ให้ใจประชาชนบ้าง!เพิ่งผ่านสถานการณ์ “โคราชโมเดล” ร่วมกันมาสดๆ ร้อนๆ ด้วยความวิตกกังวลหวาดหวั่นไม่ว่าชาวโคราชเอง หรือคนไทยทั้งประเทศที่ให้ความสนใจ เห็นใจกับความสูญเสียครั้งนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุเช่นนี้แน่!ที่สำคัญก็คืออย่าให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นอีกใครทำอะไรย่อมรู้แก่ใจกันดีอยู่แล้ว แม้ด้านหนึ่งพอใจกับการปฏิบัติการเพื่อแก้ไขปัญหาของเจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่ายที่ร่วมมือร่วมใจกันจนปัญหาลุล่วงไปได้หรืออารมณ์ความรู้สึกของสังคมที่ไม่ค่อยพอใจต่อการปฏิบัติตนของผู้นำประเทศในทำนองไม่รู้กาลเทศะในการแสดงออกหลังเหตุสงบไม่ต้องไปซ้ำเติมกันให้มากไปกว่านี้ทุกคนเห็น ทุกคนรู้ ถ้าเจ้าตัวไม่รู้สึกรู้สาก็เขลาปัญญาเกินไปแล้วผมถึงบอกไงว่าการเป็นผู้นำประเทศนั้น หากคิดจะนำพาประเทศไปให้รอดหรือเดินหน้าต่อไปได้ ถ้าไม่เข้าใจถึงความรู้สึกของประชาสังคมฝืนยังไงก็ไปไม่รอดนำสังคมไม่ได้?วันนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหารอบด้านที่เป็นเรื่องใหญ่ๆละเอียดอ่อน ซึ่งต้องใช้ปัญญาเข้าแก้ไขเรียกความร่วมมือร่วมใจเพื่อฝ่ามรสุมเหล่านี้ไปให้ได้ไวรัสโคโรนาที่แม้ด้านหนึ่งรัฐบาล โดยเฉพาะบรรดาบุคลากรทางการแพทย์จะทำหน้าที่ค่อนข้างดีและน่าพึงพอใจจนสามารถจำกัดวงให้อยู่ในกรอบที่ควบคุมได้ จนทำให้ประชาชนฝากความหวังให้เต็มเปี่ยม ผ่อนคลายความวิตกไปได้ระดับหนึ่งแต่เมื่อยังเป็นเพียงการป้องกันเบื้องต้น เพราะยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะถึงจุดสุดท้ายเมื่อใดทุกองคาพยพจึงต้องทำหน้าที่ต่อไปให้ดีที่สุดเพื่อความอยู่รอดร่วมกันเหล่านี้เป็นเพียงปัญหาที่ผ่านมาแล้วก็จะต้องผ่านไปในที่สุดแต่ที่ผ่านไปแล้วแต่กลับผ่านไปไม่ได้ก็คืองบประมาณแผ่นดินปี 63 เนื่องมาจากการกระทำของนักการเมืองบางคน บางพรรค สร้างปัญหาซ้ำเติมจนเกิดความวุ่นวายขึ้นมาอีกเพราะงบปี 63 นั้นล่าช้ามานานแล้ว เนื่องจากรอยต่อระหว่างรัฐบาลเก่ากับรัฐบาลใหม่ไม่ราบรื่นไม่ได้มีการเตรียมการในเรื่องสำคัญนี้ ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญต่อการขับเคลื่อนประเทศนี่เป็นเรื่องที่พูดได้ว่าผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยหลังจากศาลรัฐธรรมนูญได้หาทางออกให้ด้วยการวินิจฉัยว่าไม่โมฆะ แต่ให้ไปลงมติกันใหม่ในวาระ 2-3สภาผู้แทนฯได้กำหนดเรียกประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ในวันที่ 13 ก.พ.63 จึงเป็นเรื่องที่ ส.ส.ทุกพรรคทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือร่วมใจกันแก้ไขให้ลุล่วงไปให้ได้โดยเร็วว่าไปแล้วก็แค่ลงมติให้ พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ผ่านไปให้ได้ เนื่องจากหากไม่สร้างปัญหากันเองก็คงไม่ยุ่งยากอย่างนี้ เนื่องจากลงมติผ่านไปแล้วแต่มีข่าวว่ายังมีนักการเมืองยังต้องการที่จะให้มีการอภิปรายไล่เรียงกันใหม่ โดยเฉพาะ ส.ส.ยังติดค้างประเด็นที่สงวนคำแปรญัตติเอาไว้หากปล่อยให้เป็นไปอย่างนั้นก็จะต้องล่าช้าออกไปอีกเปรียบรถยนต์หากขาดน้ำมันก็วิ่งต่อไปไม่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้น งบประมาณของประเทศไม่สามารถนำออกมาใช้ได้ทุกอย่างก็เดินหน้าต่อไปไม่ได้ แม้จะค้นคิดวิธีการต่างๆ มาแก้ไขก็จะไปสร้างปัญหาซ้อนซ้ำขึ้นมาอีกสำนึกความรับผิดชอบของนักการเมืองจึงสำคัญยิ่งไม่ได้สนใจฝ่ายรัฐบาล แต่เห็นใจประชาชนกันบ้างเถอะครับ...“สายล่อฟ้า”