั้นคนนี้ คนที่โกง แล้วหนีแทนที่จะสำนึก กลับมาพูดสอนคนเหมือนไม่มี อะไรเกิดขึ้น ที่เลวร้ายคนบางคน ชอบอ้างประชาธิปไตย แต่หนีไปอยู่ในประเทศที่มีรูปแบบการปกครองอีกแบบ แต่ไปเอ่ยชมกลับด่าประเทศตนเองเผด็จการช่างย้อนแย้ง คนบางคนส่งน้องสาวมามีอำนาจ แต่ให้ใช้ อำนาจผิดๆ อ้างมาจากการเลือกตั้ง เพื่อจะกลับบ้านเท่ๆ ประชาชนออกมาขับไล่ จนน้องสาวไม่มีแผ่นดินอยู่ ล่าสุด ช่างไม่คิดถึงอนาคตลูกสาว จะส่งลูกสาวให้มา มีอำนาจเพื่อพาพ่อกลับบ้าน พ.ศ.นี้ จนหลายฝ่ายออกมา เตือนว่า ระวังจะไม่มีแผ่นดินอยู่อีกคน สรุปแล้วประเทศไทย ของเรานี่วัฒนธรรมเฮงซวยหรือคนเฮงซวย???ตีตกคำร้อง “วิรัช” ขอตีความคดีฟุตซอลผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องกรณีนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. นางทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส. นครราชสีมา พปชร. นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ ส.ส. นครราชสีมา พปชร. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ว่าการที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ประทับรับฟ้องคดีทุจริตโครงการก่อสร้างสนามฟุตซอล เป็นเหตุให้ผู้ร้องทั้ง 3 ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการ กระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 188หรือไม่ โดยศาลเห็นว่ากรณีเป็นเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลอื่นตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณา ของศาลรัฐธรรมนูญมาตรา 47 (4) โดยมาตรา 46 วรรคสามบัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้ พิจารณา ผู้ร้องทั้ง 3 ไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ได้ศาลยกคำร้องขอปล่อยตัว “วริสรา”ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลอาญากรุงเทพใต้ว่า กรณีพนักงานอัยการยื่นฟ้อง น.ส.วริสรา เอกสกุล อักษรศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นจำเลยข้อหาป.อาญามาตรา 112 และมาตรา 116 อ่านแถลงการณ์หน้าสถานทูตเยอรมัน เมื่อวันที่ 26 ต.ค.63 ที่ถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดี ล่าสุด เมื่อ วันที่ 29 มี.ค. น.ส.วริสรา ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ให้เหตุผลว่าได้รับทุนศึกษาต่อระดับปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยออสนาบรีค สหพันธรัฐเยอรมนี ศาลไต่สวนแล้วไม่อนุญาตตามคำร้อง ที่ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษา ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายเสกสรร วรปีติเจริญกุล นายกิตติศักดิ์ สุ่มศรี แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลยที่ 1-2 ฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ ในครอบครองจากเหตุการณ์ชุมนุมปี 2553 รวม 3 สำนวน ศาลวิเคราะห์แล้วโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าจำเลยกระทำความผิด พิพากษายกฟ้อง