การให้สมาชิกพรรคเป็นคนเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ที่เรียกว่า “ไพรมารีโหวต” อาจกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันอีกครั้ง นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ รองประธานวิปรัฐบาล และคณะทำงานเตรียมยกร่าง พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ยืนยันว่า ไม่เห็นด้วย เพราะที่ผ่านมาก็ไม่สามารถปฏิบัติได้จริงไพรมารีโหวต หรือการเลือกตั้งขั้นต้น ได้แบบอย่างมาจากสหรัฐอเมริกา เป็นวิธีการที่ทำให้สมาชิกพรรคเป็นผู้คัด เลือกผู้สมัครของพรรคการเมือง ในตำแหน่งประธานาธิบดี ส.ว. หรือ ส.ส. แต่มีผู้ร่วมออกเสียงนับหมื่นนับแสน จึงมีความหมายอย่างยิ่ง แต่เมื่อนำมาใช้กับประเทศไทย ต้องเกณฑ์คนมาใช้สิทธิแค่ 50–100 คนจึงอาจกลายเป็นปาหี่ทางการเมือง เข้าทำนอง “เห็นช้างอึก็อึตามช้าง” แต่ใช้ไม่ได้ผล เพราะวัฒนธรรมการเมืองต่างกัน ผู้สมัคร ส.ส.อาจครอบงำสมาชิกพรรคแค่ 100 คนได้โดยง่าย ยังมีบทบัญญัติกฎหมายอีกมาก ที่ใช้ปฏิบัติไม่ได้ เพราะอาจเกิดความเสียหายมากกว่า เช่น รัฐ ธรรมนูญที่ว่าด้วยผู้สมัครนายกรัฐมนตรีนั่นก็คือรัฐธรรมนูญมาตรา 88 ให้พรรคเสนอชื่อผู้ที่จะให้สภาเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคละไม่เกิน 3 คน โดยไม่ได้บังคับว่าจะต้องเป็นหัวหน้าพรรคหรือแม้แต่สมาชิกพรรค เป็นวิธีการที่ขัดต่อประเพณีของประชาธิปไตยระบบรัฐสภา ที่ถือว่านายกรัฐมนตรีมาจากเสียงข้างมาก จึงต้องเป็นหัวหน้าพรรคที่คุมเสียงข้างมากแต่ระบบรัฐสภาแบบไทยๆ นายกรัฐมนตรีไม่ได้เป็นแม้แต่สมาชิกพรรคใดๆ ไม่ต้องออกไปสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ไม่ต้องออกไปพบปะหรือไหว้ขอเสียงจากประชาชน แต่ยกขบวนออกไปพบประชาชนในมาดที่เรียกว่า “ช้างเหยียบนา พญาเหยียบเมือง” แบบรัฐราชการ แต่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญโครงสร้างการเมืองลักษณะนี้ ที่มอบให้ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งเป็นผู้บริหารพรรค ให้ผู้ยิ่งใหญ่อีกคนหนึ่งบริหารประ เทศชาติ กลายเป็นชนวนของความแตกร้าวในพรรคพลังประชารัฐ นายกรัฐมนตรีต้องเสี่ยงต่อการถูกแทงข้างหลัง หรือถูกล้มด้วยมติไม่ไว้วางใจ เป็นบทพิสูจน์ ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรเนื่องจากนายกรัฐมนตรีไม่ได้เป็นแม้แต่สมาชิกพรรค กลายเป็น “คนนอก” จึงเสี่ยงต่อการถูกร้อง และกล่าวหา “ควบคุม หรือครอบงำพรรค” หรือสมาชิกพรรค โดยผ่านทางรัฐมนตรี มีโทษถึงยุบพรรค หรือจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 10 ปี และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง วงการเมืองเรียกว่า “นายกฯขาลอย”.