มีประเด็นคาใจ ผมย้อนไปอ่านตอนผ้าเหลือง หมวกแดง นิยายแปลงพงศาวดาร เรื่องกรุงแตก อยุธยายศล่มแล้ว...(สำนักพิมพ์นาตาแฮก พิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ศ.2561) อีกครั้งวิธีเล่าเรื่องแบบนิยาย ของสุจิตต์ วงษ์เทศ ที่จริงก็คือ เอาพงศาวดารจริงๆ มาเล่าเรื่องใหม่ ให้ทุกตัวละครมีชีวิตเคลื่อนไหว...อ่านง่าย จำง่ายกว่าบทสนทนาของพวกผ้าเหลืองของพระเจ้าอุทุมพร ตอนหนึ่งว่า คราวก่อนพระเจ้าเอกทัศทรงอาราธนา ให้พระเจ้าอุทุมพรทรงลาผนวช ไปบัญชาการรับศึกจนได้ชนะแล้วพระเจ้าอุทุมพรทรงยอมผนวชเป็นโบสถ์สอง เพื่อถวายราชสมบัติ ให้พระเจ้าเอกทัศสืบมาจนบัดนี้“ต้องเปลี่ยนสำรับ” สำรับของนางอำมาตย์พวกแผ่นดินเก่าต้องฆ่าให้หมด แล้วเอาพวกแผ่นดินใหม่ขึ้น “เหี้ยมเกินไป” คำตอบ “ทำกันมาอย่างนี้ทุกแผ่นดิน จะว่าโหดยังไงกัน”แผ่นดินพระเจ้าทรงธรรม ฆ่าขุนนางอำมาตย์เก่า ครั้งแผ่นดินเจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย์ แผ่นดินพระเจ้าปราสาททอง ฆ่าขุนนางอำมาตย์พวกพระเชษฐา แม้ไม่มากนักแต่ก็ล้มตายไม่น้อยแผ่นดินพระนารายณ์ ฆ่าอำมาตย์ขุนนางที่เป็นพวกเจ้าฟ้าไชย และพระศรีสุธรรมราชา เห็นจะเกือบหมดแผ่นดินพระเพทราชา ฆ่าอำมาตย์ขุนนางแผ่นดินพระนารายณ์เรื่อยมา เห็นจะเรียกว่าเกือบหมดได้ แผ่นดินพระเจ้าเสือ เห็นจะฆ่าขุนนางอำมาตย์ตายมาก เพราะคนนิยมเจ้าพระขวัญแผ่นดินพระเจ้าท้ายสระ เคราะห์ดีไม่ต้องฆ่าใคร แต่อำมาตย์ขุนนางแผ่นดินพระเจ้าเสือที่เหลือถึงท้ายสระมีน้อย แผ่นดินพระเจ้าบรมโกศ อำมาตย์ขุนนางชาววังหลวง เห็นจะตายเกือบหมดระหว่าง 90 ปี ฆ่าเททิ้งกัน 7 ครั้ง เท่ากับ 13 ปีฆ่ากันครั้งหนึ่ง ถ้ารอดตายก็กลายเป็นไพร่หลวง และตะพุ่นหญ้าช้าง ผู้ดีกลายเป็นไพร่ แล้วไพร่กลายเป็นผู้ดีกรุงศรีอยุธยา ช่วงเวลาราษฎรแบ่งเป็นพวกหมวกแดง พวกผ้าเหลือง พวกหมวกแดงก็ทำท่าหมดหวัง“น้ำเหนือมาจนลดแล้ว พวกอังวะยังตั้งค่ายล้อมได้สองปีแล้ว ไม่เห็นจะเลิกทัพ”อำมาตย์ขุนนางพวกหนึ่ง ปรึกษากัน แล้วกราบทูลว่า ปืนใหญ่สองพี่น้องสำหรับเมืองก็ยิงไม่ออก พลทหารในเมืองต้องแบ่งข้าวสารทะนานเดียวกินในมื้อหนึ่งนับสิบคนหากช้าไปอีกข้างหน้า พลทหารทั้งปวงก็จะสิ้นกำลังถืออาวุธไม่ไหว ขอทรงพระกรุณาสวามิภักดิ์พระเจ้าอังวะ แล้วอำมาตย์สมณชีพราหมณ์จะได้อยู่สุขพระเจ้ากรุงศรีอยุธยามีรับสั่งว่าพระนครศรีอยุธยาแน่นหนา ดุจดังมีพระยาราชสีห์อยู่รักษาปากถ้ำ ใครเลยจะล่วงล้ำเข้ามาทำร้ายเราได้ ทหารอังวะจะมีปีกดุจดังพระยาครุฑบินข้ามมาได้ทีเดียวหรือจะยอมสวามิภักดิ์ได้ไฉน อีกไม่นานข้าศึกจะต้องทรุดโทรมแตกพ่ายอยู่แล้วในกำแพงพระนคร สองผู้นำแตกแยกชัดเจน ทั้งพระเจ้าแผ่นดิน ก็เชื่อมั่นในกำแพงพระนครมากกว่าเชื่อทหาร...ผมอ่านแค่นี้ ก็ไม่แปลกใจ ทำไม กรุง (จึง) แตก อยุธยา (จึง) ยศล่มอ่านนิยายแปลงพงศาวดารเรื่องนี้จบ ผมสบายใจ อย่างน้อยพระนครของเรา ผู้นำก็ไม่ได้รบกันฆ่ากันทุก 13 ปี คนเก่งๆดีๆ ทั้งพลเรือนทหารยังมีเหลือมากทหารก็เพิ่งแก้ปัญหามอเตอร์ไซค์ป้ายดำป้ายเหลืองทะเลาะกัน พลเรือนก็ทำตัวเลขจีดีพี โตกว่าสามปีที่ผ่านมา จะมีเรื่องไล่จับเด็กๆที่อยากเลือกตั้งบ้าง จนโด่งดังไปทั้งโลก ก็เป็นเรื่องผู้ใหญ่หยอกเด็กเล่นต้นปีหรือกลางปีหน้า ก็จะได้เลือกตั้ง รอมาได้ตั้งสี่ปี รออีกไม่กี่เดือน...ควรจะรอต่อไป กำแพงนครของเรายังมั่นคง ทหารก็ยังมีข้าวกินอิ่มท้อง มีแรงยิงปืนเล็กปืนใหญ่ใครที่คิดจะตั้งตัวเป็นศัตรูวางกลศึกล้มล้าง ก็คงได้แค่หวัง รักษาเงาหัวตัวเองเอาไว้ให้ดี.กิเลน ประลองเชิง